จากกรณีวันที่ 10 มี.ค. 64 เพจเฟซบุ๊กแชร์เรื่องราว เด็กชายอายุ 12 ปี เรียนชั้น ป.5 ถูกลวงขึ้นรถจักรยานยนต์ ช่วงเวลาประมาณบ่าย 15.00 น. ของวันที่ 9 มี.ค. 64 โดยน้องก้องเพิ่งเลิกเรียน แล้วเดินจะกลับวัด เพราะน้องอาศัยอยู่ที่วัด เป็นลูกศิษย์พระ กลับบ้านเฉพาะเสาร์-อาทิตย์
จากนั้นมีมอเตอร์ไซค์ขี่มาหาน้อง แล้วบอกว่าให้พาไปปะยางหน่อย จะให้เงิน 30 บาท น้องเลยพาไป แล้วคนร้ายพาน้องขี่รถไปเรื่อย ๆ จนถึงเขต อ.เทพสถิต น้องก็ถามว่าจะพาไปใหน คนร้ายบอกว่าไม่ต้องถาม ถ้าหนีหรือถามมากจะฆ่าทิ้ง แล้วพาน้องเข้าป่า แล้วก็ตีน้อง เอาก้อนหินทุบ เหล็กตี แล้วก็หนีไป ก่อนเด็กจะหนีไปขอความช่วยเหลือชาวบ้านในสภาพเป็นแผลเต็มตัว
ล่าสุด วันที่ 11 มี.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ พบเด็กชายก้องภพ อายุ 12 ปี เป็นลูกศิษย์วัด นั่งอยู่กับแม่ไม่ห่าง โดยเจ้าตัวอยู่ในสภาพที่บอบช้ำทั่วร่างกาย มีแผลถลอกตามตัว คอมีรอยเล็บจากการถูกทำร้ายและบีบคอ ส่วนที่คางและศีรษะ มีแผลแตก เย็บรวม 2 เข็ม
น.ส.พรทิพย์ อายุ 31 ปี แม่ของเด็ก เล่าว่า ลูกตนเดินกำลังจะกลับวัด รอรถที่วัดมารับระหว่างเดิน มีชายผมสั้นเกรียน ใส่เสื้อยืดสีดำคลุมด้วยเสื้อสีขี้มาแขนยาว ใส่กางเกงวอร์ม ขี่รถจักรยานยนต์มาออกบุบายให้ซ้อนรถพาไปร้านปะยางรถจักรยานยนต์ แต่กลับขี่พาข้ามเขาเข้าเขต อ.เทพสถิต ไปพอถึงร้านซ่อมรถ ปรากฎว่าชายแปลกหน้าไม่ได้นำรถเข้าไปปะยาง ลูกชายจึงคิดที่จะกระโดดลงจากท้ายรถ ชายแปลกหน้ากลับข่มขู่ว่าหากยังไม่นิ่งและไม่เงียบจะฆ่าให้ตาย จากนั้นได้ขับพาเข้าไปในป่าลึก แล้วกระชากลูกชายตนลงจากรถ
แล้วทำร้ายร่างกายกลางป่า ฉีกเสื้อผ้าออกหมด หวังทำไม่ดี แต่ตนพยายามต่อสู้ขัดขืนเลยถูกคนก่อเหตุใช้หินทุบ และใช้เหล็กฟาดเข้าที่หัว แต่ลูกเอามือป้องไว้ ทำให้มือบวม และถูกทุบตีที่ศีรษะเป็นแผลแตก มีแผลถลอก แล้วคนร้ายหนีไป ลูกชายมีสติก็วิ่งหนีสุดชีวิตไปหลบบ้านชาวบ้าน เป็นป่าอ้อยป่ามัน ไม่มีไฟ เวลาประมาณ 23.00 น. ได้ผ้าขนหนูของบ้านชาวบ้านปิดคลุมไว้ และหลบจนเช้า เพื่อให้เจ้าของบ้านมาเจอและพาไปหาหมอ ตอนนั้นหมาที่บ้านที่ไปหลบเห่าเสียงดัง จึงหลบหมาและหลบคนก่อเหตุ ดีที่รอดมาได้
นอกจากนี้ ตนมาทราบว่าคนร้ายอายุเพียง 15-16 ปี ตนคิดว่าอายุแค่นี้ทำได้ขนาดนี้ ไม่น่าใช่คนปกติ อยากให้ถูกนำตัวไปรักษา และอยากให้ตำรวจดำเนินคดี และส่งไปคุมประพฤติจะได้จิตใจดีขึ้นกลับมาเป็นคนดี จะได้ไม่ทำแบบนี้กับใครอีก และหากกล้ารับโทษที่ทำ ตนก็พร้อมให้อภัย
