กรณีที่นายกุศลศรีอริยะ ศรีอารวงศา (กุศล หมีเทศ) อดีต ส.ส.จังหวัดสุโขทัย ประกาศตนว่าเป็นพระกุศลศีลอริยะเมตไตรย์ จะมาช่วยให้ทุกคนบนโลกรอด จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมโซเชียลเป็นจำนวนมากนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดใจ “กุศลศรีอริยะ” ท้าพระดังลบหลู่มาพิสูจน์ แจงคลิปปาร์ตี้กินเหล้าเสพสุขไม่ผิด
- ล้วงลัทธิ "พระศรีอาริย์" อ้างเห็นกรรมเบื้องสูงเปิดปาฏิหาริย์ถอนพิษงู ญาติศิษย์ฉะทำหมดตัว
- หนุ่มอ้างพระศรีอาริย์เจอสื่อท้าโชว์ปาฏิหาริย์ ศิษย์แจงคลิปปาร์ตี้แค่รีแล็กซ์
- อดีตส.ส.ดัง อ้างเป็นพระศรีอาริย์ ฉะพระดังปรามาสบาปถึงตาย อึ้งคลิปวงบุญโผล่สุดม่วน
ล่าสุด นายพศรีอาริยเมตตรัย สัจจพุทธบารมีชื่อเดิม คือ นายดาวรุ่ง จันทนะโสตถิ์ อายุ 53 ปี ที่เคยประกาศตัวว่าเป็น พระศีลอริยเมตไตรยเมื่อหลายปีก่อน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวต่อว่านายกุศลศรีอริยะ ศรีอารวงศา ว่าเป็นการกล่าวอ้างและเรี่ยไรทำบุญกับประชาชนเป็นสิ่งที่ผิด
วันที่ 13 มี.ค. 64 นายพศรีอาริยเมตตรัย เล่าว่า สมัยที่ตนอายุ 10 ปี ตนเคยเข็นรถขนผักกับครอบครัวมาก่อนบริเวณย่านรังสิต ขณะที่ตนเดินอยู่กลางถนน ตนเคยบ่นว่าไม่มีเงินใช้ ทำให้ครอบครัวลำบาก อยู่ดี ๆ ก็มีเงินปลิวมาให้ใช้ ซึ่งเป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ในวัยเด็กยังเคยมีพระรูปหนึ่งเดินมาทักแม่ของตนว่าตนมีอดีตชาติคนใหญ่โต ตนมาช่วยขายของไม่ได้ ขอให้แม่นำเงินให้ตนใช้แล้วแม่จะขายของดี
จากนั้น ตนเริ่มที่จะสนใจศึกษาธรรมะด้วยตัวเอง อายุได้ 15 ปี ตนก็ได้ตัดสินใจปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เปลี่ยนนามสกุลจาก จันทนะโสตถิ์ มาเป็น สัจจพุทธบารมี จากนั้นเมื่อตนอายุได้ประมาณ 43 ปี (พ.ศ.2554) ขณะที่ตนกำลังนั่งสมาธิอยู่บนแท่น 8 เหลี่ยม ภายในสำนักสอนธรรมของตัวเอง ก็ได้ยินเสียงเทวดาองค์หนึ่งบอกว่า "ให้เปลี่ยนชื่อ" ในตอนแรก ตนตอบกลับไปว่าเปลี่ยนไม่ได้ เนื่องจากตนกลัวกระแสดราม่า เพราะในโลกยุคปัจจุบันต่อให้ตนเป็นพระศีลอริยเมตไตรยจริง คนก็จะต่อต้าน เพราะคนยุคปัจจุบันมักไม่ค่อยคิดไตร่ตรอง เพียงแต่จะต่อว่าโจมตีกันไปมาเพียงอย่างเดียว แต่ตนต่อต้านคำบอกของเทวดาได้ไม่นาน เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะอยู่ตลอดเวลา กระทั่งตนยอมเปลี่ยนชื่อเป็น "พศรีอาริยเมตตรัย" ซึ่งตนได้แก้ตัวสะกดเล็กน้อย เพื่อป้องกันดราม่าต่าง ๆ
