จากเรื่องราวหญิงสาวทำงานเบื้องหลัง เผยความลับสนั่นวงการบันเทิง เข้าแจ้งความถูกดาราชายซุกลูกซุกเมียทำร้ายร่างกาย บีบคอจนเกือบจะตายคาเตียง มีความสัมพันธ์กันเป็นเวลากว่า 2 ปี อ้างไม่มีลูกมีเมียทำทุกอย่างให้เชื่อใจ แต่สุดท้ายถูกหลอก
ล่าสุด วันที่ 12 มี.ค. 64 น.ส.ณัฐฐา (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เปิดเผยว่า ตนรู้จักดาราชายมานาน เพราะตนเองทำงานเบื้องหลัง กระทั่งปี 2561 ดาราชายแอดเฟซบุ๊กมาคุยหยอกล้อทำนองจีบ กระทั่งวันที่ญาติเสีย ตนเองเสียใจก็มีฝ่ายชายมาให้กำลังใจ ใส่ใจมากเป็นพิเศษ จนทำให้ได้คุยกันมากขึ้น กระทั่งปี 2562 มีการได้กินข้าว ตนเองเมาเพราะดื่มเยอะ ฝ่ายชายขับรถมาส่งที่ห้องระหว่างทางเจอตำรวจ ซึ่งฝ่ายชายก็บอกตำรวจว่า "ไปส่งแฟนผมครับ" ตนเองก็ตกใจ เพราะยังไม่เคยตกลงกันเลย ระหว่างที่ถึงห้องแล้วกำลังจะลงรถ จากนั้นความรู้สึกก็คือถูกปล้ำบนรถ และฝ่ายชายก็มีเซ็กซ์ไม่ป้องกัน แล้วบอกว่า "เป็นแฟนกันนะ จะรับผิดชอบ จะดูแล"
ซึ่งหลังจากนั้นฝ่ายชายก็ทำให้ไว้ใจ และไม่ได้หายไปไหน ตนเองก็รู้สึกว่าโอเค กระทั่งวันหนึ่งมีคนมาตักเตือนให้ระวัง ตนเองเคยแอบเข้าไปดูอินสตาแกรมแล้วเจอรูปผู้หญิงมีการโพสต์หลายปีแล้ว ตอนนั้นไม่ได้แปลกใจ แต่ต่อมาเจอรูปเด็ก โทรไปสอบถามฝ่ายชาย จึงได้คำตอบว่ามีลูกแล้ว และติดต่อกับแฟนเก่าในฐานะแม่ของลูก ทำธุรกิจร่วมกันเท่านั้น
ขณะเดียวกันเป็นจังหวะที่ฝ่ายชายมีการไปเที่ยวต่างประเทศกับแม่ของลูกและลูก อ้างว่าเป็นการท่องเที่ยวประจำปีในฐานนะพ่อแม่ แล้วก็มีเพื่อนลูกไปด้วย กระทั่งตนเองเริ่มไม่ไหว ดาราชายคนนี้มีการแสดงออกและหนักไปทางเรื่องเพศเยอะเกินไป เจอกันก็มีเซ็กซ์ทุกครั้ง ต่อมาเดือนพฤศจิกายน 2563 มีการงอนกันเนื่องจากฝ่ายชายโกหก แอบไปทำบุญกับลูกและแม่ของลูก อีกวันฝ่ายชายชวนตนเองกินข้าว แต่สุดท้ายก็พาไปโรงแรมเช่นเดิม มีกิจกรรมกันจนเสร็จ ตนลักษณะที่เป็นคนชอบถ่ายรูปแฟนทีเผลอ ทั้งตอนนอนหลับ นอนกรน ระหว่างถ่ายภาพตนก็หัวเราะ จนฝ่ายชายตื่นมาพูดว่า "เอ้ย มึงถ่ายอะไรวะ" ตอนนั้นตนเองตกใจมาก ฝ่ายชายไม่พอใจ มีการกระชากมือถือเพื่อกดรหัสเข้าไปลบรูป พร้อมกล่าวหาว่าตนเองถ่ายเพื่อนำไปโพสต์ ลักษณะระแวง กลัวมีผลกระทบเรื่องงาน
จากนั้นฝ่ายชายกระทำรุนแรงจนเจ็บตัว ตนเองกลัวจึงร้องให้คนช่วย ฝ่ายชายไม่พอใจ ตะคอกใส่ว่า "มึงจะเอาอย่างงี้ใช่ไหม" ขึ้นคร่อมจนตนเองขยับตัวไม่ได้ และถูกบีบคอ ปิดปาก ปิดจมูก หายใจไม่ออก ตะโกนครั้งสุดท้ายว่า "หายใจไม่ออก" ตอนนั้นคิดถึงแม่ และในใจว่าตนทำอะไรผิด แค่ถ่ายรูปแฟนเก็บไว้ ซึ่งสุดท้ายฝ่ายชายยอมปล่อย จึงคิดได้ว่าที่ผ่านมาตนคงถูกหลอกให้รัก
