จากกรณีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก "มาดามพงษ์ เชื้อสุวรรณ์" เผยแพร่คลิปเหตุการณ์ ชาย 2 คนชกต่อยกันชุลมุน โดยมีหญิงสาวอีกคนร้องตะโกนด้วยความไม่พอใจว่า ค่าทำผมแสนสี่
ล่าสุด วันนี้ (16 มิ.ย. 61) ทีมข่าวเดินทางไปที่ตลาดพันล้าน อ.สามพราน จ.นครปฐม เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น กับทางเสริมสวยพบว่าเป็นร้านเสริมสวยแบบครบวงจร และวันนี้เปิดร้านตามปกติ
นางประพันธ์ มุขศรี อายุ 61 ปี เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ลูกค้าคนดังกล่าวมาเสริมสวยที่ร้านตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.
ราคารวม 139,160 บาท ที่ไม่ใช่ราคาต่อผมเพียงอย่างเดียว แต่ทำหลายอย่างตั้งแต่ต่อผม, ฟอกสีผม, ทำสีผม, สปาผม, ทำเล็บต่อเจลโดยทางลูกค้าเน้นว่าขอเกรดเอ นอกจากนี้ยังรวมค่าเสื้อผ้าอีก 3,000 กว่าบาท โดยระยะเวลาในการทำผมเริ่มตั้งแต่เวลา 20.00 - 05.00 น. เป็นยอดรวม 143,160บาท แต่ทางลูกค้าโอนเงินมาให้เพียง 4,000 บาท ก่อนที่จะบอกว่าอีกแสนกว่าบาทจะโอนให้ในวันถัดไป
ภายหลังจากทางลูกค้าเช็กบิลแล้วยังบอกให้เขียนทิปพนักงานคนละ 1,000 บาท อีกด้วย แต่พอวันรุ่งขึ้นตนไม่เห็นว่ามียอดเงินโอนเข้าบัญชีแต่อย่างใด
จนเมื่อวาน (15 มิ.ย.61) เวลาประมาณ 17.00 น. - 18.00 น. ลูกค้าได้บุกมาที่ร้านแล้วเปิดประตูเข้ามาถามพนักงานในร้านว่า "สบายดีกันไหม" พนักงานของร้านก็ตอบว่า "สบายดี" ลูกค้าปิดประตูใส่ ขณะนั้นภายในร้านมีลูกค้าคนอื่นอยู่ด้วย แล้วเมื่อทางลูกค้าเห็นรถลูกเขยของตนเพิ่งขับรถออกไป จึงบีบแตรไล่พร้อมกับขับรถตามไปชนท้าย พอลูกเขยลงมาดูก็ถูกแฟนของผู้หญิงคนนั้นล็อกคอแล้วเหตุการณ์เป็นไปตามคลิปที่มีการเผยแพร่ในสังคม
ทั้งนี้ ทางร้าน ยืนยันว่า ราคาของทางร้าน เป็นราคามาตรฐานเพราะเป็นงานทำมือ ถือว่าเป็นร้านเดียวในประเทศที่ใช้วิธีต่อแบบขนนกโดยถักขึ้นมาเองครั้งละ 2-3 เส้น ดังนั้น ทางร้านจึงต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อทำช่อผมให้เสร็จ ก่อนจะต่อผมให้ลูกค้า ซึ่งคุณสมบัติคือเบา ไม่พันกันอยู่ได้นาน และผมจะแห้งเร็วกว่าผมที่ต่อแบบกิ๊บหรือกาว ทำให้ราคาสูงกว่าการทำผมทั่วไป ซึ่งการทำต้องนัดแนะ ตกลงราคากันเสียก่อน
ส่วนทางด้านผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “คุณณฐิตา มุขศรี” หรือ "จูน" เจ้าของร้าน ขอชี้แจงกรณีราคาทำผม 140,000 บาท โดยได้โชว์อุปกรณ์ต่อผม เป็นลักษณะการถักแบบขนนก ซึ่งวิธีถักผ่านแท่นไม้ โดยจะเอาผม 3-4 เส้น มาถักในด้าย ยาวขึ้นมา การที่จะถักด้ายผมแบบนี้ 1 เส้น ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ราคาต่อแถวจะอยู่ที่แถวละ 4,000 บาท โดยลูกค้ารายดังกล่าว เป็นลูกค้าประจำที่เคยมาทำผม แต่ 1-2 ปีจะเดินทางมาครั้ง ซึ่งเคยต่อแบบต่อกิ๊ฟมัดละ 4,000 บาท