หากจะตัดสินว่าใครคือพระศีลอริยเมตไตรยตัวจริง ตนก็อยากให้ประชาชนตัดสินจากหลักคำสอน ทุกคนไม่จำเป็นต้องเชื่อตน เพียงแต่ตนอยากให้ลองฟังก่อน แล้วค่อยตัดสิน คำสอนของตนให้คนปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ สอนให้คนรู้จักเหตุและผลของกรรม ตนไม่เคยสอนให้ใครสวดมนต์เพียงอย่างเดียว
ตนไม่เคยขอเงินลูกศิษย์ ตนไม่เคยสอนให้ใครทำบุญหรือจุดธูปเทียบบูชา ตนเพียงสอนให้คนนั่งสมาธิแล้วตระหนักถึงเหตุผล ส่วนสำนักสอนธรรมของตนที่มีพระนำรูปปั้นที่เคารพของทุกศาสนามาตั้งไว้ เนื่องจากตนอยากจะสื่อว่าชาวโลกไม่มีการแบ่งแยก ทุกคนเป็นคนดีได้ ทุกคนหลุดพ้นได้หากเข้าใจเหตุแห่งทุกข์ "พระพุทธเจ้าพระองค์ใดลงมาโปรดมนุษย์ ก็ไม่เคยปรากฎว่านำเงินนำทองมาแจก ไม่เคยขอเรี่ยไรเงินจากผู้คน"
สำประเด็นของนายกุศลศรีอริยะ ออกมาประกาศตัวว่าเป็นพระศีลอริยะเมตไตรย์ ตนคิดว่าเป็นความมโนของเจ้าตัว อีกฝ่ายสอนให้คนสวดมนต์ ตนขอถามว่าชาวพุทธทุกคนสวดมนต์ชีวิตก็ไม่เห็นดีขึ้น จะสอนให้กราบกี่ครั้งก็ไม่มีผล คนเราสวดมนต์กราบเช้ากราบเย็น ชีวิตก็ไม่เห็นดีขึ้น การที่อีกฝ่ายอ้างว่ารักษาพิษงู อ้างว่ารักษาโควิด-19ได้ ตนคิดว่าเป็นสิ่งเพ้อเจ้อ โรคระบาดเป็นกรรมของมนุษย์ เพราะศาสนานั้นเสื่อมลง สุดท้ายที่นายกุศลศรีอริยะไลฟ์หรือโพสต์คลิปปาร์ตี้ขุดขาว ตนถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เนื่องจากปาร์ตี้เป็นโลกีย์ ไม่เป็นไปตามหลักคำสอนที่ทำให้คนพ้นทุกข์ ถือว่าหลอกลวง ขอฝากทุกคนว่า อย่าเชื่อใครที่กล่าวอ้าง โดยเฉพาะคนที่ขอให้เสียเงิน แต่จงเชื่อคนจากหลักคำสอน
นายกุศลศรีอริยะ ศรีอารวงศา อดีต ส.ส.สุโขทัย ยืนยันว่าตัวเองคือพระศีลอริยะเมตไตรย์ตัวจริง หากใครที่อ้างตัวหรือลบหลู่ตน ระวังจะมีอันเป็นไป ขณะนี้ตนเป็นกระแสที่สังคมพูดถึง ตนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดิน ตนจะต้องขอบคุณสื่อต่าง ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งในการประกาศการมาถึงของตน สำหรับข้อมูลหักล้างต่าง ๆ ที่คนหามาเพื่อจะยืนยันว่าตนไม่ใช่พระศีลอริยะเมตไตรย์ ขอชี้แจงว่า
1. กึ่งพุทธกาลที่คนบอกว่า 5,000 ปี พระศีลอริยเมตไตรยถึงจะอุบัติขึ้นนั้นไม่จำเป็น ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ไม่แน่นอน
2. ขณะนี้คือกลียุคแล้ว มีทั้งโรคระบาด โควิด-19 มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
3. ทำไมตนมาแล้วปัญหาบนโลกยังคงมีอยู่ เนื่องจากตนเพิ่งประกาศตัว ยังไม่ได้ทำหน้าที่ใด ๆ แต่คนกลับต่อต้านก่อน เป็นกรรมของมนุษย์โลก
ส่วนประเด็นเรี่ยไรเงิน ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากมีกรรมการดูแลเงินให้ ซึ่งเงินทำบุญดังกล่าว ตนจะนำไปสร้างสวนปฏิบัติธรรม ตนไม่ได้ยึดติดวัตถุสิ่งของ แต่คนที่จะมาปฏิบัติธรรมก็ต้องมีห้องน้ำที่นั่งต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์
