กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิป น.ส.วิลาวัลย์ สมบูรณ์ อายุ 32 ปี นักร้องสาวที่ได้นำเพลงของฮันนี่ ศรีอีสาน ไปร้อง และรู้สึกว่าถูกสิงร่างทุกครั้ง จากนั้นจึงได้ไปรำถวายของานที่ศาล จุดที่ฮันนี่ ศรีอีสาน ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตใน จ.ศรีษะเกษ ตามที่ปรากฏบนโลกออนไลน์นั้น
ล่าสุดวันที่ 7 มี.ค.64 น.ส.วิลาวัลย์ หรือ นุช เล่าให้ฟังว่า ถ้าพูดถึงความเชื่อและความศรัทธาในตัวของแม่ฮันนี่ ศรีอีสาน ตนมีความเชื่อมาก ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่ามีความผูกพันกันตั้งแต่ตอนไหน แต่เพลงแรกที่ตนร้องนั้นคือน้ำตาหล่นบนที่นอนของแม่ฮันนี่ ซึ่งตนก็ชอบเพลงนี้มาก และชอบแม่ฮันนี่มาก ตอนเด็ก ๆ พ่อกับแม่ก็มีกุศโลบายว่าอย่าดื้อ ถ้าดื้อจะไม่พาไปเจอแม่ฮันนี่ และตอนที่แม่ฮันนี่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตนก็ร้องไห้ และถามว่าทำไมแม่รีบเสียชีวิต
จากเหตุการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าแม่ฮันนี่ จ.ศรีษะเกษ วันนี้เราก็มีโอกาสได้พูดคุยกับ 2 นักแสดงและจิตอาสา “ท็อป บิณฑ์ - ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” ที่เคยได้สัมผัสกับเกี่ยวกับปรากฏการณ์น่าทึ่งของศาลแห่งนี้
โดย “คุณท็อป” เล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกที่ตนได้สัมผัสกับความศักดิ์สิทธิ์ของ “ฮันนี่ ศรีอีสาน” คือ หลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 2535 ซึ่งตอนนั้นเพลง “น้ำตาหล่นบนขอบเตียง” และ “สาวกาฬสินธุ์” ดังมาก หลังจากนั้นประมาณ 5 ปี ตนก็มีเหตุให้ต้องเดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่ จ.ศรีษะเกษ ทีมงานก็เล่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ “ฮันนี่” ว่าเป็นดวงของคน เพราะตอนนั้นเขากำลังเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่ จ.ศรีสะเกษ แล้วบังเอิญว่าลืมชุดตัวเก่งไว้ที่ จ.อุบลราชธานี จึงต้องกลับไปเอา ซึ่งตอนนั้นผู้จัดการส่วนตัวบอกว่า “ฮันนี่” ไม่ต้องไป เดี๋ยวจะให้ทีมงานไปเอาให้ ส่วนที่เหลือก็ไปส่ง “ฮันนี่” ที่โรงแรม แต่เขาไม่ยอมจึงได้เดินทางกลับไปเอาชุดด้วยกันทั้งหมด แต่ขากลับก็เกิดอุบัติเหตุกับ “ฮันนี่” ทำให้เธอเสียชีวิต
