เราชนะ กลุ่มเปราะบาง ไร้สมาร์ทโฟน ที่ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 15–21 กุมภาพันธ์ 2564 จะได้รับเงินเยียวยางวดแรก 4,000 บาท ในวันนี้ (5 มี.ค.)
ประชาชนกลุ่มเปราะบาง ไร้สมาร์ทโฟน ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 15–21 กุมภาพันธ์ 2564 สามารถตรวจสอบสถานะการคัดกรองคุณสมบัติได้ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com หรือ Call Center ของธนาคารกรุงไทยฯ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2111 1122 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะได้รับวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกจำนวน 4,000 บาท ในวันที่ 5 มีนาคม 2564 สามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ดังกล่าวผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) กับผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนกลุ่มดังกล่าวที่ไม่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ สามารถแสดงความประสงค์ขอทบทวนสิทธิ์ได้ในระหว่างวันที่ 6 - 31 มีนาคม 2564 ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com หรือสาขาของธนาคารกรุงไทยฯ ทั่วประเทศ โดยจะทราบผลการทบทวนสิทธิ์ในวันที่ 7 เมษายน 2564
กลุ่มเปราะบาง หรือ ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนรอบสอง วันนี้เป็นวันสุดท้าย (5 มี.ค.) ได้ที่ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส., สำนักงานสรรพสามิต, สำนักงานสรรพากร, คลังจังหวัด, ที่ว่าการอำเภอ, องค์การบริหารส่วนตำบล และหน่วยลงทะเบียนเคลื่อนที่ทั่วประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ย้ำอีกที! เราชนะ กลุ่มเปราะบาง ไม่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 7 พัน วันนี้ (5 มี.ค.) วันสุดท้าย
ส่วนความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 4 มีนาคม 2564 ดังนี้
1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 33,882 ล้านบาท
2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว มีจำนวนมากกว่า 16.4 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 38,093 ล้านบาท
3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ระหว่างวันที่ 15 – 21 กุมภาพันธ์ 2564 และผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 0.5 ล้านคน ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์โครงการฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 30.6 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 71,975 ล้านบาท