จากกรณีพบศพหญิงสาวถูกเผาในเขตพื้นที่บ้านม่วงหอม ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก่งโสภา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 6 และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในป่า ห่างบ้านเรือนชาวบ้านประมาณ 3 กิโลเมตร
เบื้องต้น ทราบว่าผู้ตายคือ น.ส จุฬารัตน์ หรือ ปอ อายุ 19 ปี ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้หายออกจากบ้านพักไปตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา
โดยการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้สืบเนื่องจากผู้ก่อเหตุคือ นายแม้ว แฟนหนุ่มวัย 18 ปี ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยอมรับสารภาพว่าได้มีปากเสียงกับน้องปอ เนื่องจากถูกบอกเลิก จนบันดาลโทสะลงมือฆ่าน้องปอด้วยการบีบคอ ก่อนนำร่างขึ้นรถกระบะไปเผาอำพรางภายในป่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม
ล่าสุด วันที่ 9 มี.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ สภ.แก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ปู่ ตา และพี่เขยของผู้ก่อเหตุ อยู่ในระหว่างการให้ข้อมูลทางคดี ขณะนี้ทางครอบครัวกำลังจะนำที่ดินไปประเมินเพื่อนำไปประกันตัวหลานชาย แต่ยังไม่รู้ว่าต้องใช้หลักทรัพย์เท่าไร
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่า นายแม้วทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และเมื่อวานนี้ได้พาหลานมามอบตัวแล้ว ก่อนหน้านี้ทางญาติซักถามตั้งหลายครั้งว่า แฟนสาวหายไปไหน แต่เจ้าตัวไม่ยอมบอก กระทั่งมาสอบปากคำ แล้วยอมรับว่าทำจริง
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พบรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุ เป็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ เลขทะเบียน บย 3910 พิษณุโลก เป็นรถของปู่ผู้ก่อเหตุ ซึ่งจอดอยู่สถานีตำรวจ
โดนข้อมูลวันที่ 27 ก.พ. เวลาประมาณ 9.00-10.00 น. บ้านฝ่ายหญิงมาที่บ้านของฝ่ายชาย บอกให้เลิกกัน จากนั้นผู้ก่อเหตุกับผู้ตายทะเลาะกันในห้องนอน ขณะนั้นปู่ย่าไม่อยู่แล้ว เพราะออกไปนั่งเล่นที่ศาลา ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร เวลาประมาณ 11.00 น. ผู้ก่อเหตุพลั้งมือ บีบคอเสียชีวิตบนเตียงนอน เวลา 11.30 น. ผู้ก่อเหตุส่งข้อความทางเฟซบุ๊กคุยกับน้องสาวของผู้ตาย บอกว่าเลิกกัน และไปส่งที่ท่ารถแล้ว จากนี้ขอให้มาเก็บของออกไป
จากนั้น ผู้ก่อเหตุได้เอาผ้าปูที่นอนห่อตัวผู้ตาย แล้วเอาใส่แค็บหลังกระบะ ก่อนจะนำยางรถยนต์ประมาณ 3-4 เส้นใส่ท้ายรถ
กระบี่ขับรถออกไปจากบ้าน แล้วนำไปทิ้งในป่ายาง ห่างจากบ้านประมาณ 5 กิโลเมตร ทั้งนี้ คาดว่าใช้เวลาก่อเหตุ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง และช่วงวันเสาร์ไม่มีใครอาศัยอยู่ในพื้นที่ จึงไม่มีใครเห็นหรือได้ยินตอนที่เกิดเหตุ
เบื้องต้น ถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหาปกปิดซ่อนเร้นอำพรางศพ
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านพักบ้านปลายนา หมู่ 27 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ก่อเหตุ เป็นบ้านส่วนตัวชั้นเดียว ตั้งห่างจากบ้านในระแวกใกล้เคียง บ้านหลังดังกล่าวปิดเงียบ
