จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย. 61) ได้มีการส่งตัว นายสมชาย จงกาญจนาสุนทร ลุงวัย 61 ปี ที่ได้ก่อเหตุยิง นายพันธ์ณรงค์ อ้นจีน อายุ 33 ปี เสียชีวิต ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน โดยลูกเลี้ยงของลุงได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการประกันตัวลุงออกมาสู้คดี (อ่าน :
ลูกเลี้ยงลุง 61 แฉก๊วนโจ๋ ถูกยิงดับบุกขืนใจทำพ่อแค้น – เพื่อนคนตายโต้ นิสัยไม่ระราน)
วันนี้ (19 มิ.ย. 61) ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่มายังชุมชนบ้านบุ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 32 อีกครั้ง โดยในวันนี้ทีมข่าวไม่พบเพื่อนผู้เสียชีวิต เมื่อสอบถามชาวบ้านในชุมชนว่ากลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเป็นอันธพาลหรือไม่ ชาวบ้านต่างปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์รวมถึงไม่ตอบคำถาม โดยให้เหตุผลว่าตอบไม่ได้เพราะเดี๋ยวครอบครัวจะเดือดร้อน โดยชาวบ้านหลายรายเผยว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ได้มีชาวบ้านในชุมชนรายหนึ่งให้ข้อมูลว่ากลุ่มเพื่อนผู้เสียชีวิตเป็นอันธพาลจริง โดยชาวบ้านรู้กันหมดแต่ไม่มีใครกล้าให้ข่าวเพราะกลัวว่าจะเดือดร้อน เนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนนายพันธ์ณรงค์ (ผู้ตาย) ตัวเองก็ไม่เห็นว่าจะทำงานอะไรนอกจากขี่รถจักรยานยนต์ไปมาในซอย ด้านลุงสมชาย คาดว่าที่พกปืนคงเกิดจากความโกรธและเก็บกดที่โดนเพื่อนของคนตายไปข่มขืนลูกเลี้ยง
ด้าน
นางเบญจา อุณหสูตร แม่ของนายพันธ์ณรงค์ ผู้เสียชีวิต ปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ โดยอ้างว่าไม่ทราบเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น
สำหรับกรณีที่มีเพื่อนผู้เสียชีวิตโพสต์ลงเฟซบุ๊คส่วนตัวว่าจะมีการเอาคืนนั้น ญาติผู้เสียชีวิตได้ปฏิเสธ ไม่ได้จะเอาคืนลุง คาดว่าโพสต์ไปด้วยอารมณ์ขณะนั้น ทั้งยังฝากบอกไปยังเพจเฟซบุ๊คต่าง ๆ ว่าให้หยุดโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่มีการแฉว่ากลุ่มเพื่อนผู้เสียชีวิตเป็นกลุ่มอันธพาล และมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ญาติผู้เสียชีวิตตอบว่า ทุกคนมีอดีต ทำไมจะต้องไปขุดเรื่องเก่า ๆ ออกมา ทั้งยังเสริมว่าตนพูดอะไรไปก็ผิดอยู่ดี เพราะคนที่เห็นคลิปวีดีโอก็ตัดสินกันไปแล้ว
ด้าน
นายทีม (นามสมมติ) เพื่อนผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า นายไมค์ก็มีอาชีพเป็นพนักงานส่งของ ส่วนเรื่องที่ลูกเลี้ยงของลุงอ้างว่าเคยถูกนายไมค์บุกเข้ามาจะข่มขืนนั้น ตัวเองไม่ทราบเรื่องเพราะไม่ได้เป็นคนแถวนี้ เพียงแต่แวะเวียนมาหาเพื่อนเท่านั้น
ด้านเพจดังโพสต์แฉพฤติกรรมของกลุ่มเพื่อนผู้เสียชีวิตว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในชุมชน โดยมีการโพสต์ภาพกลุ่มชายฉกรรจ์สักลายเต็มตัวยืนอยู่หน้าศาลเจ้าแห่งหนึ่ง โดยติดแฮชแท็กว่า #ลูกฉันเป็นคนดี จากนั้นก็มีการโพสต์ลิ้งค์เพจสถานีตำรวจโดยเขียนข้อความว่า “โทรไปร้องเรียนหน่อย ตอนนี้มาเฟียรวมตัวกันในซอยจรัญฯ 32 ตรงศาลเจ้า มีอาวุธพร้อมทำร้ายชายแก่คนหนึ่ง”
จากการโพสต์ของเพจดังหล่าว
นายทีม เผยว่า รูปภาพที่เพจดังนำออกมาแฉที่เป็นภาพนายไมค์และกลุ่มชายฉกรรจ์นั้น เป็นภาพเก่าเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว โดยภายในภาพเป็นกลุ่มเพื่อนที่รู้จักกันจริง แต่ผู้เสียชีวิตไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยและไม่ได้อยู่ในภาพ และสำหรับเรื่องที่มีชาวบ้านให้ข้อมูลว่ากลุ่มของตนเป็นอันธพาลและเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น เป็นเพียงเรื่องในอดีต โดยยอมรับว่ากลุ่มของพวกตนเคยติดคุกกันมาทั้งนั้น แต่เมื่อออกมามีครอบครัวก็กลับเนื้อกลับตัวและไม่มีเรื่องดังกล่าวแล้ว สำหรับกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กไปคอมเมนต์ในเพจดังว่าจะเอาคืน ตัวเองยืนยันว่ากลุ่มของตนไม่ได้คิดจะแก้แค้น ส่วนกรณีที่มีคน 4-5 คนขับรถจักรยานยนต์ ผ่านไปมาหน้าบ้านลุงเมื่อคืนนั้น เพราะตรงนั้นก็เป็นจุดที่รถจะต้องผ่านเข้าออกอยู่แล้ว ยืนยันว่าในกลุ่มไม่ได้มีใครไปดูลาดเลาเพื่อจะเอาคืนแต่อย่างใด
