กรณีเหตุเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 64 เวลา 14.00 น. ตำรวจ สภ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุยิงกันในร้านกาแฟ ภายในปั๊มน้ำมัน ใกล้แยกไชยาริมถนนสาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลไชยา ทราบชื่อคนเจ็บ คือ น.ส.สุมิตา ชัยบุญเมือง หรือ โอ๋ อายุ 35 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ถูกยิง 2 นัดที่อก เสียชีวิตในเวลาต่อมา
คนก่อเหตุคือ ส.ต.อ.อภิชาติ ทองไซร้ หรือนิว อายุ 33 ปี ชาว จ.ตรัง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่อำเภอสิเกา จ.ตรัง มีบาดแผลถูกยิงที่ใบหน้า เจ้าหน้าที่เร่งนำทั้งคู่ส่ง รพ.ไชยา ในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดคลิปใหม่! ส.ต.อ.ยิงสาวหวิดฉี่รดซ้ำ แม่ผวาโพสต์ปืนขู่เชื่อหึงโหดสะกดรอยฆ่า
- เปิดนาที ส.ต.อ.หึงโหด รัวกระสุนแฟนสาวดับคาร้านกาแฟ ก่อนยิงตัวเจ็บหวังตายตาม
วันที่ 16 มี.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางย้อนกลับไปที่จุดเกิดเหตุ ร้านกาแฟภายในปั๊มน้ำมัน ใกล้แยกไชยาริมถนนสาย วันนี้เปิดบริการตามปกติ ภายในร้านไม่มี นางสาวจุฑามาส หรือ ลูกปัด อายุ 2 1ปี และนายยุทธพงศ์ หรือ เพชร อายุ 29 ปี พนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ พนังกานร้านเดินทางมาทำงาน ทราบข้อมูลว่าเจ้าของร้านได้อนุญาตให้ลาพัก เพื่อให้มีขวัญกำลังใจดีก่อนที่จะกลับมาทำงานอีกครั้ง มีพนักงานคนอื่นมาทำงานแทนชั่วคราว
ภาพจากกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ด้านนอกของร้านกาแฟ สังเกตได้ว่าช่วงเวลาประมาณ 15.19 น. รถกระบะสีขาวยี่ห้อฟอร์ด ของส.ต.อ.อภิชาติ มาถึงข้างร้านกาแฟ จอดใกล้กับรถยนต์สีดำของคนตาย ลงรถและเดินเข้าไปภายในร้าน แต่ยังไม่ก่อเหตุหรือเข้าไปเจอกับคนตาย จนกระทั่งเวลา 15.32 น. กล้องวงจรปิดจับภาพวินาทีที่ ส.ต.อ.อภิชาติ เข้าไปภายในร้านกาแฟ และพาแฟนสาวออกมาจากจุดที่นั่งทำงาน เพื่อมาเคลียร์ใจกัน
เวลา 15.33 น. ส.ต.อ.อภิชาติ กับนางสาวสุมิตา ฉุดกระชากลากถูกันบริเวณท้ายรถ จน ส.ต.อ.อภิชาติ ได้แบกนางสาวสุมิตา เอาไว้บนไหล่ และยกอุ้มเข้าไปภายในร้านกาแฟ ก่อนที่จะเกิดเหตุภายในร้าน เวลา 15.36 น. มีลูกค้าผู้หญิง 2 คนวิ่งแตกตื่นออกมาจากร้านกาแฟ
นายดำ (นามสมมติ) พลเมืองดี คนถ่ายคลิปหลังเกิดเหตุ เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุภายในร้านมีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมาก สังเกตว่านางสาวสุมิตา หรือ โอ๋ ผู้ตาย ได้เดินทางมาทำงานตั้งแต่เช้า นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในร้านกาแฟ และช่วงเวลาดังกล่าวก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไซยา แต่งกายเครื่องแบบตำรวจมาใช้บริการอยู่ภายในร้าน นั่งอยู่ห่างจากผู้ตายไม่ไกล