จากนั้นนายกุศลศรีอริยะ ศรีอารวงศา ทดลองให้ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ทดลองนั่งสมาธิประมาณ 3 นาที เพื่อที่นายกุศลศรีอริยะจะได้แบ่งบุญเพิ่มบุญให้โดยนายกุศลศรีอริยะบอกให้ผู้สื่อข่าวนั่งสมาธิ แบมือทั้งสองข้างไว้บนหัวเข่า จากนั้นตั้งนะโมแล้วท่องบทสวด พร้อมบอกว่า "ขอเบิกบุญจากสวรรค์ เบิกบุญจากจักรวาล เบิกบุญจากพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ลงมาให้แก่เหล่าอาญาสิทธิ์ธรรม จงเกิดขึ้นฉับพลัน ฉับพลัน ฉับพลัน"
จากนั้นนายกุศลศรีอริยะบอกให้ผู้สื่อข่าวหลับตาประมาณ 3 นาที พร้อมบอกว่าบุญกำลังส่งเข้าสู่ร่างกาย สักพักจะเริ่มรู้สึกเหมือนมีมวลกระแสไฟฟ้าอยู่บนฝ่ามือ โดยจะรู้สึก "จี๊ด ๆ แปล๊บ ๆ" โดยเมื่อผ่านไปประมาณ 1 นาที ผู้สื่อข่าวเริ่มรู้สึกมีอาการ "จี๊ด ๆ แปล๊บ ๆ" แต่รู้สึกที่บริเวณขา ไม่ได้รู้สึกที่บริเวณฝ่ามือเนื่องจากผู้สื่อข่าวไม่ค่อยได้นั่งขัดสมาธิ ทำให้รู้สึกขาชา
จากนั้นเมื่อผ่านไปอีก 2 นาที ผู้สื่อข่าวรู้สึกมีอาการ "จี๊ด ๆ แปล๊บ ๆ" ทั่วร่างกาย ไม่ใช่เพียงแค่บริเวณฝ่ามือ เนื่องจากผู้สื่อข่าวทำงานนั่งรอเดินทางเขียนข่าวเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยได้นั่งสมาธิ ทำให้ตัวชา โดยเมื่อการทดลองเสร็จสิ้น นายกุศลศรีอริยะพูดว่า "โสสิ โสสิ โสสิ โสสิ" พร้อมบอกว่าพลังงานบุญได้เข้าสู่ตัวผู้สื่อข่าวแล้ว
ทีมข่าวได้วิดีโอคอลให้นายกุศลศรีอริยะ กับนายพศรีอาริยเมตตรัย พูดคุยกันต่างฝ่ายต่างอ้างตัวว่าเป็น "พระศีลอริยเมตไตรย" เมื่อเริ่มต้นการสนทนา ต่างฝ่ายต่างบอกว่าตัวเองเป็นตัวจริง นายกุศลศรีอริยะได้ถามนายพศรีอาริยเมตตรัยว่า "มีอะไรมาโชว์ มีอะไรมาช่วยชาวโลก" นายพศรีอาริยเมตตรัยบอกว่า "มาสอนหลักความจริง" ทั้งคู่ต่างโต้เถียงกันไปมาเรื่องคัมภีร์ของนายกุศลศรีอริยะ ถามกันทำไมต้องโชว์ทำไมต้องอวด จึงทำให้จับใจความการสนทนาไม่ค่อยได้
นายพศรีอาริยเมตตรัย บอกว่า อีกฝ่ายงมงาย สอนให้คนงมงาย คัมภีร์เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายมโนขึ้นมาเอง พิสูจน์ไม่ได้ ตนขอท้าให้ตัวเองไปปัสสาวะรดคัมภีร์ ถ้าตนปัสสาวะไม่ออก ตนจึงจะเชื่อว่าอีกฝ่ายคือตัวจริง ตนไม่เคยอวดอ้างปาฏิหารย์ แต่อีกฝ่ายอวดอ้างรักษาโรคได้และยกหางตัวเอง