ด้าน
น.ส.แอน (นามสมมติ) ลูกเลี้ยงของลุง ยืนยันว่าเคยถูกนายไมค์บุกเข้ามาจะข่มขืนจริง โดยวันนั้นเป็นเวลาประมาณ 18.00 น. เป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีชาวบ้านเดินผ่านไปมาแล้ว ตนอยู่ที่บ้านพ่อเพียงคนเดียว เพราะพ่อทำงานอยู่ ตัวเองได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อถามว่าใครก็ไม่ตอบ จากนั้นก็มีคนเคาะประตูอีกครั้ง ตนคิดว่าเพื่อนแกล้งเพราะเพื่อนชอบแกล้งตนแบบนี้ประจำเลยเดินออกไปเปิดประตู พบนายไมค์และพวกอีก 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผู้เสียชีวิตได้กันประตูไว้ไม่ให้ตนปิด จากนั้นจึงบุกเข้ามา ตนจึงวิ่งหนีขึ้นไปยังชั้นสองและร้องเรียกให้คนช่วย ไมค์และพวกจึงวิ่งหนีออกไป วันต่อมา พ่อของตัวเองก็ได้เข้าไปแจ้งความที่ สน.บางกอกน้อย โดยตนไม่ได้ไปด้วย แต่พ่อเล่าว่าเมื่อเข้าไปแจ้งความ ตร.กลับบอกว่าให้ย้ายบ้านหนีเพราะเดี๋ยวมีปัญหา แล้วก็ไม่เคยเรียกตนหรือนายไมค์ไปสอบปากคำแต่อย่างใด โดยปกติพ่อตนจะเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ และพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ตนเชื่อว่าพ่อเข้าไปแจ้งความจริง เพราะพ่อตนไม่ใช่คนโกหก
สำหรับเรื่องที่พ่อตนยิงคู่กรณีเสียชีวิตนั้น เมื่อตนทราบเรื่องตนรู้สึกแย่มาก ตนทราบดีว่าพ่อตนเป็นคนผิด โดยพ่อมักจะพูดติดตลกกับตนเสมอว่าเหนื่อย อยากจะออกจากงาน อยากไปนอนในคุก โดยวันที่เกิดเหตุตนไปถึงจุดเกิดเหตุตนที่พ่อถูก ตร. จับแล้ว พ่อมีอาการเมามากและพูดคุยไม่รู้เรื่อง เช้าวันรุ่งขึ้น ตนไปเยี่ยมพ่อและถามว่า “ทำไมถึงไปยิงเขา บอกแล้วใช่ไหมว่ามันไม่ดี บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งอะไรกับเขา เราก็อยู่ของเราไป” พ่อก็ตอบว่า คู่กรณีมาตบหน้าพ่อก่อน เมื่อตัวเองถามว่าทำไมถึงตบ ไปว่าอะไรเขาก่อนหรือเปล่า พ่อก็ปฏิเสธ บอกเพียงว่าแค่มองหน้า จากนั้นก็มีปากเสียงกัน แล้วคู่กรณีก็ตบหน้า โดยไม่ได้เล่าให้ตนฟังว่ามีปากเสียงกันเรื่องอะไร กล่าวแต่ว่าเพียงมองหน้ากันเฉย ๆ ก็มีปัญหาเลย ก่อนหน้านี้พ่อของตัวเองไม่เคยพกปืน แต่หลังจากที่นายไมค์บุกเข้ามาจะข่มขืน พ่อก็พกปืนและขึ้นลำไว้พร้อมยิงตลอดเวลา หลังเกิดเรื่องตนก็ทำใจยาก เพราะพ่อคอยช่วยเหลือตลอดเวลา และต้องโทรหาตนทุกคืน
ล่าสุด
นายสมชาย จงกาญจนาสุนทร ได้รับการประกันตัวออกมาแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้โดยใช้เงิน 5 แสนบาท เป็นหลักค้ำประกัน (18 มิ.ย. 61) และเผยว่า ซื้อปืนมานานแล้ว โดยมีปืนอยู่ 4 กระบอก ปกติตนไม่ได้พกปืนตลอดเวลา แต่วันเกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตกำลังจะนำรถจักรยานยนต์ออกไป ตนก็มองหน้า จากนั้น คู่กรณีก็เดินมาตนพร้อมกับกล่าวว่า “เอามั้ยหล่ะ ๆ” ตนไม่ได้ตอบอะไร คู่กรณีก็เข้ามาตบหน้าและต่อยตัวเอง
นายสมชาย ยังบอกอีกว่า ขณะนั้นตนไม่ได้ตั้งใจยิง แต่ตนมีปืนอยู่ในย่ามพอดี และตนถูกตบถูกต่อยตนก็เจ็บ จะไม่ยิงได้อย่างไรนอกจากนี้ ยังเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้เสียชีวิต (นายสมชายเรียกว่า “เดนคุก”) เคยเข้ามาข่มขืนลูกเลี้ยงตัว โดยยืนยันว่าแจ้งความแล้วและตำรวจบอกให้ย้ายบ้านหนีจริง
นายสมชาย ฝากบอกไปยังญาติผู้ตายว่า ตัวเองขอโทษ ตนไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเกิดขึ้น แต่เป็นเพราะขณะนั้นตนถูกตบถูกต่อยก่อนจึงยิงไป