ตนยอมรับว่าตนแทบใจสลายที่ลูกเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตอนนี้ก็โล่งอกที่ได้ลูก ไม่มีเหตุร้ายอะไรมากไปกว่านี้ จากการถามลูกยืนยันว่าไม่รู้จักกัน สภาพจิตใจลูกตอนนี้ย่ำแย่มาก ตนต้องผูกแขนทำพิธีรับขวัญ และจากนี้อาจจะรับลูกชายมาดูแลเองให้สภาพจิตใจดีก่อน เดิมที่ไปอยู่กับพระเพราะฐานะทางบ้านไม่ดี และอนาคตลูกจะไปอยู่วัด ตนก็ไม่ว่าอะไร
ทีมข่าวไปยังบ้านของ น.ส.สุพรรณ กับนายสุริยา คำศรี อายุ 45 ปี สามีภรรยาได้พาทีมข่าวเดินดูจุดที่เด็กชายก้องมาหลบซ่อนตัว ซึ่งจะผ่านกรงสุนัข พันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ที่เลี้ยงไว้ 3 ตัว แต่อยู่ในกรง และสุนัขเห่ากันโชกเสียงดังตลอดเวลาหากเจอคนแปลกหน้า ส่วนจุดที่เกิดเหตุ จะไม่มีแสงไฟ แต่หากเป็นกลางคืน จะมองเห็นแสงไปนำทางมายังบ้านของพลเมืองดีได้
นายสุริยา พลเมืองดี บอกว่า คืนวันที่ 9 มี.ค. เวลา 23.00 น. ตนเองได้ยินเสียงสุนัขที่เลี้ยงไว้เห่าเสียงดัง แต่มาส่องไฟดูก็ไม่เจอ เด็ก กระทั่ง 06.00 น. ของเมื่อวานนี้ตนเองตื่นมาเจอเด็กนั่งพิงอยู่ซอกเครื่องซักผ้าในห้องครัว ด้วยท่าทีตื่นกลัว สายตาหวาดระแวง ที่ใบหน้ามีบาดแผล และมีเลือดแห้งเกาะอยู่ สภาพไม่สวมใส่เสื้อผ้า มีผ้าขนหนูคลุมหน้าขาเอาไว้ มีรองเท้าและถุงเท้านักเรียนคาอยู่ เนื้อตัวมอมแมม ก่อนจะพยายามถามหาเบอร์ติดต่อของพ่อแม่ แต่เจ้าตัวจำไม่ได้
ตอนนั้นเด็กเล่าให้ตนฟังว่า คนก่อเหตุชื่อว่านายแจ็ค ลวงให้ขึ้นรถจักรยานยนต์ อ้างว่าจะให้เงิน 30 บาทเป็นค่าพาไปปะยาง แต่ถูกทำร้าย ทั้งนี้ตนดีใจที่ได้ช่วยเหลือเด็กชายโต และตกใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถือเป็นภัยต่อสังคม และยังโชคดีที่น้องแค่บาดเจ็บ ไม่ถูกคนร้ายพลั้งมือทำร้ายรุนแรงจนถึงขั้นชีวิต อยากเตือนให้ผู้ปกครองเน้นย้ำลูกหลานอย่าหลงเชื่อไปกับคนแปลกหน้า
นายอุทิศ อายุ 36 ปี พ่อของเด็ก กล่าวด้วยน้ำตาคลอว่า หัวใจพ่อแทบสลาย เมื่อรู้ว่าลูกถูกทำร้ายปางตาย ทีแรกยังไม่เห็นสภาพ แต่พอเห็นแล้วรับไม่ได้ คนทำโหดเหี้ยมเกินไป ลูกเล่าให้ฟังว่าคนทำร้ายลูกทราบว่าอายุประมาณ 15-16 ปี ยังโหดเหี้ยมขนาดนี้ ถ้าอายุมากกว่านี้ลูกตนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ลูกชายบอกว่าคนก่อเหตุลวงไป พอถึงที่เกิดเหตุจอดรถให้สูบบุหรี่ ลูกตนไม่สูบ ก็จับอวัยวะเพศ แต่ลูกตนไม่ยอม จึงเกิดการต่อสู้กัน ลูกตนถูกเหล็กท้ายรถจักรยานยนต์สำหรับจับมาฟาดใส่ และถูกหินตีหัว ลูกรวมสติและวิ่งหนีไป เสื้อผ้าลูกก็ถูกฉีดขาดหมด หนีไปแต่ตัวกับรองเท้า อาศัยตอนที่คนร้ายเผลอลัดป่าหนีตายตามแสงไปไฟไป แต่เจอหมาเห่า ลูกเลยหลบซ่อนตัวและเงียบไว้ไม่กล้าตะโกน กลัวคนร้ายรู้ ตนต้องขอบคุณ ครอบครัวพลเมืองดีที่ช่วยเหลือ ขอบคุณจริง ๆ ที่เมตตาลูกชายของตน