หลังจากที่ตนได้ยินคำบอกเล่าของทีมงาน ก็ทำให้ช่วงค่ำของวันที่ตนถ่ายทำภาพยนตร์ใน จ.ศรีสะเกษ เสร็จ พอกินข้าวเสร็จก็เลยออกมา ตั้งใจว่าจะเข้าไปไหว้ศาลเจ้าแม่ฮันนี่ แต่บังเอิญว่าฝนตกหนักมาก ตนจึงรออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้ฝนหยุดตก แต่ฝนก็ไม่หยุด ด้วยความตั้งใจก็เลยมุ่งหน้าฝ่าฝนไปยังศาลเจ้าแม่ฮันนี่ ที่ห่างจากตนประมาณ 10 กิโลเมตร
แต่เมื่อมาถึงศาลปรากฏว่าฝนก็หยุดตก แต่ตรงบริเวณรอบศาลเต็มไปด้วยน้ำที่ไหลหลาก เนื่องจากศาลตั้งอยู่บนคันนา ตนจึงใช้ไฟฉายและให้รถส่องไปที่ศาล ในขณะที่ตนกำลังจะไหว้ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่มีอะไรติดมือมาเลย จึงพยายามหาธูปเทียนแต่ก็ไม่เจอ ตนจึงลองบอกไปว่า “ถ้าแม่ฮันนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงผมขอธูปหน่อยนะ” ปรากฏว่าไม่ถึง 1 นาที ธูปที่อยู่ในซองพลาสติกก็ไหลมาตามน้ำ มาโดนขาตน “คุณท็อป” จึงหยิบขึ้นมา ก็พบว่าธูปไม่เปียกน้ำ สามารถใช้ได้
แต่บังเอิญว่าไม่มีไฟจุด เพราะคนที่ไปด้วยไม่มีใครพบไฟแช็ก ตอนแรกตั้งใจจะขอจากคนที่ขับรถผ่านไปมา แต่หลังจากรอไปประมาณ 5 นาทีก็ไม่มีใครผ่านมาทางนี้เลย ตนก็เลยตัดสินใจบอกกับเจ้าแม่ฮันนี่อีกครั้งว่า “ถ้าแน่จริงอีกทีผมขอไม้ขีดไฟหรือไฟแช็กให้ผมหน่อย” ทันใดก็เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ตนเข้าไปหาในบริเวณศาลอีกที กลับพบว่ามีกล่องไม้ขีดไฟตั้งอยู่และด้านในมีไม้ขีด 3 ชิ้น ทั้ง ๆ ตอนแรกไม่มีอะไรเลย แต่ด้วยความที่ฝนตกมันก็เลยชื้น ตนจึงค่อย ๆ ถนอมใช้อันแรก ปรากฏว่าหัวไม้ขีดหลุดกระเด็น ตนจึงนึกในใจว่า “ให้แล้ว ขอให้ได้ไหว้เถอะ”
จากนั้นจึงหยิบอันที่สองมาจุด ปรากฏว่าจุดไปครั้งแรกไม่ติด แต่พอจุดครั้งที่ 2 มีประกายไฟเกิดขึ้น หลังจากนั้นตนก็จุดธูปขอพร ทั้งขอให้เจริญ ขอให้หนังที่เล่นประสบผลสำเร็จ ขอให้มีเงิน ขอให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับตัวเราและขอให้แม่ฮันนี่ดูแลตน ให้แม่ไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ก่อนที่จะทิ้งท้ายด้วยการขอเลขเด็ด ซึ่งหลังขอพรเสร็จ ตนก็จัดการเขย่าเซียมซีที่อยู่บริเวณศาล ก็ได้เลขมา 2 ตัว ไม่แน่ใจว่าเป็น “53 หรือ 35” ตนจึงนำไปซื้อหวย ปรากฏว่าถูกตัวตรง 2 ตัวเป๊ะ ๆ พร้อมกับหลังจากตนกลับมาที่กรุงเทพฯ ก็มีงานติดต่อเข้ามาเยอะมาก จนสามารถคว้ารางวัลตุ๊กตาทองจากภาพยนตร์เรื่องบางระจัน ที่ตนไปถ่ายทำใน จ.ศรีสะเกษ ตอนนั้นด้วย ตอนนั้นตนก็สั่งให้คนกลับมาบูรณะพื้นที่บริเวณศาลเจ้าแม่ฮันนี่ส่วนหนึ่ง สร้างรั้ว ปรับปรุงด้านในให้ดูสะอาดมากขึ้น เท่านี้ยังไม่พอ