จากกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากครอบครัว น.ส.วิชญาพร วิเศษสมบัติ หรือ วา อายุ 33 ปี สาวรับงานเอนเตอร์เทน ในคืนที่ 22 ก.พ.64 ก่อนเสียชีวิตช่วงเช้า 23 ก.พ.64 ครอบครัวจึงติดใจสงสัยสาเหตุการตาย โดยทราบว่าผู้ว่าจ้างชื่อนายเก่ง
วันที่ 25 ก.พ. 64 หลังจากการประชุมโดย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น., ผู้กำกับ สน.พหลโยธิน และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พร้อมญาติของผู้เสียชีวิตที่ สน.พหลโยธิน ราว 1 ชั่วโมง ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงต่อสื่อมวลชน
พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า จากเหตุดังกล่าวตรวจสอบแล้วตำรวจได้รับแจ้งเหตุ เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง แต่ต้องรอผลชันสูตรศพของผู้เสียชีวิต เหตุที่เกิดขึ้นช่วงคืน 22 ก.พ. รอยต่อเช้า 23 ก.พ. หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ทราบเรื่องและสืบสวนต่อมา ล่าสุดส่งศพไปที่สถาบันนิติเวชแล้ว ทราบเบื้องต้นว่าความตายที่ไม่ได้เกิดจากโรค ถือเป็นการตายผิดธรรมชาติ ส่วนเรื่องสารเสพติดในร่างกายยังไม่มีการยืนยัน ต้องรอผลตรวจ 2 วัน
ทั้งนี้ การสืบสวนไปถึงตัวผู้ที่อยู่ในวันเกิดเหตุแล้ว แต่ยังไม่มีการเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ อยู่ระหว่างเชิญตัวมาสอบปากคำ ที่เกิดเหตุมีผู้ชายมากกว่า 1 คน หญิง 4 คน เป็นสาวเอนเตอร์เทนทั้งหมด โดยมีการว่างจ้างมาคนละ 7,500 บาท ล่าสุดตัวแทนผู้รับงานก็ติดต่อมาแล้ว ระบุว่าจะมาพบ ส่วนที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มีการไปตรวจสอบ โดยเหตุนี้เป็นการนำตัวคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ไม่ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทำให้ไม่เหมือนกับกรณีเคนมผงที่จะเข้าไปพบศพในที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ผู้ตายยังไม่พบว่ามีประวัติเรื่องยาเสพติด และไม่มีโรคประจำตัว ตอนนี้ต้องมีการสอบปากคำตัวผู้รับงานก่อน ย้ำว่ายังไม่เป็นคดี ต้องรอตรวจสอบก่อนว่าเหตุของการตายมีผู้กระทำให้ตายหรือไม่ ส่วนจุดเกิดเหตุเป็นบ้านพักอาศัยของผู้ว่าจ้าง อยู่ภายในบ้านพักย่านพหลโยธิน ซอย 30 เบื้องต้นกรณีนี้ไม่มีความซับซ้อน หากพบการกระทำผิดก็จะดำเนินคดี ซึ่งหากเป็นคดีอาจมีความคล้ายกับคดีลัลลาเบล คดีนี้เป็นวิทยาศาสตร์
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า หลังจากตนเองได้รับแจ้งจากญาติผู้ตาย ซึ่งครอบครัวสงสัยเหตุการณ์ตาย เนื่องจากผู้ตายไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่มีโรคประจำตัว เลี้ยงชีพด้วยการรับงานเอนเตอร์เทน ทำให้ครอบครัวมีความสงสัย แปลกใจ จึงมีการมาร้องทุกข์ ครอบครัวแจ้งว่าอาจมีการถูกวางยาหรือไม่ หลังจากนี้ ก็คงต้องมีการตรวจสอบต่อว่าเป็นอย่างไร
โดยข้อมูลที่ได้รับ ผู้ตายออกจากบ้านพักช่วง 22.00 น. ในวันเกิดเหตุ จากนั้นก็มาทราบอีกทีว่าเสียชีวิตช่วงเช้า ของวันที่ 23 ก.พ. ทราบเพียงว่าผู้ตายถึงที่เกิดเหตุแล้ว โดยการคุยไลน์กัน จากนั้นกลุ่มผู้ต้องสงสัยก็พาตัวไปส่งโรงพยาบาล
ด้านน้องชายของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า ตัวเองติดใจเรื่องการตาย เนื่องจากผู้ตายไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเสพยา อยากรู้สาเหตุการตายว่าเกิดจากอะไร ผลชันสูตรบอกว่ามีอาหารหัวใจล้มเหลว ครอบครัวไม่ทราบเรื่องมาก ส่วนศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านน้ำขาว จ.กระบี่
ที่ สน.พหลโยธิน เวลาประมาณ 17.00 น. นางสาวเอ (นามสมมติ) หนึ่งในสาวที่รับงานเอนเตอร์เทนซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ประสงค์ที่จะให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าในงานมียาเสพติดหรือไม่ นางสาวเอได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเดินเข้าห้องสอบสวนไป
เวลาประมาณ 19.12 น. มีพยานเป็นหญิง 1 รายเดินทางมาสอบปากคำ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ทีมข่าวพยายามสอบถาม แต่พยานดังกล่าวไม่ตอบโต้ อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณ 07.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขอหมายศาลเพื่อเดินทางเข้าไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ข้อมูลว่า พยานให้การณ์ว่า ไม่เคยรู้จักกับผู้ตายมาก่อน และเพิ่งจะมาเจอกันในที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบวงจรปิดในโรงพยาบาลเปาโล เกษตร เบื้องต้นพบว่าผู้ที่นำร่างผู้ตายมาส่งที่โรงพยาบาล เป็นช่วงเช้าของวันที่ 23 ก.พ. เวลา 06.28 น. โดยใช้รถยนต์สีเทาและเดินทางออกไปทันที ซึ่งข้อมูลระบุว่า ผู้ที่นำตัวผู้ตายมาส่งโรงพยาบาลเป็นชาย 2 คน มีการชำระเงินค่ารักษาไว้ 15,000 บาท ระบุว่าผู้ตายเสพยาอี ก่อนมีอาการหมดสติ จากนั้นราว 08.45 น. ผู้ตายก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ที่วัดบ้านน้ำขาว หมู่ 5 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของน้องวาวา นางพรทิพย์ แก้วสุข อายุ 54 ปี แม่ของน้องวาวา กล่าวว่า วันแรกที่ทราบข่าวลูกสาวเสียชีวิต ตนก็รู้สึกช็อก ไม่นึกว่าลูกที่อายุยังน้อยจะเสียชีวิต ตอนรู้ครั้งแรกคือน้องอยู่ห้องไอซียูแล้ว ทราบจากน้องอุ๊ แฟนสาวของลูกสาว
ส่วนสาเหตุที่บอกว่าน้องหัวใจล้มเหลว จากที่ได้สอบถามเรื่องการไปทำงาน ตนไม่เชื่อว่าลูกจะเสียชีวิตเพราะทำตัวเละเทะเมาไม่ได้สติ หรือเสพยา เพราะน้องวาวาเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดี ไม่เคยปล่อยตัวในการทำงานจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ที่สำคัญงานที่น้องไปทำทุกครั้ง น้องจะระมัดระวังเสมอ จะรับงานจากคนที่ไว้ใจได้เท่านั้นติดต่อมา เคสที่ไปทำงานหลังสุดน้องไปทำงานเพียงคนเดียว กลุ่มที่ไปด้วยกันไม่มีคนที่รู้จักน้อง มีเพียงคนที่ติดต่องานมาให้เท่านั้น และทุกครั้งจะบอกกับแฟนน้องตลอดว่าน้องไปทำงานกี่โมง ไปที่ไหน เลิกงานกี่โมง ก็จะให้น้องอุ๊แฟนสาวที่เป็นทอมไปรับตลอด
นางพรทิพย์ กล่าวต่อว่า หลังน้องเสียชีวิต คนที่ติดต่องานให้น้อง ก็ยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยอะไรมาทางตนเลย ส่วนผลตรวจที่ระบุว่าพบสารเสพติดในตัวน้อง ตนไม่เชื่อว่าลูกจะเสพยาเสพติดแน่นอน ยืนยันได้ว่าลูกไม่เคยยุ่งเกี่ยวยาเสพติด น้องวาวาเป็นคนรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ทำงานต่อสู้ชีวิตมาตลอด ทำงานเลี้ยงแม่ เลี้ยงน้อง และเป็นคนที่ชอบทำบุญ ทุกครั้งที่มีโอกาสน้องจะไปปฏิบัติธรรม ทำบุญสร้างโรงทาน
