จากกรณีสองตายายที่เป็นกระแสข่าวเรื่องของ ภายในบ้านเต็มไปด้วยกองขยะเต็มบ้านและส่งกลิ่นเหม็น โดยมีนายกฤษณะ เทียมสุวรรณ อายุ 79 ปี ซึ่งพิการหลังค่อม ต้องเดินฝ่ากองขยะในบ้านเพื่อนำน้ำ และอาหาร ไปให้กับนางศรีรัตน์ เทียมสุวรรณ อายุ 62 ปี ผู้เป็นภรรยา ป่วยอัมพาตนอนติดเตียงไม่สามารถขยับได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รันทด! ตายายหนุนกองขยะแทนที่นอน เคราะห์ซ้ำลูกตกงานหอบหลานคุ้ยอาหารเสียประทัง 4 ชีวิต (คลิป)
ล่าสุด วันที่ 18 ก.พ. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บ้านเลขที่ 35/21 ม.3 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี บ้านที่เต็มไปด้วยสิ่งของต่าง ๆ ขยะที่เก็บมานั้นปริมาณเยอะนั้นได้หายไปจนพื้นบ้านสะอาด ไร้กลิ่นเหม็น สภาพการเป็นอยู่ดีขึ้น
หลังจากวันที่วันที่ 16 ก.พ. 64 การจัดเก็บกองขยะเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนกองทัพเรือ ได้ใช้เวลานาน 8 ชม. ตั้งแต่ 11.00 - 19.00 น. เพื่อทำการเคลื่อนย้ายกองขยะที่อัดแน่นมีปริมาณมากกว่า 2 ตัน ขนใส่รถขยะขนาด 4 ล้อ จำนวน 5 คัน และรถบรรทุกขนาด 6 ล้อ 1 คัน พร้อมทำความสะอาดล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
นายกฤษณะ เทียมสุวรรณ เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ตนอยู่บ้านหลังนี้ 4 คน มีตน และนางศรีรัตน์ เทียมสุวรรณ ภรรยา, น.ส.สุภาพร เทียมสุวรรณ ลูกสาว และเด็กชายมิก (นามสมมติ) ลูกชายของ น.ส.สภาพร จากสาเหตุที่มีขยะเยอะ เนื่องจากช่วงฝนตกหนักและน้ำท่วมก็มีขยะลอยมายังบริเวณพื้นบ้านของตน พื้นบ้านเป็นลักษณะคล้ายแอ่งกระทะ และประจวบเหมาะตนเก็บขยะ ขวดพลาสติด เศษขวดต่าง ๆ มาไว้ภายในบ้านทุกวันเพื่อที่จะนำออกไปขาย
ตอนนี้บ้านโล่งสะอาดปลอดโปร่งแล้ว ตนไม่เก็บขยะมานานหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังมีผู้มีจิตศรัทธาช่วยเหลือ เดินออกไปตามร้านสะดวกซื้อก็จะมีผู้คนซื้อข้าวของให้อยู่ตลอด หลังมีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้การช่วยเหลือในการทำความสะอาดบ้านและเก็บขยะ รู้สึกดีและโล่งใจขึ้น แต่กังวลเรื่องหากมีน้ำท่วมก็อาจจะมีกองขยะลอยเข้ามาอยู่ภายในบ้านอีกเช่นเคย อีกทั้งยังมีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาให้ความช่วยเหลือ โดยการบริจาคอาหารเครื่องดื่ม และบริจาคเงินให้กับตน
ส่วนลูกสาวนำเงินบริจาคไปนั้น มีครั้งที่ลูกสาวคนโตก่อนจะเสียชีวิตได้มอบเงินให้คุณตา 10,000 บาท และลูกสาวคนเล็ก น.ส. สุภาพร ก็จะนำเงินไปใช้อยู่ตลอดจนหมด ไม่เคยได้รับเงินถึงมือตนสักบาทเดียว อีกทั้งเงินที่ได้จากรับบริจาค ลูกสาวก็ได้นำเงินไปใช้จนหมด ไม่เคยซื้อของ อาหารให้ตนเลย หากถ้าวันไหนได้รับเงินบริจาคเยอะ ลูกสาวก็จะหายจากบ้านไปประมาณ 1 สัปดาห์ และครั้งไหนเงินบริจาคน้อยก็จะหายออกจากบ้าน 1-2 วัน เพราะลูกสาวมีนิสัยติดเหล้า ชอบเที่ยวกลางคืน
นางรำไพ เจริญชีพ อายุ 75 ปี น้องสาวของนายกฤษณะ เล่าว่า ลูกสาวของนายกฤษณะได้มีการนำเงินที่ได้รับบริจาคและนำเงินของเบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการไปจนหมด โดยในทุกเดือนจะมีเบี้ยเงินผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการของคุณตาและคุณยาย จำนวนเงิน 2,100 บาท จะถูกถอนออกไปในทุกเดือน น.ส.สุภาพร จะนำสมุดบัญชีที่ตนเป็นคนเก็บดูแลไว้ภายในบ้าน เพื่อที่จะถอนเงินออกไปจนหมดเกลี้ยง
นอกจากนี้ น.ส.สุภาพร ไม่เคยบอกว่านำเงินไปไหน แต่เจ้าตัวเป็นคนเที่ยวเก่ง ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่นอนบ้าน ไม่เคยบอกพ่อแม่ว่าออกไปไหน และนำเงินไปใช้อะไรบ้าง ตนโกรธหลานคนนี้มาก ถ้าตนเดินได้คล่องจะเดินไปตีด้วยตัวเอง เนื่องจากเป็นหลานสาวที่มักด่าบุพการีด้วยถ้อยคำที่หยาบคายเป็นประจำ
