ชาวเน็ตได้แชร์คลิปหญิงสาวคนหนึ่งถือทะเบียนสมรสบุกงานแต่งสามีตนเอง ซึ่งไปแต่งงานใหม่โดยที่ทั้ง 2 คนยังไม่ได้หย่าขาดกัน ทำให้ชาวเน็ตพากันแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวอย่างหนัก ซึ่งล่าสุดฝ่ายภรรยาหลวง ได้ปรึกษาทนายเพื่อยื่นฟ้องหญิงที่แต่งงานซ้อนแล้วนั้น
วันที่ 19 ก.พ. 64 นางนิภาพรรณ หรือ จอย อายุ 32 ปี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เปิดใจเล่าว่า กรณีที่สามีของตนให้ข้อมูลว่าจะไม่ขอเลือกใคร ไม่ว่าจะเป็นตน หรือเจ้าสาว ตนเคารพการตัดสินใจของสามี เพราะตอนนี้ตนและลูกก็ยังต้องอาศัยอยู่บ้านพ่อแม่ของสามีอยู่ ตอนนี้ตัวสามีเองหรือครอบครัวฝั่งเจ้าสาวก็ยังไม่ได้ติดต่อมาพูดคุย แต่หากโทรมาตนก็ไม่ขอคุยด้วย และจะขอดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
ส่วนที่สามีและเจ้าสาวมีการแต่งงานกันด้วยวัตถุประสงค์อะไรนั้น ตนก็ยังไม่ทราบ ก่อนหน้านี้สามีก็ไม่เคยทำตัวมีพิรุธ แต่สำหรับเจ้าสาวรายดังกล่าว ก่อนหน้านี้ตนเคยเตือนหลายรอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจดหมาย ทำเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรส่งไปว่าให้เลิกประพฤติตัวชู้สาวกับสามีตน และตนเคยจับได้ว่าอยู่ด้วยกันที่รีสอร์ตมาก่อนเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมาแอบแต่งงานกัน ตอนนี้ลูกของตนก็อยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ตนต้องคอยพูดทำความเข้าใจให้ลูกฟังว่าต้องยอมรับกับผลที่มันจะเกิดขึ้นให้ได้ และคอยเป็นกำลังใจลูกอยู่ข้าง ๆ
ส่วนกรณีที่มีคลิปแม่ของสามีตบหัวสามีตน อยากชี้แจงว่าที่แม่ทำแบบนั้นเพราะยึดความถูกต้องเป็นหลัก แม่อยู่ข้างตนมาตลอด เพราะอยู่ดูแลกันมานาน เสมือนเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้แม่จิตใจบอบช้ำมาก แต่ตนก็เห็นมีกระแสแห่ชื่นชมการกระทำของแม่เยอะมาก ก็ดีใจ
ล่าสุด ตอนนี้ตนไม่ได้คิดว่าสามีจะกลับมาอยู่ด้วยกัน และไม่มีเรื่องอะไรจะพูดคุยกับสามีแล้ว ที่ผ่านมาตนมีการพูดคุยกันมาโดยตลอดว่าหากก่อเหตุในลักษณะนี้ ต้องยอมรับผลที่มันจะเกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่อยากจะให้สามีกลับมารับผิดชอบหรือไม่ ตนมองว่าเป็นหน้าที่ของสามีอยู่แล้ว ตนไม่จำเป็นต้องไปร้องขออะไร ส่วนเรื่องอนาคตทางราชการของสามี ก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนทางราชการ เนื่องจากตอนที่ตนไปงานแต่ง ตนไปใช้สิทธิในฐานะเมียหลวง ไม่ได้คิดว่าอนาคตสามีจะได้รับผลกระทบอย่างไร แต่ตนแค่ไปทวงสิทธิเมียที่มีทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