นางคำมูล พรมภักดี อายุ 76 ปี ย่าน้อยของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุ ตนยังถามนายแม้วว่า แฟนไม่สบายเอายาให้กินหรือยัง ซึ่งนายแม้วก็ตอบว่า กินแล้ว สักพักประมาณ 11.30 น. นายแม้วก็ขับรถออกไปจากบ้าน แต่ตนไม่ทราบว่าไปไหน ซึ่งตอนนั้นปู่กับย่าที่เป็นเจ้าของบ้านก็นั่งเล่นอยู่กับตน และเข้าใจว่า คงจะออกไปเที่ยงเล่นข้างนอก เพราะมักจะออกไปประจำ จึงไม่ได้สังเกตว่าเอาอะไรขึ้นรถไปบ้าง ทั้งนี้ พ่อแม่ของนายแม้วแยกทางกันตั้งแต่เด็ก และปู่กับย่าอีกคนเป็นคนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก นายแม้วเป็นคนนิสัยดีมาก ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ส่วนใหญ่จะอยู่แต่บ้าน เวลาว่างก็ไปเลี้ยงไก่
ส่วนนายสาวปอเป็นเด็กที่นิสัยดี น่าเอ็นดู และทำกับข้าวอร่อย ปู่ย่าของผู้ก่อเหตุเคยเล่าให้ฟังว่าถ้าย่าจะทำกับข้าว นางสาวปอจะไม่ยอม และจะทำให้กินเอง ทุกคนจึงชื่นชอบนางสาวปอ ทั้งนี้ นายแม้วกับนางสาวปอคบหากันมาประมาณ 2 ปี และหมั้นกันมาประมาณ 2 ปีแล้ว ญาติของนายแม้วหมั้นด้วยสร้อยทองคำ 1 บาท เงินสด 20,000 บาท และตั้งใจว่าหลังจากที่นายแม้วเรียนจบจะแต่งงานกัน ส่วนนางสาวปออายุเยอะกว่า และเรียนจบก่อน ทั้งคู่ไม่ได้ทะเลาะให้เห็น จึงไม่มีใครรู้ว่าทะเลาะกันบ่อยไหม นอกจากนี้ ตอนที่เกิดเหตุไม่มีใครเห็น เพราะบ้านรอบข้างไปทำไร่กันหมด ส่วนคนอื่นก็มานั่งรวมกันที่ศาลา
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกตกใจมาก และเมื่อเช้านี้เพิ่งจะรู้เรื่อง เพราะหลานไม่เคยบอกใคร ตนเคยพูดกับหลานว่า "เอาไปส่งที่ไหนให้บอก จะได้เอาไปคืนพ่อแม่เขา" อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกสงสารมาก และรู้สึกเสียดาย อีกทั้ง ทั้งคู่ยังอายุน้อยอยู่ ตนเชื่อว่า หลานชายทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตนอยากขอโทษแทนหลานชายด้วย
นางบัวลา หาพล้อย อายุ 68 ปี น้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า นายแม้วไม่เคยปริปากบอกใคร กระทั่งเมื่อวานนี้ นายแม้วโทรไปบอกญาติพี่น้องที่ อ.บางระกำ และญาติพี่น้องถามว่า เอาแฟนไปไว้ที่ไหน หลานชายจึงยอมรับว่า "ฆ่าเขาแล้ว" ญาติฝั่งนั้นจึงโทรมาบอกปู่กับย่า ปู่กับย่าเลยพาไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่เกิดเรื่อง ตนสังเกตเห็นว่านายแม้วมีท่าทีปกติดี เวลาตื่นเช้ามาก็แต่งตัวไปโรงเรียน
ทั้งนี้ นายแม้วเป็นคนซื่อ และนิสัยดีมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าจะทำแบบนี้ เพราะทุกคนเคยบอกว่าถ้ารู้ว่าอยู่ไหนให้ไปตามแฟนกลับมา แล้วโทรบอกแม่ของผู้ตายด้วย ก่อนเกิดเรื่องวันที่ 27 ก.