เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เกษตรกรผู้ปลูกแคนตาลูปและเมล่อน จ.พิษณุโลก ได้รับผลกระทบจากผลผลิตเสียหาย ขายไม่ได้ราคา
วันนี้ (25 ก.พ.) นายธนกร ทองน้อย อายุ 62 ปี และลูกสาว ได้ขับรถจากไร่ที่อำเภอบางระกำ มาเร่ขายอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อระบายผลผลิตออกสู่ตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ให้ผู้สนใจได้ทราบทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าในแต่ละวันจะไปขายที่ไหน และราคาเท่าไหร่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พิษโควิด! แตงโมโลละ 2.50 บาท ยังขายไม่ได้ แม่ค้าประกาศใครมาสวนให้กินฟรี!
นายธนกร เปิดเผยว่า เมื่อก่อนนี้ตนเองจะทำนาปลูกข้าว แต่ประสบปัญหาน้ำไม่เพียงสำหรับการทำนา และราคาข้าวตกต่ำ จึงเปลี่ยนจากการทำนามาทำไร่ ปลูกแคนตาลูปและเมล่อนแทน เพราะเป็นพืชใช้น้ำน้อยระหว่างรอน้ำปลูกข้าวในฤดูฝน ซึ่งตามปกติก็จะสามารถเก็บขายสร้างรายได้เป็นอย่างดี
แต่คราวนี้รายได้ที่คาดหวังไว้ว่าจะได้ประมาณ 300,000 บาท ก็คงจะได้ไม่เกิน 150,000 บาทอย่างแน่นอน เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากร้อนเป็นหนาว หนาวเป็นร้อน ในแต่ละวัน ซึ่งก่อนหน้านี้มีช่วงเวลาหนึ่งพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก อุณหภูมิพื้นราบมีสภาวะอากาศหนาวเย็นมาก ซึ่งแคนตาลูปและเมล่อนไม่ชอบอากาศหนาว
จึงทำให้ลูกแตก และแตกลาย และยังทำให้ แคนตาลูป พันธุ์สวีท D25 และเมล่อนสีทองพันธุ์ไข่ทองคำในรอบนี้ ยังมีขนาดลูกเล็กกว่าปกติเกือบครึ่ง จากเดิมจะต้องมีน้ำหนักอย่างน้อยลูกละ 1 กิโลกรัมครึ่ง รอบนี้น้ำหนักแต่ละลูกเหลือมีน้ำหนักไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัม หากจะตัดขายส่งให้พ่อค้าแม่ค้าคนกลาง ก็จะได้ราคาต่ำกิโลกรัมละ 10 กว่าบาทเท่านั้น ประกอบกับช่วงนี้ยังมีโรคโควิด19 ทำให้พ่อค้าแม่ค้าจากต่างจังหวัด ที่เคยมารับไปขายก็ไม่ค่อยจะมาซื้อไปขายเหมือนเดิม ตอนนี้ยังคงมีผลผลิตในไร่ เหลืออยู่ประมาณ 4 ตัน
สำหรับผู้สนใจ สามารถต้องการช่วยอุดหนุนซื้อ แคนตาลูปและเมล่อน ได้ ที่ ธกส.บางระกำ โรงพยาบาลบางระกำ และที่ว่าการอำเภอบางระกำ และที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ติดต่อสอบถามจุดเร่ขายเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0844958308
Advertisement