คุณจูน ยังบอกอีกว่า บรรยากาศร้านจะมีมาตรฐาน เนื่องจาก ใช้ของมีคุณภาพ ในการต่อผม 140,000 บาทจะเป็นผมทั้งหมด 26 ชั้น เนื่องจาก น.ส.น้ำผึ้ง จันทร์มีชัย ลูกค้าคนดังกล่าว เป็นคนผมสั้นจึงต้องทำเช่นนั้น ซึ่งทางร้านได้ต่อให้ตั้งแต่เวลา 20.00 - 05.00 น. ประกอบกับลูกค้าผมสีม่วง สีด่างไม่สม่ำเสมอ ทางร้านจึงมีการหักล้างสีผม ตามที่ลูกค้าต้องการคืออยากได้ผมสีเขียว เทา ตนจึงนำผมต่อที่เป็นสีดำมาฟอกสีออกเสียก่อน และผลิตภัณฑ์แบรนด์ระดับเกรดบน ระหว่างที่ทำลูกค้าไม่ได้ถามราคา แต่ได้ตกลงราคากันก่อนหน้านี้แล้วว่าทำผมแบบนี้ชั้นละ 4,000 บาท ทางลูกค้าพูดกับพนักงานว่า "ไม่ซีเรียสเรื่องราคา ขอให้เนียนอย่างเดียว" โดยตลอดเวลาลูกค้าสาวจะบอกว่า ตนเป็นนักการทูต มีฐานะ วันนั้นตนไม่ได้เจอกับน้องโดยตรง
ส่วนที่ลูกค้าบอกว่าทางร้านพยายามมอมเบียร์นั้นไม่จริง เพราะลูกค้าให้เงินมา ทางร้านจึงไปซื้อ ซึ่งระหว่างที่ลูกค้าทำผมลูกค้าก็ดื่มเอง โดยทางร้านมีวงจรปิดพร้อมกับได้มอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับเคสต่อผม ทางลูกค้าต่อไปทั้งหมด 26 ชั้น ชั้นละ 4,000 บาท โดยจะใช้เส้นด้ายเส้นเดียว ผูกไปในหัวแทบไม่เห็นปม ซึ่งสำหรับเงินราคา 140,000 บาท ไม่ได้เป็นค่าต่อผมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นค่าทำสีผม ฟอกสีผม ทำสปา ค่าทำเล็บมือ ประดับเพชร - เท้า และรวมกับราคาเสื้อที่ลูกค้าไปซื้อมาจากร้านของตนแล้วยังไม่ได้จ่ายเงิน ซึ่งตนมีพยานคือ เพื่อนของลูกค้าที่มาด้วย
นอกจากนี้ ตอนที่ลูกค้าเช็กบิลก็ได้บอกว่า มีเงินสด 40,000 บาท พร้อมกับโชว์มือถือบอกว่ามีเงินในบัญชี 800,000 บาท พร้อมบอกว่า เงินจะเข้าบัญชีพี่พรุ่งนี้นะคะ แสนกว่า แสนห้าเสียด้วยซ้ำ ทางร้านจึงบอกว่า ยังไม่ได้บอกบัญชีร้านเลย ซึ่งทางร้านจะได้รับเงินอย่างไร คิดว่าลูกค้าอาจจะเมา
หลังจากนั้น ลูกค้ายังวนเวียนมาที่ร้านพร้อมกับแฟนหนุ่มในลักษณะหาเรื่อง ในวันเกิดเหตุ ฝ่ายลูกค้าขับรถยนต์เข้ามาชนท้ายรถเจ้าของร้าน จึงเป็นเหตุให้เกิดการชกต่อยระหว่างฝ่ายเจ้าของร้านและลูกค้า ในขณะที่ฝ่ายหญิงก็แสดงความไม่พอใจ ตะโกนต่อว่าร้านทำผมที่เรียกเก็บค่าต่อผมราคาสูงถึง 140,000 บาท แต่ยืนยันว่าไม่เคยหาเรื่องฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด พร้อมกับได้ให้พนักงานถักผมให้ทางทีมข่าวดู เพื่อให้รู้ถึงวิธีการทำว่ายาก-ง่ายอย่างไร