พ. เวลาประมาณ 9.00-10.00 น. แม่ของนางสาวปอมาที่บ้าน บอกให้ทั้งสองฝ่ายแยกกัน และขอให้ปล่อยลูกเขาไป และจากนั้นลูกเขาก็หายไปเลย ซึ่งตอนที่แม่ยายขี่รถกลับออกไปอีกทาง ลูกเขยก็ขับรถไปอีกทาง สวนทางกัน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกสงสารทั้งคู่ เพราะต่างคนต่างยังเด็กอยู่ เวลาไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด และนางสาวปอมาอยู่กับแม้วได้ประมาณ 2 ปีแล้ว แต่นายแม้วยังเรียนอยู่ เลยหาเงินให้ไม่ได้ ส่วนตัวมองว่าเหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะแม่ของฝ่ายหญิงอยากให้เลิกกัน ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ควรจะไปห้าม อย่างไรก็ตาม ตนขอโทษแทนหลานชาย ซึ่งตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะตนเข้าใจว่าคนเป็นพ่อแม่ต่างรักและห่วงลูกกันหมด
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านพักของญาติพี่น้องผู้ตาย หมู่ 25 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ญาติพี่น้องได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพของนางสาวปอเป็นวันแรก
นางฉวี กุนนะ แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตำรวจโทรมาหาตนแจ้งเรื่อง ตนก็เข่าอ่อนและร้องไห้โฮเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งลูกสาวของตนหายตัวไปตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 26 ก.พ. ตอนแรกตนเข้าใจว่า ลูกสาวไปหางานทำที่ จ.พิษณุโลก เพราะลูกสาวสมัครงานไปแล้ว วันที่ 27 ก.พ. เวลาประมาณ 9.00 น. ตนไปหาลูกสาวที่บ้านของปู่ผู้ก่อเหตุ แต่ไปแล้วไม่เจอนางสาวปอ และปู่ของผู้ก่อเหตุบอกว่า นางสาวปอไม่สบาย และกำลังพาไปหาหมอ ตนจึงนั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่กลับสักที ตนจึงทิ้งเบอร์โทรไว้ และบอกว่าถ้าลูกกลับมาให้โทรตาม เพราะตนจะคุยกับลูกสาวว่าจะไปทำงานตอนไหน
กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. ปู่ของผู้ก่อเหตุโทรมาบอกว่านายแม้วไปส่งนางสาวปอแล้ว และนางสาวปอข้ามถนนไปขึ้นรถเอง แต่ตนไม่เชื่อ และรู้สึกสงสัย เพราะครั้งล่าสุดลูกสาวของตนอยู่ด้วยกันกับนายแม้ว และหายไปนาน ตนเลยเข้าแจ้งความ ตำรวจได้เรียกนายแม้วไปสอบถาม แต่ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาผิดปกติ และบอกเพียงว่า "เลิกแล้ว ไปส่งแล้ว จะมีอะไรอีก"
ก่อนหน้านี้ลูกสาวพักที่บ้านแฟน และกำลังจะแยกกับแฟนเพื่อไปทำงาน ลูกสาวเช่าห้องอยู่คนเดียวที่ตัวเมืองพิษณุโลก อีกทั้งลูกสาวกับนายแม้วเพิ่งจะเลิกกันมาประมาณ 1 เดือนกว่าแล้ว ตนไม่รู้สาเหตุว่าทำไปเพราะอะไร แต่ตนยืนยันว่าลูกไม่ได้มีคนใหม่ ขนาดมีคนมาจีบก็บอกคนอื่นตลอดว่ามีแฟน และทั้งสองคนหมั้นกันถึง 2 ปี บอกว่าจะแต่งงานกันเดือน 6 แต่ก็ไม่มาแต่งเสียที แต่ลูกสาวก็ยังรออยู่ อีกทั้งลูกสาวไม่เคยเล่าเรื่องที่ทะเลาะกัน ตนจึงไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกัน ส่วนตัวมองว่าสาเหตุที่เลิกกัน อาจจะเป็นเพราะคนหนึ่งเรียน อีกคนหนึ่งก็มีภาระ จึงไปกันไม่ได้ และลูกสาวบอกกับตนว่าอยากจะทำงานส่งเงินให้ที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่อยากให้เข้ามาขอขมา เพราะเกรงว่าหากเจอกัน ญาติพี่น้องอาจจะรุมทำร้าย ซึ่งตนก็อดที่จะสงสารไม่ได้ สุดท้ายนี้ ตนขออโหสิกรรมให้ เพราะตนกลัวว่าชาติหน้าจะมาตามฆ่าลูกของตนอีก แต่ตนอยากจะให้ได้รับโทษสูงสุดของกฎหมาย อยากจะบอกกับลูกสาวว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทุกคนจะดูแลกันอย่างดี
ขณะที่ช่วงค่ำวันนี้ กู้ภัยนำอัฐิของผู้ตายมาวางไว้ ทางเพื่อนของผู้ตายได้เข้ากอดอัฐิ และร่ำไห้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขั้น ส่วนทางญาติพี่น้องต่างก็ร้องไห้เสียใจเช่นกัน อีกทั้งทางแม่ของผู้ตายได้จุดธูปหลังจากที่นำอัฐิลงจากรถ และร้องไห้เสียใจอีกครั้ง
สำหรับแชตการสนทนา วันที่ 27 ก.พ. เวลาประมาณ 11.29 น. น้องสาวอายุ 14 ปีของผู้ตาย ส่งข้อความทางเฟซบุ๊กสอบถามผู้ก่อเหตุว่า ให้ส่งนางสาวปอกลับบ้าน เพราะก่อนหน้านี้แม่ไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอ แต่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าส่งขึ้นรถไปแล้ว จากนั้นเวลาประมาณ 12.04 น. ผู้ก่อเหตุทักมาถามว่าไปเอารถหรือยัง และบอกให้พี่ชายคนโตของนางสาวปอมาเอารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ที่บ้านกลับไปด้วย พร้อมกับย้ำว่าเลิกกันแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยงข้อง
นางสาวมะม่วง (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ลูกพี่ลูกน้องของผู้ตาย และเพื่อน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นางสาวปอระบายให้ตนฟังว่า นายแม้วไม่ยอมมาขอแต่งงานสักที แต่ช่วงวันวาเลนไทน์ยังคบหากันอยู่ ช่วงนั้นนางสาวปอไปเที่ยวกับครอบครัว และนายแม้วไม่ได้ไปด้วย เลยทะเลาะกัน เพราะนายแม้วนำเงินที่ได้จากตรุษจีนคนละ 1,000 บาท ไปเล่นตีไก่
จากนั้นนางสาวปอก็หนีไปนอนที่รีสอร์ต นายแม้วจึงไปตามง้อ และสัญญาว่าจะกลับตัวใหม่ นางสาวปอเลยให้โอกาส แต่กลับไปได้ประมาณ 2-3 วัน ก็เลิกกันอีก นางสาวปอเลยหนีไปเช่าห้องในเมือง แต่นายแม้วก็ยังมาตามง้อ เพราะเกรงว่าหากไปอยู่ที่อื่นแล้ว นางสาวปอจะมีคนใหม่ ทั้งคู่มักจะเล่นกันแรง จนทำตู้เสื้อผ้าแตก พัดลมพังเสียหาย หัวโขกกระจก ซึ่งหัวไม่แตก แต่กระจกในห้องแตก ส่วนเรื่องการทะเลาะทั้งคู่มักจะทะเลาะกันประจำ หลังจากที่นางสาวปอหายไปตนได้สอบถามนายแม้วว่า เอานางสาวปอไปไว้ที่ไหน แต่นายแม้วบอกว่าไปส่งนางสาวปอที่ท่ารถ แล้วก็นางสาวปอเดินขึ้นรถไปเอง
กระทั่งตนมาทราบเรื่องว่าถูกฆ่า ส่วนตัวไม่คาดคิดมาก่อน เพราะตนไปคิดว่าเด็กอายุ 18 ปี จะโหดร้ายทารุณขนาดนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า ตั้งใจทำ เพราะถ้าพลั้งมือหากเห็นว่าขาดอากาศหายใจก็น่าจะหยุดทำ สุดท้ายนี้ตนยังไม่พร้อมที่จะอโหสิกรรมให้ และอยากจะให้ได้รับโทษสูงสุด ถ้าไม่ประหารชีวิตก็ขอให้ติดคุกตลอดชีวิต หลังจากที่เกิดเหตุส่วนตัวไม่ได้ฝันถึงนางสาวปอ แต่วันที่ 28 ก.พ. นางสาวปอมาเข้าฝันเพื่อนอีกคนแล้วบอกว่ามีรอยช้ำเต็มตัวเต็มคอ เจอนางสาวปอที่ป่ายาง
ความเคลื่อนไหว เฟซบุ๊กของผู้ตายมีการแชร์ความข้อความเรื่องความรัก และการให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ วันที่ 25 ก.พ.64 เวลา 23.46 น. เป็นโพสต์สุดท้ายแชร์ข้อความที่ลักษณะตัดพ้อถึงความเหนื่อย ก่อนจะเสียชีวิต
ส่วนบนเฟซบุ๊กของนายแม้วมีการโพสต์สถานะร่วมกับฝ่ายหญิง ถูกชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์อย่างรุนแรงจำนวนมาก