หลังจากที่ วันนี้ (8 มิ.ย.61) ที่กองปราบปราม นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พาผู้เสียหายกว่า 10 ราย เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมกับนายต่อศักดิ์ พักวัด อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ซึ่งถูกตำรวจ สน.ตลิ่งชัน จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ หลังอ้างตัวเป็นร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ ใช้กลอุบายหลอกลวงเอาทรัพย์สินของเหยื่อไปรวมนับ 10 ล้านบาท
ล่าสุด
“รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.20 น. ได้เชิญ
คณนภัส แซ่เตีย และนิตยา ผู้เสียหายถูกร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์หลอก, อนุวัฒ เขียวเกลี้ยง ผู้โพสต์คลิปวิดีโอแฉร่างทรง, หลวงปู่มหามุนี อริยดาบส และ
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมพูดคุยในรายการ
โดยก่อนหน้านี้มีผู้เสียหาย 2 ราย เดินทางแจ้งความที่ จ.สุรินทร์ อ้างว่าถูกร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ หลอกให้ทำพิธี โดยสูญเงินรวมกว่า 600,000 บาท และทำให้เป็นหนี้นอกระบบ
ประกอบกับที่มีคลิปร่างทรงใช้มีดซามูไร เฉือนใบหน้าและแทงที่ร่างกาย แต่ไม่เข้า จนมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งอัดคลิปวิดีโอใช้มีดชนิดเดียวกันเฉือนที่ใบหน้า แต่ก็ไม่เข้าเช่นกัน เพราะมีดไม่มีความคม ซึ่งเจ้าตัวระบุว่าไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์แต่อย่างใด
นายอนุวัฒ เขียวเกลี้ยง ผู้โพสต์คลิปวิดีโอแฉร่างทรง กล่าวว่า ตนเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ ส่วนสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ตนก็ไม่เชื่อ ประเด็นที่มีร่างทรงใช้มีดกรีดที่ใบหน้า แต่ไม่เข้าผิวหนัง ตนเองไม่เชื่อเพราะเป็นมีดที่อาจจะเตรียมไว้โดยไม่มีคม ส่วนที่ร่างทรงใช้มีดซามูไรสาธิตฟันลูกมะพร้าวจนแตกก่อนนั้น ตนอธิบายได้ว่ามีดอาจจะไม่คมจริง แต่ด้วยใช้แรงกระแทกก็ทำให้มะพร้าวแตกได้ ทั้งนี้ ถ้าหากตนจะเชื่อก็ต่อเมื่อ มีการเฉือนด้วยมีดที่ร่างทรงไม่ได้เตรียมมา แล้วก็ให้มาทำต่อหน้าตน ส่วนคลิปที่ร่างทรงแทงมีดไปที่ท้อง ซึ่งมีเสื้อผ้าอยู่ ก็เห็นได้ว่ามีดไม่สัมผัสผิวหนังโดยตรง ตนจึงไม่เชื่อ
นางคณนภัส แซ่เตีย ผู้เสียหายถูกร่างทรงหลอก กล่าวว่า ตนเองเชื่อร่างทรงเพียงครึ่งหนึ่ง แต่ที่ตนเชื่อร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์ เพราะร่างทรงคล้ายกับอ่านใจตนได้ ทักตนว่าที่ลูกชายตนไม่กลับมาบ้านและหายไปกว่าสัปดาห์ ก็เพราะโดนของ โดยหลอกให้ตนนำเสื้อผ้าของลูกชายไปให้ ร่างทรงอ้างว่าจะนำเสื้อไปให้อาจารย์ทำพิธีสักยันต์ แล้วให้ตนนำเสื้อไปเผาทิ้งตอนเที่ยงคืน ตนทำตามคำแนะนำดังกล่าว แต่ลูกชายก็ยังไม่กลับบ้าน โดยเสียเงินค่าทำพิธี 15,000 บาท ทั้งนี้ ร่างทรงมีข้อมูลว่าตนมีปัญหาเรื่องการรีไฟแนนซ์บ้าน จึงอ้างว่าจะติดต่อธนาคารให้ เพราะร่างทรงมีชุดพนักงานของธนาคาร โดยตนไปกู้เงินนอกระบบเพื่อนำเงินมาให้ดำเนินการ รวมทั้งสิ้นกว่า 300,000 บาท โดยรวมเงินที่ถูกโกงกับคุณนิตยากว่า 600,000 บาท ซึ่งปัจจุบัน ตนทำงานส่งเอกสารหาเงินมาจ่ายหนี้นอกระบบรายวัน วันละกว่า 2,000 บาท