จากนั้นจนมีคนมาเคาะประตูคาดว่าเป็น รปภ. ตนเองจึงร้องให้คนช่วย มีการเชิญตนเองและฝ่ายชายไปข้างล่าง ไม่มีแม้คำขอโทษจากฝ่ายชาย แต่กลับขับรถออกไปจากตรงนั้น นาทีนั้นตนเองจึงตัดสินใจจบ และเข้าแจ้งความทันที ทั้งนี้ การออกมาพูด ตนเองอยากบอกฝ่ายชายว่า "ผู้หญิงไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ทางเพศ อย่าเอาชื่อเสียงมาทำร้ายผู้หญิง อาชีพนี้มีดาราหลายคนวางตัวดี ให้เกียรติผู้หญิง แม้วันนี้ตนเองจะต้องอับอาย แต่ถ้าเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นก็โอเค และไม่อยากให้ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อความรัก ผู้ชายควรให้เกียรติ อย่าเอาความรักมาอ้างหลอกคนไปทั่ว"
อย่างไรก็ตาม สำหรับโซเซียลขออย่าด่าทอ ตนเองไม่ได้เป็นชู้ใคร ที่ผ่านมาพยายามสืบเสาะแล้ว แต่การที่คนหนึ่งนักใครแล้ว การจะออกจากจุดนั้นเป็นเรื่องยากมาก ตนเองทำงานกับดารา ไม่ได้บ้าดารา แต่เป็นสังคมที่มีโอกาสคบหากับดาราได้อยู่แล้ว ดังนั้นโซเชียลจะโพสต์อะไรให้คิดวิเคราะห์ อย่าโพสต์กระทบคนอื่น หากพบว่าการกระทบตนเองเสียหายมากไป ก็พร้อมดำเนินคดี
ด้าน ทนายเจมส์ - นายนิติธร แก้วโต กล่าวว่า หญิงสาวรายนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้วถึงการทำร้ายร่างกาย เพราะเจ้าตัวโดนทำร้ายร่างกาย ขณะคบหากับดาราหนุ่ม คดีแบบนี้ต่อให้มีทะเบียนสมรสหรือต่อให้แต่งงานกันไปแล้วเป็นสามีภรรยากันก็จริง แต่ไม่สามารถทำร้ายร่างกายกันได้ การทำร้ายร่างกายคนอื่นย่อมเป็นความผิด แต่จะเป็นความผิดโทษฐานร้ายแรงขนาดไหน ต้องไปดูผลของการกระทำนั้นว่าหนักเบาเพียงใด
โดยจุดประสงค์ของการแจ้งความฝ่ายหญิงคือ อยากมอบบทเรียนให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่มาทำร้ายเขา ซึ่งไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายผู้อื่น เคสนี้มีการไกล่เกลี่ยกันมาแล้ว 1 รอบ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากเรื่องค่าเสียหายยังไม่ลงตัว ครั้งต่อไปต้องสืบพยานแวดล้อมเพิ่มเติม เช่น ผู้คนที่ใกล้ห้อง หรือเจ้าหน้าที่หอพัก พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เข้ามาในตอนที่มีเรื่อง เป็นต้น ยืนยันว่าเคสแบบนี้ สามารถเรียกค่าเสียหายได้จากใบเสร็จทุกใบที่เป็นค่ารักษาพยาบาล ขอฝากเป็นอุทาหรณ์ด้วยว่าการกระทำอะไรก็ตามอย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล