วันที่ 24 ก.พ. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางสาวสุภัคพร หรือ น้องพิม ชาวบ้านแม่ปุง ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นภรรยาของทหารยศจ่าสิบเอก ทหารในสังกัดค่ายทหารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ระบุว่าสามีตนเองซึ่งได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อปี 2554 และมีบุตรชายด้วยกัน 2 คน คนเล็กอายุประมาณ 6 เดือน คนโตอายุประมาณ 8 ขวบ ได้ไปแอบหนีแต่งงานกับผุ้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 27 ปี ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เมื่อประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตนเองไม่ทราบเรื่อง เพราะสามีตนเองปกปิดเรื่องไว้มาตลอด
กระทั่งตนเองระแคะระคาย เพราะมีคนแอบมาบอก และก็มีคนส่งรูปถ่ายตอนสามีตนเองแอบไปแต่งงาน จึงได้พยายามสอบถามสามีตนเอง แต่สามีช่วงแรกก็ไม่ยอมรับ ตนจึงนำภาพที่ได้รับมาให้ดูสามีดู เจ้าตัวจึงจำนนต่อหลักฐาน ก่อนที่จะยอมรับว่าแอบคบกันจริง จึงได้บอกให้สามีเลิกยุ่งกับหญิงคนนั้น แต่สามีตนเองบอกว่าขอเวลา
หลังจากนั้น ตนเองก็ถูกฝ่ายหญิงที่เป็นภรรยาอีกคน ทั้งแชตเข้ามาระรานตลอด พยายามแท็กไปยังเพื่อนในเฟซบุ๊กของตนเอง โดยมีการส่งภาพที่อยู่ลำพัง 2 คนกับสามีตนเองมาให้ดู เหมือนเป็นการเยาะเย้ย นอกจากนี้ ยังเคยบุกมาบ้านพักในค่ายทหารที่ จ.อุบลราชธานี อีกด้วย
ซึ่งขณะนั้นตนเองใช้ชีวิตอยู่กับสามี ผู้หญิงคนนี้ได้มาทะเลาะวิวาทกับสามีตนเอง จากนั้นก็ชวนสามีตนเองขับรถไปข้างนอก หายไปด้วยกันก็หลายครั้งแล้ว
ตอนนี้ตนเองก็สุดจะทนแล้ว จึงนำรูปภาพและหลักฐานต่าง ๆ มาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว และขอเรียกร้องให้สามีตนเองและภรรยาที่แต่งทีหลังหยุดพฤติกรรมดังกล่าว
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาตนเองเคยนำลูกไปฉีดวัคซีนที่ รพ.ลำปาง เพื่อใช้สิทธิของครอบครัวทางราชการ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธบ อกว่าสามีตนเองยังไม่มีการรับรองบุตร จึงไม่สามารถเบิกสิทธิ์การรักษาพยาบาลได้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ถ้าไม่รับรองบุตร ก็จะไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลหรือค่าต่าง ๆ ได้ ทำให้ตนเองเดือดร้อน
และหลังจากนั้นตนเองก็เดินทางไปที่ค่ายทหาร จ.อุบลราชธานี เพื่อเข้าไปติดต่อยังหน่วยงานสวัสดิการเพื่อจะขอหนังสือรับรองสามีตนเอง เพื่อจะให้รับรองบุตรรับรองบุตรเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลบุตร แต่เมื่อไปติดต่อในค่ายทหารก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ แถมเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงานยังหัวเราะใส่อีก ทั้งนี้ ตนเองจึงได้ปรึกษากับทนายความแล้ว โดยจะมีทนายสิทธิ์ช่วยเหลือดูแลเรื่องต่าง ๆ ซึ่งอาจจะมีการฟ้องร้องหรืออาจจะมีการดำเนินการต่าง ๆ ตอนนี้ตนเองอยากให้หน่วยงานต้นสังกัดของสามีตนเองเอาผิดทางด้านวินัยอีกด้วย