ส่วน น้องเดียร์ ที่รู้จักกับทางลูกค้า เปิดเผยว่า ตนได้นั่งรอทำผม แล้วมีการอ้างว่าได้เลี้ยงเบียร์พนักงาน 5,000 บาท ยืนยันว่า ทางพนักงาน 4 คน ไม่ได้กินเบียร์กันสักคน ส่วนเรื่องที่ว่าเจ้าของร้านข่มขู่ไม่ให้ออกจากร้าน ไม่ใช่ความจริง แต่ทางร้านเพียงขอให้จ่ายครึ่งเงินครึ่งหนึ่งก่อน คือ 80,000 บาท จากนั้นทางร้านพยายามบอกราคาหลายรอบตอนทำทางลูกค้าก็บอกว่าให้จัดมาเลย
ขณะที่ น.ส.น้ำผึ้ง จันทร์มีชัย 34 ปี ลูกค้าร้านเสริมสวยที่ปรากฏอยู่ในคลิป เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเข้าไปทำผมร้านนี้มา 2-3 ครั้ง เพราะทางร้านทำดีแล้วใกล้บ้านตน ครั้งที่ 4 ตนได้เข้าไปตกลงกับทางร้านว่าจะต่อผม โดยเข้าไปหาทางร้านก่อนวันที่จะทำจริงประมาณ 1 สัปดาห์ ทางร้าน บอกว่า ต้องใช้ผมประมาณ 3 มัด มัดละ 4,000 บาท เมื่อคำนวณแล้วว่าไม่เกิน 20,000 บาทรวมค่าทำสีด้วย แต่พอต่อผมไปได้ยังไม่ถึงครึ่งศีรษะ ทางร้านแจ้งว่า ผมที่ถักไว้ไม่พอแล้วแนะนำให้ เอาผมมัดอื่นแทนก่อนซึ่งเป็นเกรดต่ำกว่าราคามัดละ 2,000 กว่าบาท ตนก็ยินยอมแล้วคิดว่าค่าใช้จ่ายต้องถูกลง แต่ได้มีการถามย้ำให้ทางร้านสรุปยอดเงินว่าทั้งหมดเท่าไหร่ แต่เมื่อตนถามไป 7-8 รอบไม่มีใครตอบ แล้วได้มีการย้ำว่าพกมาเงินสดมาไม่เยอะ กลัวเงินไม่พอ แต่ทางร้านไม่ได้สนใจแต่ชวนคุยเรื่องอื่น ส่วนที่ตนทำเล็บ เพราะทางร้านแนะนำให้ทำเพื่อฆ่าเวลาตนก็คิดว่าคงบวกราคาเพิ่มไม่เท่าไหร่จึงยินยอม
จนกระทั่งล่วงเลยถึงเวลา 04.00 น. ทางร้านยังทำผมตนไม่เสร็จทั้งทำผมและเล็บ แต่ตนรู้สึกไม่ไหว เนื่องจากแสบหนังศีรษะ จึงบอกให้ทางร้านหยุดแล้วคิดเงิน โดยนัดแนะว่าจะมาทำต่อวันหลัง ทางร้านยังไม่คิดเงินทันที แฟนของเจ้าของร้านไปซื้อเบียร์ 2 กระป๋องมาให้ตนดื่มก่อน พอดื่มหมดก็มาเขียนแจกแจงราคาต่อหน้าตน เป็นยอดเงินเกือบ 150,000 บาท ยอมรับว่าตกใจมากจึงทักท้วงไป แต่ทางร้านไม่ยอมพร้อมบังคับให้จ่ายทันที ไม่เช่นนั้นไม่ให้ออกจากร้านและบังคับให้โอนเงิน สุดท้ายตนยอมโอนเท่าที่มีคือ 40,000 บาทพร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้จะกลับมาคุยเรื่องยอดที่เหลือไม่ได้คิดจะหนี
หลังจากนั้น ทางร้านได้เอารูปของตนไปโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า "ตนเบี้ยวไม่จ่ายเงิน" แล้วตามไปถึงบ้าน มีผู้ชายขับรถกระบะมา 2 คัน แล้วนำรูปของตนไปถามหาบ้านจนเจอ ทางครอบครัวของตนตกใจมาก จึงได้ไปแจ้งความเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยคล้ายถูกคุกคามข่มขู่