ส่วนสภาพจิตใจลูกชายตอนนี้ย่ำแย่ ไม่อยากพูดคุยกับใคร ตนเองคิดว่าสังคมทุกวันนี้เปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนต้องห่วงและระวังแต่เด็กผู้หญิง แต่ตอนนี้เด็กผู้ชายก็ไม่ปลอดภัย ต้องระวังไม่ต่างกัน
ด้าน น.ส.สร้อย (นามสมมติ) ชาวบ้าน บอกว่า นายแจ็คคนก่อเหตุ ตาจะเหล่นิด ๆ ไม่ได้เรียนหนังสื่อ คล้ายป่วยทางจิต มีพฤติกรรมเป็นอันตรายต่อสังคม เคยก่อเหตุแบบนี้มาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ไม่มีใครเป็นอะไร จึงไม่มีใครแจ้งความ ชาวบ้านบางคนเห็นคนก่อเหตุเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กเป็นรูปเด็กหนุ่ม คล้ายชอบเด็กผู้ชาย เปลี่ยนเป็น 40 กว่ารูป ซึ่งคนปกติคงไม่ทำกัน
ทั้งนี้ ชาวบ้านเคยมาเล่าให้ตนฟังว่านายแจ็คชอบความรุนแรง ชอบเห็นคนถูกทำร้าย หลังเกิดเหตุยังมาคอมเมนต์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูผิดปกติแน่นอน สุดท้ายตนเข้าใจดีว่ากฎหมายเอาผิดคนจิตไม่ปกติไม่ได้ มีข้อละเว้น โทษอาจจะเบา แต่ตนอยากเน้นย้ำตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้ามาดูแลพาไปรักษาอาการทางจิต ให้เปลี่ยนพฤติกรรมนำไปรักษา เพราะห่วงและกลัวว่าถ้าอายุมากไปจะทำใครรุนแรงมากกว่านี้ เพราะอายุแค่ 15-16 ปียังทำได้ขนาดนี้ ไม่อยากให้ตำรวจเพิกเฉยคดีนี้ และกังวลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวเด็กที่เสียหายและทุกคนในพื้นที่
นอกจากนี้ ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บริเวณริมถนนหน้าโรงเรียนซับใหญ่ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ ถนนที่กำลังก่อสร้างมีตลาดนัด แต่จุดนี้ไม่มีบ้านคน จากนั้น ทีมข่าวลัดเลาะไปตามเส้นทางคาดว่าคนร้ายพาเด็กซ้อนท้ายไป พบจุดที่พบเสื้อนักเรียน และเสื้อคลุมของเด็กชายที่ถูกคนร้ายกระชาก
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ล่าสุด ตำรวจ สภ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ รู้ตัวคนก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างรวมรวมหลักฐานนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งเป็นเยาวชน จึงต้องตัวส่งสถานพินิจตามกระบวนการ ส่วนตัวคนก่อเหตุ เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วแต่ไม่มีใครบาดเจ็บเหมือนเช่นรายนี้