หลวงปู่มหามุนี อริยดาบส กล่าวว่า ตนไม่ใช่ร่างทรง และไม่กล้าเป็นร่างทรงเพราะกลัวโดนจับ แต่ส่วนของตนก็มีค่าครู 109 บาท เป็นขันธ์ครู นำไปใช้เป็นค่าอุปกรณ์ ธูป เทียน ค่าน้ำค่าไฟ ส่วนที่ร่างทรงมีการเรียกเก็บเงินจำนวนมาก ๆ นั้น เรียกว่าขันธ์กู ส่วนที่ตนทำพิธี อย่างเช่นการช่วยดึงลูกกลับบ้าน ตนก็สามารถทำได้ แต่เป็นไปไม่ได้ว่าตนจะทำเพื่อแหกตาประชาชน เพราะในแต่ละกรณี ตนไม่ได้การันตีผล มีทั้งที่ทำสำเร็จและไม่สำเร็จ
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า การเป็นร่างทรง ในทางวิทยาศาสต์มองว่าเป็นโรคชนิดหนึ่งทางประสาท อาจจะมีความป่วยแต่ไม่รู้ตัว ทั้งนี้ การเล่นกลของร่างทรง ก็อยู่ที่จะมีใครจับได้หรือไม่ ถ้าหากไม่มีใครจับได้ ก็กลายเป็นเรื่องปาฏิหารย์ ส่วนเรื่องมีดเฉือนที่ใบหน้านั้น ก็สามารถทำได้ หากทำเป็นการโชว์เพื่อความสนุกสนาน ก็ไม่เป็นไร แต่หากเรียกรับผลประโชน์ก็จะเป็นเรื่องทางคดีความ ซึ่งการใช้มีดไม่มีคมเฉือนหน้า ตามหลักการทางฟิสิกส์ หากใช้ความเร็วน้อยก็จะไม่เข้าผิวหนัง ส่วนถ้าถามเรื่องความเชื่อนั้น ส่วนตัวเคยไปหาหมอดู ซึ่งการพูดคุยก็เป็นการใช้จิตวิทยาให้เชื่อ ทั้งนี้ ตนมองว่าเรื่องความเชื่อไม่ทำร้ายใคร แต่ถ้าความเชื่อทำให้คนเดือดร้อนก็ต้องหยุด
หลวงปู่มหามุนี กล่าวว่า ตนขอท้าให้พิสูจน์ โดยใช้มีดชนิดใดก็ได้ เฉือนที่ผิวหนังตน ซึ่งอาจจะเข้าเพียงแค่ผิวด้านนอกเล็กน้อย อาจจะมีเลือดซึมเล็กน้อย แต่จะมียางบอนออกมาเป็นสีขาว ทั้งนี้ตนขอท้าให้คุณพุทธ พิธีกร ลองพิสูจน์ โดยการให้ชื่อและวันเดือนปีเกิดกับตน ตนสามารถทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกับชีวิตได้
รศ.ดร.วีรชัย กล่าวว่า กรณีร่างทรงนั่งในกระทะที่มีน้ำมันและจุดไฟนั้น ตนถือว่าเป็นการโชว์ทางวิทยาศาสตร์ โดยหลักการคือการใช้น้ำและน้ำมัน ที่มีจุดเดือดต่างกัน จะใช้สมุนไพรวางด้านบนเพื่อนั่งบนน้ำมัน ซึ่งน้ำมันมีจุดเดือที่สูงกว่า ต่างจากน้ำที่จุดเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส การถ่ายเทความร้อนจากน้ำด้านล่าง ไปสู่น้ำมันด้านบนจะช้ามาก จึงสามารถนั่งอยู่ด้านบนน้ำมันได้นานเป็นชั่วโมง ทั้งนี้ พิสูจน์ได้ด้วยการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิได้ และอยากให้คนที่เชื่อใช้วิจารญาณให้มากขึ้น
หลวงปู่มหามุนี ระบุว่า เรื่องร่างทรงนั่งบนกระทะน้ำมันร้อน ๆ ไม่ใช่เรื่องผู้มีฤทธิ์ แต่เป็นเรื่องของการฝึกจิตมนุษย์ ซึ่งเป็นการโยกย้ายความเจ็บปวดออกจากร่างกาย ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด ส่วนเทคนิคพิเศษนั้นก็มี ยกตัวอย่างเช่น นำไข่ใส่ลงกระทะแล้วไข่ลอยขึ้น คล้ายบอกว่าเป็นไข่สุกเพราะน้ำร้อน แต่ที่จริงมีชั้นน้ำมันที่ทำให้ไข่ลอยตัวขึ้นมาได้
นายอนุวัฒ ระบุว่า ส่วนในประเด็นร่างทรงนอนพนมมือลอยน้ำได้ ตนก็สามารถนอนลอยในน้ำได้เช่นกัน ทั้งที่ไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ เนื่องจากตนเองมีไขมันมาก
