จากกรณีที่มีเพื่อนบ้านร้องเรียนถึงพฤติกรรมของคุณป้ารายหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ในซอยโพธิ์ปั้น 10 เขตดินแดง ทราบชื่อคือ
นางแสงระวี กันใจรุ่งโรจน์ อายุ 69 ปี เช่น ปลูกต้นไม้ขวางเส้นทางสัญจรของผู้คนในซอย สาดน้ำสกปรกใส่เพื่อนบ้าน ทั้งยังเคยขู่จะเผาบ้าน รวมถึงนำท่อประปาไปตีรถยนต์ จนเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 61 สำนักงานเขตดินแดงร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้ลงพื้นที่ขนย้ายต้นไม้หน้าบ้าน
ป้าแสงระวี ไปแล้วนั้น
วันนี้ (15 มิ.ย. 61) ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่มายังบ้านป้าแสงระวี ในซอยโพธิ์ปั้น 10 พบว่ากลิ่นเหม็นลดลง แต่ยังมีกลิ่นอยู่ โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ระบุว่า แม้ก่อนหน้านี้เขตฯ ได้ลงพื้นที่มาแล้ว แต่ปัญหายังไม่ได้หมดไป โดยเฉพาะการเลี้ยงสุนัขที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และการกักขัง ทารุณกรรมสัตว์ จึงรวมตัวกันกับ Watchdog Thailand หรือ "WDT"
เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนที่ สน.ห้วยขวาง
โดย
น.ส.กนกวรรณ ชูพากเพียร เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า หลังจากวันที่ 28 พ.ค. ที่เขตฯ ได้เข้ามาขนย้ายต้นไม้ที่หน้าบ้าน ป้าแสงระวีก็ได้ทำความสะอาดบ้านไป 1 ครั้ง ทำให้กลิ่นลดลงแต่ยังเหม็นอยู่ แต่ปัญหาหลักไม่ใช่เรื่องต้นไม้ แต่เป็นเรื่องสุนัขที่ป้าแสงระวีเลี้ยงดูไม่ถูกสุขลักษณะ
ทางชาวบ้านก็ได้รอดูทางสาธารณะสุขเข้ามาดำเนินการ เนื่องจากมีการติดประกาศไว้ที่หน้าบ้าน ป้าแสงระวี ให้ทำความสะอาดและลดจำนวนสุนัขไว้ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. โดยให้ระยะเวลาดำเนินการ 15 วัน ตนก็เห็นทางสาธารณะสุขเข้ามาเจรจาภายในบ้านป้าแสงระวี แต่เมื่อตนถามก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้เพราะป้าไม่อนุญาต
น.ส.กนกวรรณ กล่าวต่อว่า ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาตนจึงได้มีการรวบรวมรายชื่อเพื่อนบ้านในซอยทั้งหมด 15 คน และร้องเรียนไปทาง WDT เพื่อจะได้มาช่วยเหลือสุนัขในบ้านป้าแสงระวี เพราะป้าเลี้ยงไว้ 10 ตัว โดยที่ไม่มีการฉีดวัคซีนหรือพาสุนัขออกไปรักษา ทั้งยังขังไว้ในกรงตลอดเวลา ตนเห็นแล้วจึงรู้สึกสงสาร จึงอยากให้ทาง WDT รับสุนัขไปอุปการะ และอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบสุขลักษณะภายในบ้านของป้าแสงระวี
ด้าน
นายทรงราชย์ เตียนพลกรัง เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ร่วมลงชื่อร้องเรียน ตนลงชื่อไปเพราะอยากให้เรื่องจบ เพราะปัญหานี้มีมา 30 ปีแล้ว และตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการ โดยประมาณ 10 ปีก่อน ป้าแสงระวี มักจะสตัฟฟ์สุนัขที่เสียชีวิตไว้ วันไหนแดดดีก็จะนำมาตั้งตากไว้ที่หน้าบ้าน แต่ตั้งแต่ที่เป็นข่าวตนก็ไม่เคยเห็นป้าแสงระวีนำสุนัขสตัฟฟ์มาตั้งไว้ที่หน้าบ้านอีก ตนคาดว่า ป้าแสงระวี น่าจะยังเก็บไว้ในบ้าน นอกจากนี้ สภาพที่เห็นตนคาดว่าป้าแสงระวีไม่ได้ดูแลสุนัขดีนัก จึงอยากให้ทาง WDT เข้ามารับสุนัขไปดูแล
นายทรงราชย์ เสริมอีกว่า ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะขับไล่ไม่ให้ป้าแสงระวีอยู่ที่นี่ เพียงแต่อยากทำความเข้าใจ เพราะการอาศัยอยู่ร่วมกันจะต้องปรับเข้าหากัน และอยากให้ ป้าแสงระวี ปรับพฤติกรรมให้สามารถอยู่ร่วมกันกับเพื่อนบ้านได้อย่างสงบสุข
ขณะที่
น.ส.ชนน์ชนก ตั้งเต็มศิริ อาสาสมัคร Watchdog Thailand เปิดเผยว่า ชาวบ้านในซอยโพธิ์ปั้น 10 ได้ร้องเรียนมายัง Watchdog Thailand ว่าป้าแสงระวีมีพฤติกรรมทารุณกรรมสัตว์ ทาง WDT จึงได้ลงมาดูสถานที่ในวันนี้ โดยจะถือสวัสดิภาพของสัตว์เป็นหลัก โดยในขั้นตอนแรกจะต้องนำสัตว์ออกมาก่อน เนื่องจากสภาพของสถานที่ไม่น่าจะสามารถเลี้ยงดูได้
ทั้งนี้ จากความเห็นส่วนตัว ตนคิดว่าป้าแสงระวีไม่มีศักยภาพในการเลี้ยงสัตว์ เนื่องจาก มีกลิ่นเหม็น และจากสภาพของสุนัข ตนคาดว่ามีอาการป่วย และไม่น่าจะได้รับวัคซีน ส่วนในขั้นตอนต่อไปก็จะมีการพาสัตวแพทย์มาลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นว่าสุนัขควรได้รับการรักษาหรือไม่ จะมีการประสานไปทางกรมปศุสัตว์เพื่อช่วยเหลือด้วย หากตรวจพบว่าสุนัขควรได้รับการรักษา แต่เจ้าของบ้านไม่ยินยอมก็จะเข้าสู่กระบวนการของกฏหมายทารุณกรรมสัตว์ต่อไป ซึ่งหากป้าแสงระวีไม่ยินยอมให้ WDT พาสุนัขไปรักษา ป้าแสงระวีก็จะต้องนำสุนัขไปรักษาและเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยตนเอง นอกจากนี้ ป้าแสงระวีจะต้องหาที่อยู่ให้สุนัขใหม่ให้ดีกว่าเดิม