ส่วนคลิปที่ชกต่อยกันเมื่อวานนี้ (15 มิถุนายน 2561) ตนได้กระเป๋าไปส่งลูกค้า แล้วตั้งใจจะแวะคุยเรื่องเงิน ก็เปิดประตูเข้าไปถามว่า "สบายดีไหม" แต่แม่ของเจ้าของร้านก็ไล่ ถามตนว่า "มาทำไม" ระหว่างนั้นตนเห็นรถเจ้าของร้านขับออกไป ตนจะขับรถกลับ ทางออกตลาดเป็นทางเดียวกัน แต่รถของเจ้าของร้านจอดขวางซอยไม่ยอมขับออกไป ยืนยันว่า ไม่ได้หาเรื่องก่อนแต่อีกฝ่ายที่ลงมาจากรถและโวยวาย ตนจึงโมโหแล้วเกิดเหตุการณ์ชลมุนขึ้น
ทั้งนี้ ตนไม่ได้อวดรวย แต่คืนนั้นเห็นว่าพนักงานใช้เวลาทำนานมาก จึงซื้อข้าวเลี้ยงและให้ค่ารถกลับ รวมเป็นเงินอีก4,000 บาทซึ่งจ่ายเป็นเงินสด แต่ไม่คิดว่าจะโดนแบบนั้น
ทางทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้มีโอกาสเดินทางมาที่ร้านเสริมสวยดังกล่าวอีกครั้ง โดยได้มาพบกับพนักงานที่เป็นคนให้บริการทำผมให้กับคุณน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นลูกค้าลูกที่มาทำผมเป็นจำนวนเงินกว่า 140,000 บาท พนักงานภายในร้าน ได้มีการเปิดคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในร้านให้ทางทีมข่าวดู ว่าในวันที่เกิดเหตุ มันเป็นอย่างไรกันแน่
ภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่เกิดเหตุนั้น ปรากฏภาพคุณน้ำผึ้งซึ่งเป็นผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีดำ กำลังนั่งให้พนักงานทำผมอยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์เสริมสวย มีพนักงานที่สวมเสื้อสีแดง 3 คน กำลังยืนให้บริการทำผมและทำเล็บให้กับคุณน้ำผึ้งอยู่ หลังจากนั้นประมาณเที่ยงคืนครึ่ง คุณน้ำผึ้ง เริ่มจะมีการพูดคุยโอ้อวดถึงฐานะของตนเองกับพนักงานในร้านก่อนที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้นกลับมานั่งให้พนักงานทำผมและทำเล็บเหมือนเดิม
ก่อนที่เวลา 01.45 น. ทางคุณน้ำผึ้งได้มีการยื่นโทรศัพท์เพื่อ โชว์รูปบ้านและรถที่มีให้กับพนักงานในร้านดู หลังจากนั้นเวลา 04.00 น. ทางพนักงานได้มีการทำผมและทำเล็บให้กับคุณน้ำผึ้งเสร็จเป็นที่เรียบร้อยและคุณจูน ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน คือผู้หญิงที่ใส่เสื้อยีนส์ กำลังเดินไปเขียนสรุปยอดการใช้บริการของคุณน้ำผึ้งในวันนั้นทั้งหมด รวมเป็นเงินจำนวน 140,000 บาท และแจ้งให้กับคุณน้ำผึ้งทราบ หลังจากนั้นในช่วงเวลา 04.31 น. คุณน้ำผึ้งได้มีการเปิดยอดเงินในธนาคารผ่านทางแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือให้กับคุณจูน ซึ่งเป็นเจ้าของร้านดู หลังจากนั้นภาพจากกล้องวงจรปิดก็ขาดหายไป เนื่องจากคาดว่าไฟล์ภาพอาจจะมีความผิดพลาด
