กรณีผู้ปกครองชาว อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ นำหลักฐานคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ และข้อความแชตสนทนาที่ไม่เหมาะสม ระหว่างครูประจำชั้นกับลูกสาวของตัวเอง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.กระสัง ให้ดำเนินคดีกับนายโอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นครูประจำชั้นและสอนวิชาคณิตศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.กระสัง
ภายหลังจากครูรายนี้ ได้กระทำชำเรา ด.ญ.บี (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.1 ทั้งยังมีคลิปที่ครูถ่ายไว้ขณะมีสัมพันธ์กับเด็กในห้องน้ำของโรงเรียน เพื่อใช้ขู่เด็กไม่ให้ไปบอกญาติ ทำให้สร้างความเสียหายให้กับเด็ก จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์นั้น
ล่าสุดวันที่ 9 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนดังกล่าว พบว่าครูที่ถูกกล่าวหาไม่ได้มาโรงเรียน จากการสอบถามทราบว่าได้แจ้งทางโรงเรียนว่า ขอลาป่วย แต่ไมได้ระบุว่าลากี่วัน ส่วนเด็กผู้เสียหายผู้ปกครองก็ยังไม่ให้มาเรียน เพราะต้องดูแลเรื่องสภาพจิตใจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้าไปตรวจสอบห้องน้ำในโรงเรียนที่ระบุว่าเป็นจุดเกิดเหตุ พร้อมบันทึกภาพเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ประสานทีมสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำเด็กผู้เสียหาย ก่อนจะเรียกครูที่ถูกกล่าวหามาสอบปากคำตามขั้นตอน
นายไพบูลย์ มั่นยืน ผอ.โรงเรียนมัธยมดังกล่าว ระบุว่า หลังจากทราบเรื่องก็ได้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง ซึ่งจะได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากพบมีมูลตามที่ถูกกล่าวหา ก็จะตั้งกรรมการสอบเอาผิดวินัยตามขั้นตอน แต่จากข้อมูลเบื้องต้นทราบจากที่มีการแชร์กันบนโลกโซเชียลฯ เท่านั้น ยังไม่ได้สอบถามจากตัวครูที่ถูกกล่าวหาเพราะขณะนี้ติดต่อไม่ได้ และทราบจากฝ่ายบุคคลว่าครูลาป่วย แต่ไม่ได้ระบุว่าลากี่วัน
ส่วนเด็กผู้เสียหาย ก็ได้ให้ครูดูแลเรื่องสภาพจิตใจของเด็กในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม หากผลสอบพบว่าครูได้กระทำผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา ตามระเบียบราชการก็มีบทลงโทษ ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน และสุดสูงถึงขั้นไล่ออก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความผิดว่าร้ายแรงหรือไม่ ยืนยันว่าทางโรงเรียนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นอกจากนี้ ด.ญ.บี ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ดังกล่าว และยังคงกักตัวเองอยู่ในห้องนอน ไม่ออกมาพบใคร พ่อด.ญ.บี บอกว่า ตนทำงานอยู่ต่างจังหวัด ปกติลูกสาวเป็นคนเรียนดี เรียนห้องกิฟต์ (GIFTED) และเคยฝากฝังลูกกับครูเอาไว้ ถ้าลูกดื้อให้ทำโทษได้ เมื่อได้รับโทรศัพท์จากลูกสาว เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรับไม่ได้ และเมื่อมาเห็นหลักฐานแล้ว มันชัดเจน ตนจึงเดินทางมาจากต่างจังหวัด เพื่อแจ้งความเอาผิดกับครู เพื่อให้เอาเรื่องจนถึงที่สุด