นางนิภาพรรณ กล่าวต่อว่า กรณีที่มีคลินิคเสริมความงามติดต่อเข้ามานั้นเป็นเรื่องจริง ตนก็ได้ตอบรับไป แต่ยังไม่ได้รับฟังรายละเอียด เพราะยังรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งตนไม่คิดว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะเป็นกระแสดังขนาดนี้ สุดท้ายนี้ตนขอสรุปว่าเรื่องตนกับสามีในอนาคตจะเป็นอย่างไร ตนก็ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากตอนนี้ยังคงตกใจ เหนื่อย และยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากถามว่ายังรักอยู่ไหม ตนตอบได้เลยว่า "เป็นความผูกพันมากกว่า" เนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานถึง 16 ปี จะให้ตัดสินใจตัดขาดหรือก้าวต่อไปอย่างรวดเร็ว ตนยังคงทำไม่ได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดใจแม่ผัวแห่งชาติ ตบลูกชายแต่งงานซ้อนยุฟ้อง - เมียช้ำถูกเย้ยน้ำพริกถ้วยใหม่
- ตำรวจหนุ่มลาราชการหลบข่าวฉาวหนีเมียไปแต่งงาน พ่อตาเผยเสียใจแต่พร้อมให้อภัยลูกเข
นายนพดล อายุ 54 ปี พ่อของนางนิภาพรรณ ภรรยาของตำรวจ เผยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนก็รู้สึกรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากสงสารลูกสาวและหลาน ก่อนหน้านี้ลูกสาวของตนก็ต้องทนพฤติกรรมของ ส.ต.ต.ศรันญู มานาน ก่อนหน้าที่คบกับลูกสาวตนและมีหลานออกมา ส.ต.ต.ศรันญู ก็มีลักษณะเหมือนอายที่มีลูกสาวและหลานในชีวิต ไม่ค่อยพาลูกสาวและหลานไปไหนมาไหน ส่วนใหญ่จะปล่อยให้ลูกสาวของตนอยู่ดูแลลูก เจ้าตัวเป็นคนอารมณ์ร้อน เวลาไม่พอใจชอบด่าพ่อแม่ของตัวเอง เคยมีปากเสียงกับลูกสาวตน จนถึงขั้นจะขับรถยนต์ชนลูกสาวตนมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน โชคดีลูกสาวตนไม่เป็นอะไร
ซึ่งตนถึงขั้นเคยไปพูดกับ ส.ต.ต.ศรันญูมาแล้วว่า "หากทำร้ายร่างกายลูกสาวตนให้เห็นอีก ตนไม่ยอม" เพราะตนอยากให้ ส.ต.ต.ศรันญู สำนึกว่าลูกสาวตนอยู่ดูแล ส.ต.ต.ศรันญู ตั้งแต่ยังไม่มีอะไร จนสอบติดตำรวจ มียศ คอยดูแลงานบ้าน เลี้ยงลูก ทำให้ทุกอย่างไม่เคยขาด แต่พอได้เป็นตำรวจกลับนิสัยเปลี่ยนไป บวกกับรูปร่างหน้าตาดี มีรถขับ ก็ทำให้มีผู้หญิงเข้ามาหาจึงมีนิสัยเปลียนไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นไปแอบแต่งงานใหม่กับหญิงอื่น
อย่างไรก็ตาม หาก ส.ต.ต.ศรันญู มาขอโทษ ส่วนตัวคงจะให้อภัยเพราะเป็นสามีของลูก และเป็นพ่อของหลาน อีกทั้งพ่อแม่ ของส.ต.ต.ศรันญู ก็เป็นคนดี ดูแลลูกสาวของตนเป็นอย่างดี ตอนที่ลูกสาวไปอยู่บ้านด้วย แต่ก็ต้องแล้วแต่ลูกว่าตัดสินใจอย่างไร
ส่วนกรณีที่ ส.ต.ต.ศรันญู ออกมาให้ข้อมูลว่าจะไม่ขอเลือกใคร ไม่ว่าจะเป็นลูกสาวตน หรือเจ้าสาว ตนมองว่า ส.ต.ต.ศรันญู เพียงแค่พูดเพื่อเบี่ยงเบนกระแสโจมตีให้เงียบลง ไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย ซึ่งก็อยากจะให้มาคุยกัน แต่ถึงอย่างไร หาก ส.ต.ต.ศรันญู กลับใจได้จริงก็ต้องดูกันต่อไป เพราะไม่มั่นใจและกลัวจะเกิดเหตุดังกล่าวซ้ำอีก