จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “สถาพร มงคล” โพสต์คลิปขณะโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องการเรียกเก็บใบขับขี่รถบรรทุก พร้อมระบุข้อความว่า “รถคันนี้ มีระบบ gps ตัดน้ำมัน ถ้าไม่ใช้ใบขับขี่รูดรถจะสตาร์ตไม่ติด จึงขอร้องไม่ให้ตำรวจเรียกเก็บใบขับขี่ตำรวจไม่ยอม จึงเกิดปัญหา”
วันที่ 15 มิ.ย. 61
นายสถาพร มงคล ผู้โพสต์คลิป เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น. ขณะที่ลูกน้องของตนขับรถบรรทุกกลับจากส่งของที่พระราม 3 เพื่อกลับบางใหญ่ ระหว่างทางบนถนนราชพฤกษ์ มีการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ตลาดพลู โดยได้เรียกปรับรถบรรทุกของตน เนื่องจากเดินรถบรรทุกในเส้นทางดังกล่าวก่อนเวลาที่กำหนด คือตั้งแต่เวลา 10.00 - 15.00 น. ซึ่งต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 500 บาท โดยลูกน้องของตนไม่มีเงินเพียงพอ เจ้าหน้าที่จึงยึดใบขับขี่ไป ซึ่งปกติรถบรรทุกจะต้องใช้ใบขับขี่ในการรูดสตาร์ตรถ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ GPS ของกรมการขนส่ง หากไม่มีใบขับรถจะขับไปได้ไม่เกิน 5 นาที เครื่องก็จะดับ โดยลูกน้องตนพยายามขอใบขับขี่คืนเพื่อขยับรถแต่ตำรวจก็ไม่ยอม ลูกน้องของตนจึงขับรถออกไปเพื่อไปจอดหลบไม่ให้การจราจรติดขัด แต่ขับได้ยังไม่พ้นด่านรถก็ดับลงทำให้รถติดยาว
ตนจึงเดินทางมาเจรจา โดยขอให้ตำรวจคืนใบขับขี่ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม ซึ่งก็มีเหตุการณ์ถกเถียงกันช่วงที่มีอาสาตำรวจเข้ามาร่วมด้วย จนสุดท้ายตนต้องนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ไปที่ สน.ตลาดพลู เพื่อจ่ายค่าปรับจำนวน 500 บาท ข้อหาเดินรถในเวลาห้าม โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่เข้าใจเรื่องกฎการเดินรถบรรทุก เมื่อเรียกตรวจหากมีความผิด ก็จะไม่ยึดใบขับขี่ เพราะทราบดีว่าหากยึดคนขับจะไม่สามารถขับรถออกไปได้ แต่ในวันเกิดเหตุตนไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลาดพลู จึงต้องยึดใบขับขี่ ซึ่งตนคิดว่าวิธีการเรียกปรับมีอีกหลายวิธี ทั้งการออกใบสั่ง รวมถึงใช้ระบบอายัดการเสียภาษี ทำให้ผู้กระทำผิดไม่สามารถหลบหนีได้
นายสถาพรยืนยันว่า ไม่ได้คิดหนีหรือไม่จ่ายค่าปรับ เพราะเมื่อได้ใบสั่งมาตนก็จะเข้าไปจ่ายทีหลัง ซึ่งเหตุที่ต้องออกมาเรียกร้อง เพราะอยากให้ทางกรมการขนส่งที่ควบคุมการเดินรถ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติผู้ควบคุมกฎหมาย ควรคุยกันในประเด็นนี้ เพื่อไม่ให้คนขับได้รับความเดือดร้อน
ด้าน
พ.ต.อ.บรรยง แดงมั่นคง ผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลตลาดพลู เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนกำลังรอรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาเกี่ยวกับรายละเอียดที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำตามกฏหมาย โดยฝ่ายรถบรรทุกทำผิดฐานขับรถก่อนเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนทำให้รถติดขัด ทั้งยังเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เป็นการเอาเปรียบประชาชน ซึ่งตัวคนขับก็ทราบดีว่าหากวิ่งรถในเวลาที่กำหนดและไม่ทำผิดก็จะไม่ถูกจับและไม่ถูกยึดใบขับขี่
ขณะที่
นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล ประธานชมรมมิตรภาพพิทบูล ได้เปิดเผยว่า กฎระเบียบใหม่ของกรมขนส่งได้ออกมาว่า การขับขี่รถบรรทุก รถสาธารณะ จะต้องใช้ใบขับขี่ในการรูดบัตรเพื่อแสดงตนก่อนที่จะขับขี่ โดยพ่วงกับเทคโนโลยี GPS ที่เป็นระบบสมัยใหม่ในการติดตามคนขับว่ามีพฤติกรรมการขับขี่อย่างไรบ้าง รวมถึงทราบได้ว่าคนขับเป็นใคร ซึ่งเมื่อถูกยึดใบขับขี่ รถก็ไม่สามารถขับต่อไปได้ หากไม่รูดบัตรจะต้องเสียค่าปรับอีกประมาณ 5,000 บาท ตามความผิดฐานไม่แสดงตนขณะขับขี่รถสาธารณะ
มาร์ค พิทบูล ในคลิปจะเห็นว่าคนขับได้ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เขียนใบสั่งมาให้ แต่ขอใบขับขี่คืน แล้วจึงจะไปชำระตามค่าปรับภายหลัง เนื่องจาก การชำระค่าปรับจะชำระเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ใบขับขี่ต้องใช้ตลอดเวลาเมื่อคนขับสตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ บางคันที่เป็นรถรูปแบบใหม่ หากไม่ใช้ใบขับขี่รูดก่อน ก็จะไม่สามารถสตาร์ทรถได้
จุดดังกล่าวจึงเป็นข้อขัดแย้งกับระบบการบริหารงานสมัยใหม่ มาร์ค พิทบูล ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจึงไม่ใช้มาตรการอื่นแทน เช่น หากทำผิดครั้งแรกจะมีการตักเตือน ครั้งต่อ ๆ ไปจึงตัดแต้มคะแนน พอครบกำหนดแล้วค่อยยึดใบขับขี่ หรือตั้งกฎห้ามขับรถเป็นระยะเวลากี่วัน ซึ่งเป็นมาตรการสากลที่ต่างประเทศทำ อีกทั้ง บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการยึดใบขับขี่ไว้ก็มีการทำบัตรหาย ส่งผลให้ประชาชนต้องเดือดร้อนไปทำใบขับขี่ใหม่อีก
ส่วนตัวมองว่าควรจะยกเลิกระบบการยึดใบขับขี่ ตนคิดว่าการยึดใบขับขี่ไว้ ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาในการขับขี่รถให้ถูกกฎ จุดประสงค์ที่ตำรวจยึดใบขับขี่ ตนมองว่าอยากให้คนไปชำระค่าปรับ แต่ไม่ได้คิดแก้ปัญหาจราจร หรือปัญหาที่คนขับรถผิดกฎ จากปัญหานี้ตนก็เคยไปยื่นหนังสือถึงกรมขนส่งมา 2 เดือนกว่า แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