นางคณนภัส ระบุว่า ทุกวันนี้ตนก็ยังเชื่อร่างทรงอยู่ 50% เพราะภายใต้จิตสำนึกตนยังมีความเชื่อแบบนั้น ส่วนเรื่องคดีที่โดนหลอก ตนอยากให้ร่างทรงติดคุกต่อไป ถ้าหากออกมาก็ขอให้ใช้หนี้ตน แต่ถ้าใช้หนี้ไม่ได้ก็ไม่อยากให้ออกจากคุก เพราะทุกวันนี้ตนต้องทำงานใช้หนี้จนวันตาย แต่สุดท้าย ตนก็ยังไม่เกลียดคนที่เป็นร่างทรง
ด้าน
นางนิตยา ผู้เสียหายถูกร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์หลอก ระบุว่า ส่วนตัวแมม้จะโดนหลอกมาแล้ว แต่ก็ยังเชื่ออยู่ 50% ถ้าหากวันนี้ ตนเห็นร่างทรงลอยน้ำได้ หรือใช้มีดกรีดหน้าแล้วไม่เข้า ตนก็ยังคงเชื่ออยู่เช่นเดิม
นอกจากนี้ นายสมยศ ผู้เสียหายถูกร่างทรงเจ้าพ่อเมืองสุรินทร์หลอก เล่าว่า นายต่อศักดิ์ ผู้อ้างเป็นร้างทรงเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านประมาณปี 2558 และได้รู้จักกัน โดยมาพูดคุยว่าสามารถทำบัตรเครดิตให้ได้ ถึงแม้ว่าจะติดเครดิตบูโร โดยใช้เงินเพียง 60,000 บาท ก็จะได้วงเงินบัตรเครดิตมากถึง 3 เท่า เท่ากับได้ 180,000 บาท หลังจากนั้นจึงได้มีการพูดคุยกันโดยตรงกับนายต่อศักดิ์ ซึ่งขณะนั้นเมื่อทราบว่านายต่อศักดิ์เป็นร่างทรง แต่ไม่เคยเข้าไปใช้บริการ
ยอมรับว่าเชื่อนายต่อศักดิ์ เพราะเจ้าตัวแต่งตัวน่าเชื่อถือ พูดจาดี ขับรถหรู และอ้างตัวว่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของธนาคารแห่งหนึ่ง ตนจึงได้นำเงินจำนวน 30,000 บาท ให้กับนายต่อศักดิ์ เพราะขณะนั้นเดือดร้อนเรื่องเงิน เมื่อให้เงินไปแล้ว นายต่อศักดิ์บอกว่าให้รอ 1 สัปดาห์ เมื่อตนโทรฯ ตาม ก็บอกว่าไม่ผ่าน เดี๋ยวจะนำเงินมาคืน ซึ่งก็บ่ายเบี่ยงและอ้างว่าให้จะนำทองไปจำนำเพื่อนำเงินมาคืน และก็อ้างว่าทองถูกขโมยไปจึงยังไม่มีเงิน หลังจากนั้น ก็ย้ายบ้านหนีไปอยู่ที่อื่น ซึ่งตนเดือดร้อนมาก เพราะต้องหาเงินไปคืนที่กู้มา และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าเชื่อใครง่าย ๆ ให้ตรวจสอบประวัติให้ดี อีกทั้งยังเชื่อว่าการที่นายต่อศักดิ์อ้างว่าเป็นร่างทรง ก็น่าจะเป็นการทำเพื่อบังหน้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากจบรายการต่างคนต่างคิด ทีมงานจึงขอให้หลวงปู่ฤาษีมหามุนี แสดงอิทธิฤทธิ์ของร่างกายให้ดู โดยที่ไม่ได้มีการตระเตรียมอุปกรณ์มาก่อน ซึ่งก่อนที่จะมีการนำมีดหมอของปู่ฤาษี มาเฉือนลงบนแขนขวาของหลวงปู่ฤาษีมหามุนี หลวงปู่ได้บอกว่าตามหลักโบราณจะมีคาถาถอนคมมีดที่ว่า “อิสะวาโฮม โฮมสะวาอิ ชะวะอิอิโฮมสะวาหะ” โดยหลังจากนั้น จึงจะสามารถใช้มีดหรือดาบต่าง ๆ เฉือนร่างกายได้
จากนั้น หลวงปู่ได้ลองใช้มีดของตนเอง เฉือนลงบนแขน แต่ไม่มีแม้แต่รอยแผล หลวงปู่บอกเพียงว่า หลังจากนี้จะมีรอยขึ้นมา แต่เป็นเพียงรอยยางบอนเท่านั้น จากนั้นทีมงานได้ขอเอามีดทำครัว ซึ่งหลวงปู่ ไม่ทราบมาก่อนว่าจะใช้มีดนี้ทดลอง เฉือนลงบนแขนของหลวงปู่อีกครั้ง โดยให้ทีมงานเป็นผู้ขอเฉือนเอง
ซึ่งเมื่อทดลองแล้วก็ไม่ปรากฏรอยแผลบนแขนของหลวงปู่แต่อย่างใด หลังจากทดลองให้ดู หลวงปู่ เน้นย้ำว่า สิ่งที่ตนแสดงให้ดู เป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ไม่ควรเลียนแบบ เพราะตนเองมีทักษะในเรื่องนี้ จึงสามารถทำได้โดยมีความชำนาญ