ซึ่งนายกุศลศรีอริยะ บอกว่า ตนยังลงมายังโลกเพื่อเพิ่มบุญล้างกรรมชาวโลก หากอยากให้ตนพิสูจน์ว่าตนรักษาโลกได้ ต้องไปทดสอบที่สวนปฏิบัติธรรมของตน จากนั้นนายพศรีอาริยเมตตรัย จึงแย้งว่าทำไมนายกุศลศรีอริยะถึงไม่ไปรักษาคนเจ็บตามโรงพยาบาล ทำไมนายกุศลศรีอริยะไม่ส่งบุญไปให้คนเจ็บที่กำลังนอนเจ็บอยู่ นายกุศลศรีอริยะโต้กลับว่าตนต้องเชื่อก่อนแล้วเดินทางมาหาตน จึงจะรักษาให้ ตนไม่รักษาคนไม่เชื่อ ตนประกาศตนผ่านสื่อให้ชาวไทยรู้ทั้งประเทศแล้ว ใครเชื่อก็ขอให้มาหาตน สุดท้ายทั้งคู่จึงสรุปกันเองว่าจะจับมือช่วยเหลือชาวโลก ไม่ว่าใครจะสอนอะไรใคร หากเป็นคำสอนที่ดี ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแก่ชาวโลก
นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่จะมีบุคคลหรือลัทธิปรากฆตัวออกมาแล้วอ้างตัวเป็นพระศีลอริยเมตไตรย ซึ่งมักจะปรากฏตัวออกมาทุก 3-5 ปี ตนคิดว่าบุคคลที่ออกมาอ้างตัวนั้นคงเป็นเพราะไม่มีความสุขกับชีวิต ยุคปัจจุบันที่มีความวุ่นวายในสังคม คนยิ่งโหยหายทางออก บางคนจึงอยากจะให้ปรากฎตัวโดยเร็ว ซึ่งที่มากไปกว่านั้นคือบางคนอยากเป็นพระศีลอริยเมตไตรยเสียเอง ด้วยความอยากมีอยากได้ อยากเป็นอยากดัง บุคคลที่อ้างตัวแล้วน่าสนใจมีอยู่ 2 คน คือนายพศรีอาริยเมตตรัย และนายกุศลศรีอริยะ
โดยหลักการมาของ พระศีลอริยเมตไตรย ได้แก่
1. กึ่งพุทธกาล หมายถึงช่วงเวลา 5,000 ปี แต่ปัจจุบันเพิ่งจะ 2,564 ปีผ่านมา
2. บ้านเมืองอยู่ในช่วงกลียุค มีความวุ่นวาย คนฆ่าฟันกันเอง
3. ศาสนาพุทธเดิมของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันต้องเลือนหายและเสื่อมไปจากสังคม
4. ประชาชนต้องการที่พึ่งทางกายและใจ
โดยเมื่อพระศีลอริยเมตไตรยปรากฎตัว บ้านเมืองจะเข้าสู่ความสงบสุข การเดินทางสะดวก น้ำไหลไฟส่องสว่าง สังคมจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่สามารถลบเลือนชั้นวรรณะของสังคม ทุกคนที่บวชจะมีวรรณะเสมอกัน ดังนั้น ตนจึงฟันธงว่าทั้งนายพศรีอาริยเมตตรัย และนายกุศลศรีอริยะ ไม่ใช่พระศีลอริยเมตไตรย ตนอยากจะฝากไปถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าควรจะออกมากำกับดูแลได้แล้ว
ตนขออธิบายลักษณ์ของทั้ง 2 คนว่า นายพศรีอาริยเมตตรัย เป็นคนเคยบวชเรียน ไม่สร้างปัญหาให้ใครในวงกว้าง สอนคนให้อยู่ภายใต้บริบทของพุทธศาสนา ไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาว ไม่เคยมีการมอมเมาจัดปาร์ตี้น้ำเมา ไม่เรี่ยไรเงิน และมีความรู้ด้านกฎหมายโดยการเปลี่ยนชื่อของตัวเอง
ส่วนนายกุศลศรีอริยะ เขียนตำราคำสอนใหม่ ประกาศตัวอย่างสุดโต่งว่าตัวเองคือศาสดาองค์ใหม่ มีคำภีร์ของตัวเอง โดยที่ไม่มีองค์ประกอบใดเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาแม่แต่นิดเดียว มีการอ้างตัวว่ารักษาพิษงูและโควิด-19 มีการนำกิเลสมาล้อผู้คน หากพระศีลอริยเมตไตรยอุบัติขึ้นมาจริง โรคระบาดจะหายไปเอง