ด้านนางพรรณี อายุ 59 ปี แม่ของน้องพิม เปิดเผยว่า ลูกสาวไม่ค่อยเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังมากนัก ตนเองทราบก็เมื่อตอนที่ลูกสาวคลอดลูก เขาจึงยอมเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟัง ตนเองได้ยินแล้วเสียใจมาก แต่สิ่งที่น่าเสียใจมากที่สุดคือ พ่อแม่ของฝ่ายชายได้ไปทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือกับผู้หญิงคนดังกล่าว ทั้งที่ลูกสาวตนเองยังอยู่ที่บ้านพักทหาร จึงอยากจะถามว่าทำไมทำแบบนี้ ตนเองเข้าใจว่าทุกคนรักลูกของตนเอง แต่ทำไมไม่เห็นใจลูกสาวตนเองบ้าง อย่างน้อยก็ต้องคิดถึงหลานบ้างว่าเขาจะอยู่แบบนี้ได้อย่างไร
โดยที่ผ่านมา ตรวจสอบบนเฟซบุ๊กของ น.ส.เบอรี่ ที่แต่งงานกับทหารที่มีภรรยาและลูกแล้ว มีการโพสต์ทั้งรูปและคลิปแสดงความรักกับฝ่ายชายอย่างหวานหยดย้อย และลงภาพบอกรักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2562 จนปัจจุบัน
ด้านนายอนุสรณ์ อะสุรพงษ์ ทนายความ เปิดเผยว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวมีการปรึกษาเรื่องกฎหมาย และแนวทางการฟ้องคดีความมีหลายข้อหา ทั้งเรื่องการหย่า การเรียกค่าทดแทนจากทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เรื่องอำนาจการปกครองลูก และค่าเลี้ยงดูลูก สินสมรส ค่าเลี้ยงชีพ จึงมีหลายข้อหาในการฟ้อง กรณีนี้ผู้เสียหายก็มีการส่งข้อความมาหาตนเองทางเฟซบุ๊กด้วยตนเอง เนื่องจากมีเพื่อนแนะนำมา ส่วนเรื่องสภาพจิตใจของผู้หญิงก็มีการอัดอั้นมานาน และต่อสู้เรื่องนี้มานานแรมปี
และกรณีพ่อและแม่ของฝ่ายชายก็ไปงานแต่งและรู้เห็นเรื่องภรรยาอีกคนด้วย จะสามารถฟ้องได้หรือไม่ หากดูจากตัวบทยังไม่มีกฎหมายให้อำนาจ และยังไม่มีคำพิพากษาของศาลที่มีการตัดสินลักษณะแบบนี้ ต้องขอศึกษารายละเอียดดูอีกครั้งหนึ่ง ส่วนด้านเจ้าบ่าวที่เป็นทหาร แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือการใช้สิทธิ์ทางแพ่ง คือภรรยาฟ้องเรียกค่าเสียหาย, ครอบครัว อีกส่วนคือเรื่องของวินัยทางทหาร ซึ่งทางฝ่ายชายและผู้หญิงคู่กรณีก็มีการติดต่อเข้ามาพูดคุยแล้ว ยังไม่ทราบว่าจะมีการไกล่เกลี่ยพูดคุยกันหรือไม่ ซึ่งทางผู้เสียหายก็ยังยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด
นอกจากนี้ ตนเองจะฝากถึงทีมภรรยาหลวงทุกคนว่า ทุกคนต้องมีสติก่อนว่าขอบเขตของตนเองสามารถใช้สิทธิ์ได้มากน้อยเพียงใด หรือจะดำเนินการอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร หรือควรเจรจาในครอบครัวให้ถึงที่สุดก่อนว่าจะทำอย่างไร และให้วิธีการทางกฎหมายเป็นขั้นตอนสุดท้ายจริง ๆ เพราะจะใช้ทั้งระยะเวลา ค่าใช้จ่าย และความรู้สึก ในระหว่างการพิจารณาคดี ที่ผ่านมาก็มีบางคู่ที่มีการฟ้อง และดำเนินคดีไปแล้ว แต่กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันก็มี