คุณสุญาดา จันทร์เรือง หรือ คุณไอซ์ พนักงานที่ให้บริการกับคุณน้ำผึ้ง บอกอีกว่า วันที่คุณน้ำผึ้งจะเข้ามาใช้บริการทำผมและทำเล็บในร้าน คุณน้ำผึ้งได้มีการไปพบกับตนที่ร้านเสริมสวยสาขานอกตลาด ได้สอบถามถึงราคาการต่อผมปลอม ตนได้มีการบอกกับคุณน้ำผึ้งไปก่อนหน้าแล้วว่า การต่อผมปลอมที่ร้านจะคิดราคาชั้นละ 4,000 บาท คุณน้ำผึ้งตอบว่า ไม่ซีเรียสเรื่องราคา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทางคุณน้ำผึ้ง จะออกมาประกาศว่าพนักงานในร้านไม่ได้มีการบอกราคา ค่าทำผมก่อนล่วงหน้า
ส่วนประเด็นที่ทางคุณน้ำผึ้ง ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าทางร้านข่มขู่ไม่ให้คุณน้ำผึ้งออกจากร้าน หากไม่เปิดยอดเงินในบัญชีธนาคาร ผ่านทางแอปพลิเคชั่นในมือถือให้กับเจ้าของร้านดู ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะทางร้านไม่ได้มีการข่มขู่แต่อย่างใด มิหนำซ้ำทางคุณน้ำผึ้งอย่างได้มีการเปิดยอดเงินผ่านทางแอปพลิเคชั่นในมือถือโชว์ให้กับพนักงานและเจ้าของร้านดูเองด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องซื้ออาหารและน้ำดื่มมาให้กับพนักงานในร้าน และยังให้ค่าแท็กซี่เดินทางกลับ รวมเป็นเงินกว่า 2,000 บาท ไม่เป็นความจริง วันนั้นคุณน้ำผึ้งได้ให้เงินกับพนักงานท่านหนึ่งในร้านไปซื้ออาหารมาเลี้ยง แต่ให้เงินเพียงแค่ 500 บาทและไม่ได้มีการจ่ายค่าแท็กซี่กลับบ้านให้กับพนักงานแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นที่คุณน้ำผึ้งอ้างว่าทางแฟนของเจ้าของร้านได้มีการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาดื่มที่ร้านและชวนคุณน้ำผึ้งดื่มด้วยนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะแฟนเจ้าของร้านได้มีการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มกับแฟนของลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านอีกรายหนึ่ง ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทางคุณน้ำผึ้งดื่ม คุณน้ำผึ้งซื้อมาเอง ไม่เกี่ยวข้องกับทางร้านและเจ้าของร้านแต่อย่างใด
นอกจากนี้ คุณลั่นทม ใจกว้าง ลูกค้าที่มาใช้บริการเสริมสวยที่ร้านเสริมสวยแห่งนี้เป็นประจำ เผยว่า ปกติตนจะมาใช้บริการที่ร้านเสริมสวยแห่งนี้เป็นประจำทุกเดือน เจ้าของร้านและพนักงานบริการดีและยิ้มแย้มแจ่มใสมาก ส่วนเรื่องราคาการให้บริการ ตนมองว่าที่นี่ไม่ได้คิดค่าบริการแพงเกินจริง เนื่องจาก การให้บริการแต่ละอย่างนั้นมันจะมีระดับราคาของมันอยู่แล้ว ก่อนที่จะให้บริการทุกครั้ง ทางพนักงานและเจ้าของร้านที่นี่ จะมีการบอกราคาก่อนให้บริการต่อลูกค้าอยู่แล้วทุกครั้ง
หลังจากที่ตนทราบข่าวดังกล่าวก็ตกใจมาก และมีการเข้ามาสอบถามกับเจ้าของร้านว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หลังจากที่ตนทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็มองว่าน่าจะเกิดจากความการสื่อสารที่คาดเคลื่อน
อย่างไรก็ตาม คุณลั่นทม ยืนยันว่า จะยังเข้ามาใช้บริการร้านเสริมสวยที่นี่เช่นเดิม เนื่องจาก ประทับใจทุกครั้งที่ได้มาเข้าใช้บริการร้านเสริมสวยแห่งนี้
ขณะที่
ดร. สมศักดิ์ ชลาชล เจ้าของธุรกิจเสริมสวยชลาชล เปิดเผยถึงกระแสข่าวร้านเสริมสวยดังกล่าวว่า ตนมองว่าต้องไปดูที่ร้านต้นเหตุว่ากระบวนการการทำผมนั้นเป็นอย่างไร ใช้นวัตกรรมอะไร เพราะจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าราคาว่าสมควรหรือไม่สมควร เมื่อถามว่าราคาการต่อผมแบบขนนกในราคา 96,000 นั้นตนไม่ขอให้รายละเอียด เนื่องจากตนไม่รู้ว่าเป็นเส้นผมที่มาต่อเป็นไหม , ใยสังเคราะห์ หรือเป็นผมคนจริง แต่ถ้าเป็นผมคนจริงที่ทางร้านนำมาทำก็อาจจะมีราคาแพงมากกว่าส่วนอื่น ซึ่งในส่วนของการต่อผมต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้งผู้ใช้บริการและช่างทำผม แต่หากถามตัวเองคิดว่า ไม่เคยเจอการต่อผมที่แพงระดับนี้ อีกทั้งต้องดูสถานที่ตั้งของร้านว่า ตั้งที่ไหน ราคาระดับนี้ควรจะต้องมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ถึงเรียกได้แพงขนาดนี้
ส่วนเรื่องการฟอกสี จำนวน 5 ครั้ง ราคา 15,000 บาท คุณสมศักดิ์ บอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะฟอกสีจำนวนมากเช่นนั้น เนื่องจาก สภาพผมของคนไทย ไม่เหมือนกับคนแขก คนนิโกร ที่สภาพผมดำสนิท และแข็งหนา แต่ให้แข็งขนาดไหน ได้มากสุด แค่ 2 ครั้ง เพราะถ้ามากกว่านี้สภาพหนังศีรษะกับสภาพผมจะทนไม่ไหวแน่นอน ซึ่งประสบการณ์ส่วนตัวไม่เคยทำฟอกสีผมเยอะขนาดนี้ ถ้ามากกว่า 2 ครั้ง จะทำให้ผมขาด และเป็นวุ้น แน่นอน และจะไม่สามารถทำสี หรือทำอะไรกับเส้นผมได้อีกเลย
ส่วนเรื่องการทำสีผม 8,500 บาท ตนคิดว่าอาจจะแพงไป แต่ต้องดูผลิตภัณฑ์ที่ใช้ว่าดีขนาดไหน แต่ไม่น่าจะแพงขนาดนี้ ซึ่งคนเราจะทำสีผมต้องฟอกให้ผมขาวก่อนแล้วถึงจะทำสี สำหรับร้านของตนฟอกสีบวกกับทำสีผม แพงสุดประมาณ 20,000- 25,000 บาท เท่านั้น
ท้ายที่สุด คุณสมศักดิ์ บอกกับช่างทำผมทั่วประเทศไทยว่าต้องมีจรรยาบรรณ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ยั่งยืน เพราะปัญหาที่ผ่านมาจะเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ตอนนี้ตนกำลังผลักดันเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับช่างทำผมอยู่ด้วย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบร้านดังกล่าวว่าราคาขนาดนี้ มีการลงทะเบียนการเปิดร้านที่ถูกต้องหรือไม่ ผ่านการเป็นช่างทำผมจากสถาบันใดแล้วคำตอบจะออกมาเองเช่นกันว่า140,000 บาท ที่ทำให้ลูกค้ามันคุ้มค่าหรือไม่