ยายของด.ญ.บี อายุ 61 ปี บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ถึงแม้ดูเหมือนว่าหลานตนจะยอมให้ครูกระทำ แต่ครูมีอายุและประสบการณ์มากกว่า สามารถหลอกเด็กได้ เด็กนักเรียนซึ่งได้เงินไปโรงเรียนไม่มาก แต่ถ้าครูหยิบยื่นให้ ซื้อของให้ “เด็กก็คือเด็ก”
ทั้งนี้ตนรู้สึกเสียใจเพราะหลานเป็นคนเรียนเก่งมาก เคยไปสอบชิงทุนมาแล้วหลายครั้ง ไม่คิดว่าครูซึ่งมีเกียรติมีศักดิ์ศรี จะทำกับลูกศิษย์ตัวเองได้ถึงขนาดนี้ อยากจะวิงวอนให้ผู้ใหญ่ดูแลหลานด้วย
ด้านนางซี (นามสมมติ) อายุ 72 ปี ป้าของครูโอ ที่ถูกแจ้งความกล่าวหา เล่าทั้งน้ำตาว่า พ่อครูโอเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก ๆ แม่หาทำงานรับจ้างเป็นแม่บ้านส่งลูกเรียนจนจบ และสอบเป็นครูได้ ถึงตอนนี้แม่ยังทำงานรับจ้างเป็นแม่บ้านอยู่เช่นเดิม
ทั้งนี้ตนรู้สึกสงสารหลานชาย เพราะที่ผ่านมาเป็นคนดีมาโดยตลอด ส่วนหนึ่งไม่อยากจะเชื่อ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงน่าจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ
น.ส.เอ (นามสมมติ) นักเรียนชั้น ม.5 ซึ่งเป็นรุ่นพี่เคยถูกครูโอกระทำชำเรา ออกมาแฉพฤติกรรมของครูคนดังกล่าวว่า ขณะที่ตนเรียนอยู่ชั้น ม.2 ตนเคยถูกครูคนนี้พยายามลวนลาม ส่งแชตมาหาในลักษณะชู้สาวและคุกคามทางเพศ แต่ตนไม่เล่นด้วย จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปบอกผู้ปกครอง และแจ้งครูที่โรงเรียนรับทราบ เพราะรู้สึกกลัว
ที่ผ่านมาทาง ผอ.โรงเรียน ก็เคยเรียกครูไปตักเตือนแล้ว แต่ครูก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว และยังพยายามลวนลามแตะเนื้อต้องตัวนักเรียนหญิงในโรงเรียนอีกหลายคน แต่โชคดีที่ไม่มีใครหลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อของครูคนนี้ ส่วนน้อง ม.1 ที่มีการแชร์คลิปว่อนโซเชียลฯ ขณะมีความสัมพันธ์อาจเพราะความใกล้ชิด เนื่องจากเป็นครูประจำชั้น จึงอาจจะถูกครูหลอกล่อได้ง่าย
ด้านเพื่อนครูในโรงเรียน ระบุว่า ครูคณิตศาสตร์คนนี้ย้ายมาเมื่อประมาณปี 2560 เท่าที่สังเกตจะชอบแตะเนื้อต้องตัวนักเรียนหญิงเกินเลยกว่าครูกับศิษย์ เช่น โอบกอด จับแก้ม ใช้มือล้วงเข้าไปในคอเสื้อนักเรียน ซึ่งก็มีนักเรียนหลายคนที่มาเล่าให้ฟัง ตนในฐานะเพื่อนครูด้วยกันก็เคยเตือนแต่ก็ยังไม่หยุด กระทั่งมีเรื่องอื้อฉาว ในฐานะอาชีพครูด้วยกันก็รู้สึกอาย ส่งผลกระทบกับครูคนอื่นที่มีความตั้งใจทำหน้าที่ครูเป็นอย่างดี ก็ต้องถูกมองในทางเสียหายขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ ทั้งจากตัวนักเรียนและผู้ปกครอง ทั้งที่ครูคนอื่นไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนี้เลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนเห็นคลิปถูกแชร์บนโลกโซเชียลฯ ก็ถึงกับช็อก ในใจคิดว่าอยากให้ลงโทษคนแบบนี้ และไม่อยากให้มีที่ยืนในสังคม เพราะสงสารพ่อแม่ และญาติพี่น้องของเด็กนักเรียน ที่สำคัญเด็กที่ถูกกระทำจะรู้สึกอย่างไร ส่วนตัวก็อยากให้ลงโทษตามกฎหมาย ไม่ควรจะปกป้อง เพราะคนแบบนี้ไม่ควรอยู่ในวงการการศึกษา อาจจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับเพื่อนครู และผิดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพครู