วันที่ 5 ก.พ. 64 เวลา 16.30 น. เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อนายโยมเมเอา อายุ 36 ปี คนงานชาวเมียนมา ก่อเหตุใช้มีดทำครัวยาว 30 เซ็นติเมตรปาดคอนางสาวซูเมพิว อายุ 25 ปี สาวทอม สัญชาติเมียนมา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลที่ลำคอเป็นแผลฉกรรจ์
โดยหลังจากก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุได้พยามวิ่งหลบหนีคนงานที่ช่วยกันล้อมจับ จึงตัดสินใจกระโดดจากชั้น 3 ของอาคารจอดรถที่กำลังก่อสร้างอยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ สูงประมาณ 20 เมตร ร่างกระแทกพื้น สะโพกหัก ห่างจาก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 100 เมตร ผู้รับเหมาจึงได้รีบนำขึ้นรถยนต์ของบริษัทไปส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
ทีมข่าวได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบเป็นอาคารสำนักงานที่กำลังก่อสร้าง สูง 6 ชั้น รวมดาดฟ้า ความสูงประมาณ 30 เมตร โดยในที่เกิดเหตุอยู่ในบริเวณหน้าบันไดหนีไฟชั้น 3 สูงจากพื้นดินประมาณ 15 เมตร
นางสาวนุโลม ศรดอก อายุ 57 ปี คนงานก่อสร้างชาว จ.สุรินทร์ ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือนางสาวซูเมพิว ที่กำลังถูกนายโยมเมเอา ใช้มีดทำครัวปาดและปักคอ เล่าว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 09.00 น. ตนได้เข้ามาที่ชั้น 3 อาคารสำนักงาน เพื่อจะมาทำงานก่อสร้าง โดยขณะนั้นตนได้พบกับผู้บาดเจ็บ ซึ่งกำลังถือถังน้ำ 2 ถัง 2 มือ เพื่อจะเดินลงบันไดไปยังชั้น 2 โดยตนก็ได้เข้าไปทักทาย พร้อมถามว่า "เห็นหัวหน้าคนงานบ้างไหม" ผู้บาดเจ็บบอกว่า "อยู่อีกตึกหนึ่ง"
จากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ตนก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เมื่อหันไปดูก็พบผู้ก่อเหตุซึ่งไม่ทราบว่ามาจากทิศทางไหน ได้เข้ามาล็อกคอผู้บาดเจ็บ แล้วใช้มีดทำครัวปาดคอผู้บาดเจ็บในทันที จนถังน้ำในมือของผู้บาดเจ็บหล่น ตนจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ ขณะนั้นผู้บาดเจ็บได้ล้มลงผู้ก่อเหตุก็ได้ตามเข้าไปขึ้นคร่อมพร้อมใช้มีดปักเข้าไปที่คอของผู้บาดเจ็บอีก 4-5 ครั้ง
จากนั้นตนได้กระโดดเข้าไปล็อกคอผู้ก่อเหตุ พร้อมแย่งมีด แต่ตนสู้แรงของผู้ก่อเหตุไม่ไหว ทำให้ตนถูกมีดบาดที่นิ้วก้อยข้างซ้าย โชคดีที่กลุ่มคนงานก่อสร้างในบริเวณชั้น 3 ประมาณ 4-5 คน ได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือของตน จึงได้วิ่งเข้ามาช่วยเหลือ ผู้ก่อเหตุจึงวิ่งหนีไป ส่วนผู้บาดเจ็บก็ถูกนำตัวลงไปยังชั้น 1 เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ทั้งนี้ เมื่อผู้ก่อเหตุถูกต้อนจนมุม ไม่มีทางหนี ผู้ก่อเหตุก็ได้กระโดดออกมาจากตัวตึกชั้น 3 กระแทกกับรถเครนและนั่งร้านก่อนจะตกลงไปบนพื้น ซึ่งชั้น 3 สูงจากพื้นดินประมาณ 15 เมตร
อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้จักผู้ก่อเหตุ เพราะผู้ก่อเหตุเพิ่งเข้ามาทำงานได้ประมาณ 4-5 เดือน ส่วนผู้บาดเจ็บตนก็รู้จักเพียงผิวเผิน ขณะที่ตนกระโดดล็อกคอผู้ก่อเหตุ ตนเป็นห่วงผู้บาดเจ็บ จึงไม่ทันคิดว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บ และคิดว่าตนไม่มีเรื่องบาดหมางกับผู้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุคงจะไม่ทำอะไรตน
นางสาวต่อ อายุ 33 ปี ชาวเมียนมา ผู้ดูแลคนงานก่อสร้าง บอกว่า ผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บเพิ่งย้ายเข้ามาทำงานก่อสร้างที่อาคารสำนักงานแห่งนี้ได้ประมาณ 4-5 เดือน ต่างฝ่ายต่างอยู่ตัวคนเดียวในประเทศไทย แต่ผู้ก่อเหตุนั้นมีภรรยาและลูก โดยอาศัยอยู่ที่ประเทศเมียนมา เหตุการณ์เมื่อวานนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง นอกจากผู้ก่อเหตุจะใช้มีดปาดคอผู้บาดเจ็บ ยังได้ใช้มีดปักคอผู้บาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
ทั้งนี้ ตนได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ก่อเหตุมาแล้ว อาการขณะนี้ท่อนล่างขยับไม่ได้ เนื่องจากกระดูกเอวและไหล่ขวาหัก เตรียมตัวผ่าตัด ยังไม่ทราบผลวินิจฉัยจากแพทย์ว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนปกติหรือไม่ ส่วนผู้บาดเจ็บรู้สึกตัวดี พูดคุยได้เล็กน้อย โดยทางบริษัทรับเหมาก่อสร้างจะดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ โดยหลังจากไปเยี่ยมไข้ ทำให้ตนได้ทราบปัญหาทั้งหมด มีปมความรักที่ผู้ก่อเหตุชอบผู้บาดเจ็บ แต่ผู้บาดเจ็บไม่เล่นด้วย เนื่องจากไม่ชอบผู้ชาย อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังมีภรรยาและลูกแล้ว
พ.ต.อ.พิจิตร อังศุภานิช ผู้กำกับสอบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า เบื้องต้นทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายขณะนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาพยามฆ่าอยู่อื่นโดยเจตนา พร้อมทั้งสั่งอายัดตัว รอจนแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล จึงจะส่งตัวดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป