อีกหนึ่งความสูญเสียของวงการบันเทิงที่สร้างความอาลัยเป็นอย่างมาก สำหรับการจากไปของคุณอา "ไพโรจน์ ใจสิงห์" นักแสดงอาวุโสผู้เป็นที่รักของลูกหลานในวงการ เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบเมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 ก.พ. 64 ที่บ้านพักส่วนตัวย่านลาดพร้าว ในวัย 80 ปี
ด้วยอาการปอดอักเสบ และอาการแทรกซ้อนจากโรคประจำตัว ซึ่งภายหลังจากที่คุณอาไพโรจน์ ป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ซีกซ้าย จากอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ก่อนที่จะเข้ารักษาตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กลางปี 2555 เป็นต้นมา
เวลา 13.00 น. ครอบครัวและญาติได้นำร่างของคุณอา "ไพโรจน์ ใจสิงห์" เคลื่อนย้ายมายังบริเวณศาลา 1 วัดลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ จัดพิธีรดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรมศพ พร้อมบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนา
เวลา 17.00 น. ครอบครัวได้เปิดโอกาสให้ญาติคนสนิทตลอดจนแขกที่มาร่วมงานได้ทยอยเดินทางเข้ารดน้ำศพ ก่อนที่จะนำร่างบรรจุลงหีบศพตามขั้นตอน จากนั้นในช่วง 18.20 น. เริ่มสวดอภิธรรมศพ ครอบครัวเป็นเจ้าภาพในการสวดคืนแรก
บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของครอบครัวและเพื่อนสนิท ที่ต่างทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัย อาทิ อากรุง ศรีวิไล, รอง เค้ามูลคดี, เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์, นุ่น วรนุช พร้อมครอบครัว, ตั๊ก บงกช พร้อมครอบครัว, จุ๋ย วรัทยา, บิณฑ์ -เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, ป๋อ ณัฐวุฒิ, เอ๋ พรทิพย์, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล เป็นต้น
คุณเจี๊ยบ มณฐลีร์, คุณนก ปัณณ์ธารี, คุณคอปเตอร์ เตชะพล, คุณสโนไวท์ ชัญญภัทร เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าคนที่ดูแลคุณพ่อได้ปลุกท่านประมาณตี 4 ซึ่งเป็นเวลาปกติที่จะปลุกอยู่แล้วทุกวัน แต่วันนี้ท่านไม่ตื่น และไม่ตอบสนอง จนมาทราบว่าท่านสิ้นลมหายใจ ส่วนลูก ๆ ทำใจมาก่อนหน้านี้แล้ว เหตุเมื่อช่วง 3 สัปดาห์ก่อนคุณพ่อเองเพิ่งเข้าโรงพยาบาลด้วยสาเหตุปอดอักเสบ จนทำให้หายใจติดขัด และเพิ่งกลับมารักษาตัวที่บ้านเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณหมอเองก็ได้บอกให้ญาติได้ทำใจไว้แล้วบ้าง
ทั้งนี้ ท่านเองก็ไปสบายใจแล้วหลังรักษาตัวมาตั้งแต่ปี 2555 เชื่อว่าคงไม่ได้มีห่วงแล้ว หากจะมีก็คงเป็นเรื่องของลูกคนเล็กทั้ง 2 คน นั้นคือ "คอปเตอร์ และ สโนไวท์" ซึ่งเป็นลูกคนเล็ก เพราะลูกคนอื่นโตและมีครอบครัวหมดแล้ว
ขณะที่ "สโนไวท์" บอกว่า ส่วนตัวแม้จะทำใจมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังอดเสียใจไม่ได้กับการจากไป ที่ผ่านมาตนเองมีความสนิมกับคุณพ่อมาก แม้จะเป็นลูกคนเล็ก ท่านชอบพาไปเที่ยวเป็นประจำ เพราะนิสัยท่านเป็นคนชอบเล่นกับลูก ที่ผ่านมาท่านคือนักสู้ แม้ว่าจะป่วยหนักแค่ไหน แต่ใจสู้ ส่วนตัวภูมิใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นคุณพ่อ ขณะที่ "คอปเตอร์" เตรียมจะบวชหน้าไฟให้ท่านเป็นครั้งสุดท้าย
"กรุง ศรีวิไล" นักแสดงอาวุโสรุ่นเดียวกับ "อาไพโรจน์" เดินทางมาแสดงความไว้อาลัย ซึ่งเป็นเพื่อนในวงการตั้งแต่สมัยเริ่มเข้าวงการมาด้วยกัน มีผลงานที่โดดเด่นคู่กันนั้นคือภาพยนตร์เรื่อง ลูกผู้ชาย (2518) เผยความรู้สึกทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียดายกับการจากไปของไพโรจน์ เพราะเขาคือนักแสดงคนหนึ่งที่มีฝีมือมาก จากที่เคยร่วมงานกันมาในหลายเรื่อง ส่วนตัวกับไพโรจน์เข้าวงการมาไล่เลี่ยกัน ในช่วงปี 2513 ส่วนความประทับใจที่มีกับเขานั้น ยกให้เขาเป็นเพื่อน เพราะเขาเป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัยกับคนรอบข้าง ตลอดจนนิสัยของเขาเป็นคนสนุกสนาน คนที่อยู่ด้วยจะมีเเต่เสียงหัวเราะ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ตนเป็นห่วงเขาตลอด แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรมากได้คือเรื่องของการดื่มสุรา เพราะไพโรจน์จะค่อนข้างดื่มหนัก เราก็ได้แค่เตือนเขา แต่ไม่สามารถสั่งห้ามได้ เพราะถือว่าเป็นความสุขของเพื่อน จนวันหนึ่งที่เขาล้มป่วย ตนเองก็ได้ยื่นมือไปช่วยเหลือเขาตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล หาทางช่วยเหลือทุกช่องทางเพื่อให้เขากลับมาดีขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ทางไพโรจน์เองก็แอบสั่งห้ามเพราะกลัวคนจะต่อว่า ประมาณว่ามีการเอาความป่วยมาเป็นช่องทางหากิน ต่วันนี้ตนตั้งใจจะบอกไพโรจน์ว่า "จะขอเป็นเพื่อนกันตลอดไป"
"อารอง" หรือ รอง เค้ามูลคดี นักแสดงอาวุโส เผยถึงความรู้สึกว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเองได้ทราบข่าวถึงกับช็อก เพราะ ไพโรจน์เป็นเพื่อนรักคนหนึ่งที่รู้จักกันมาก่อนที่จะเข้าวงการ สมัยที่เขายังเป็นนักเรียนพละ สมัยที่ตนยังทำงานอยู่ที่ทีวีช่อง 4 ที่ผ่านมาส่วนตัวได้ร่วมงานกับไพโรจน์เยอะมาก เขาเป็นคนเก่ง เล่นได้ทุกบทบาท ขณะที่ตนเองยังไม่สามารถทำได้แบบเขา ประจวบกับนิสัยเขาที่ตนชื่นชอบคือการที่เขาเป็นคนไม่เคยว่าร้ายใคร หรือนินทาวาใครแม้แต่คนเดียว
ผลงานเด่นที่ยังจำได้นั้นคือ เรื่อง "ดวง ของ เปี๊ยก โปสเตอร์ ในปี 2514 ซึ่งเป็นเรื่องราวละครที่สะท้อนมาจากชีวิตเขาจริง ๆ และวันนี้หากเขายังอยู่ ตนก็อยากจะพูดกับเขาว่า "กูรักมึงที่สุด"