ตนได้มีโอกาสคุยกับลูกสาวครั้งหลังสุดเมื่อประมาณวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา น้องถามตนว่าตนมีเงินใช้หรือเปล่า เพราะน้องไม่ได้ทำงานมานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 น้องจึงเป็นห่วงตนมาก ตนจึงอยากฝากให้ทางตำรวจช่วยสอบสวนสาเหตุการตายของลูกสาวให้ละเอียดที่สุด ตามกำหนดจะฌาปนกิจในวันที่ 28 ก.พ. นี้ แต่หากในทางคดีตำรวจต้องการจะตรวจพิสูจน์ศพน้องอีกครั้ง ตนก็พร้อมจะเก็บศพไว้ก่อนจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
ด้าน น.ส.ศศิธร ไหมอ่อน อายุ 34 ปี เพื่อนคนสนิทของน้องวาวา บอกว่า วันแรกที่ทราบข่าวการเสียชีวิต ตนตกใจมากไม่คิดว่าจะเป็นวาวา ผลการเสียชีวิตหัวใจล้มเหลว ตนยิ่งไม่เชื่อ เพราะวาวาเป็นคนที่รักสุขภาพ ดูแลตัวเองดีมาก ก่อนนี้เคยทำงานด้วยกันเป็นพีอาร์ เป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่โดยส่วนตัวที่รู้จักวาวาจะเป็นคนที่ชอบเก็บตัวไม่กิน ไม่เที่ยว ทุกครั้งที่รับงาน ก็จะมีบ้านที่ดื่มเครื่องดื่ม แต่จะรู้ว่าดื่มได้แค่ไหน จะไม่เกินตัวจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งเรื่องยาเสพติดเชื่อว่าวาวาไม่ยุ่งแน่นอน ดูได้จากที่วาวาจะชอบโพสต์คลิปไลฟ์สไตล์เล่นกับแมวและท่องเที่ยวตามปกติ
ด้านนายชาญวิศว์ แสนภักดี เทรนเนอร์ของวาวา เปิดเผยว่า ตนเป็นเทรนเนอร์ของวาวา 1 ปีแล้ว วาวาเป็นคนแข็งแรง ชอบออกกำลังกายจะมาเทรนกับตนสัปดาห์ละ 2-3 วัน บางทีต่อยมวยเป็นชั่วโมง แข็งแรงมาก ไม่เหนื่อยง่าย ถ้าคนรู้จักเห็นรูปในอินสตาแกรม เปลี่ยนจากหุ่นคนตัวเล็กทั่วไป กลายเป็นคนมีกล้ามท้องสวยมาก
ล่าสุดที่เจอกัน 21 ก.พ. วาวามาต่อยมวยกับตนไม่มีท่าทีเหมือนคนติดยาเสพติด กระทั่งมาเสียชีวิต ไม่ทันได้มาเทรนกับตนอีกเลย ซึ่งเจ้าตัวไม่มีท่าทีเศร้าหรือมีลางบอกเหตุ ทั้งนี้ ตนแปลกใจมากว่าทำไมถึงมีข่าวว่าเสพยาจนเสียชีวิต ตนยืนยันได้ว่าที่ผ่านมาวาวาไม่น่าจะมียาเสพติดมาเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องให้ตำรวจคลี่คลายคดี
ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยว่า ในทางการแพทย์ บอกไม่ได้ว่าเสพยาอีปริมาณเท่าไรถึงจะทำให้เสียชีวิต เพราะร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน แต่ยาอีมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท หลอนประสาทตื่นตัว ยิ่งเสพยาแล้วดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยิ่งทำให้ตื่นตัว ยาอีจะออกฤทธิ์เพิ่มขึ้นเป็น 5-10 เท่า การทำงานของหัวใจจะเพิ่มมากขึ้น จนทำให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันและเสียชีวิตได้
ขณะเดียวกัน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอล์ฮอล์ในปริมาณที่มาก ก็ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน แต่บอกไม่ได้ว่าดื่มปริมาณเท่าไรถึงจะทำให้เสียชีวิต โดยดื่มแอล์กอล์ฮอล์ช่วงแรกจะตื่นตัว เพราะแอล์กอล์ฮอล์จะไปกระตุ้นประสาท แต่ถ้าดื่มมากไปจะกดประสาท หากดื่มมากจนปริมาณแอลกอล์ฮอล์ในเลือดมากกว่า 300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะตายอย่างเฉียบพลันได้ แอลกอล์ฮอล์จะไปกดการทำงานของหัวใจ กดการทำงานของการหายใจ ทำให้หัวใจล้มเหลวได้
Advertisement