จากนั้น รถกระบะฟอร์ดสีขาวของ ส.ต.อ.อภิชาติ คนก่อเหตุ ก็เข้ามาจอดข้างรถยนต์ป้ายแดงของคนตาย และเดินเข้าไปภายในร้านกาแฟฝั่งที่คนตายนั่งทำงานอยู่ นั่งเฝ้าและสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 5-10 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไซยา ได้ออกจากร้านกาแฟ ส.ต.อ.อภิชาติ ก็เข้าไปภายในร้าน แล้วพากันออกไปนอกร้านกาแฟ ยืนคุยกันที่ท้ายรถของคนตาย ก่อนที่จะไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานร้านกาแฟ และถูกยิงตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป
ส่วนในวันที่เกิดเหตุ ตนเองตัดสินใจที่จะถ่ายคลิปเอาไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อจะได้รู้พฤติกรรมและการกระทำของ ส.ต.อ.อภิชาติ เนื่องจากฝ่ายหญิงนอนอยู่ในอาการเจ็บปวด แต่ฝ่ายชายก็มีเลือดไหลเต็มใบหน้า
และยังมีพฤติกรรมพยายามจะทับและกอดคนตาย ตนเองจึงได้พยายามห้าม กลัวว่าจะไปทับแผลแล้วทำให้อาการแย่ลง ขณะที่ช่วงหนึ่งในการถ่ายคลิป พบพฤติกรรมของฝ่ายชายกำลังปลดกางเกงลง ลักษณะปวดฉี่ ตนเองจึงห้ามไว้ ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุ ตนเองแยกไม่ได้ระหว่างกลิ่นแอลกอฮอล์ในร่างกายของ ส.ต.อ.อภิชาติ กลับกินคาวเลือด จึงไม่รู้ว่ามีกลิ่นแอลกอฮอล์หรือไม่ แต่สังเกตว่า ส.ต.อ.อภิชาติ ไม่ได้อยู่ในอาการมึนเมามาก ยังพอมีสติและพูดคุยได้
ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของผู้ตาย อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ บรรยากาศยังคงเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทเดินทางมาร่วมงาน เมื่อช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. มีรถสี่ประตูสีบรอนซ์เงิน ทะเบียนตรัง เข้ามาจอด จากนั้นมีผู้ชายใส่เสื้อสีเทาคาดว่าเป็นหลานของคนก่อเหตุ พยุงแม่ของคนก่อเหตุลงจากรถ เดินเข้าไปภายในงานศพ
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนอกเครื่อง 6 คนดูแลในงาน ส่วนญาติของผู้ตายไม่พอใจที่แม่คนก่อเหตุมางานศพ จึงได้รีบพากันออกจากงาน และขึ้นรถออกไปอย่างรวดเร็ว
นางอำภา ชัยบุญเมือง แม่คนตาย เปิดเผยว่า ตนเองได้รับประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่าจะขออนุญาตพาญาติของคนก่อเหตุเข้ามางานศพ ตนเองตัดสินใจด้วยตนเองโดยไม่ปรึกษาญาติ อนุญาตให้เจ้าหน้าที่พามางานได้ แต่ในระหว่างนั้นตนเองยังยุ่งอยู่กับบริเวณหน้าโรงศพของลูก
ตนทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพาแม่ของคนก่อเหตุเข้ามาในงาน แล้วญาติเกิดความไม่พอใจ ไม่ให้แม่ของคนก่อเหตุเข้ามา ตำรวจจึงได้รีบพากลับขึ้นรถออกไปจากงาน ตนเองรีบตามไปดูแต่ก็ไม่ทันเจอ เพราะตำรวจพาออกไปจากงานแล้ว ส่วนตัวอยากคุยกับครอบครัวคนก่อเหตุ แต่ในเมื่อญาติไม่พอใจและไม่อยากให้มา ตนเองก็เคารพสิทธิ์ของญาติ ๆ เช่นกัน
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปก่อนที่นางสาวสุมิตาจะถูกยิงเสียชีวิต วันศุกร์ที่ 12 มี.ค. ลูกสาวได้มารับสารภาพกับตนเองว่า ได้เจอกับ ส.ต.อ.อภิชาติ หรือ นิว ฝ่ายชายได้ออกอุบายว่านำของใช้ส่วนตัวและยาเวชภัณฑ์ที่กำลังจะหมดอายุ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องส่งคืนบริษัทเพื่อเคลมมาส่งคืนให้กับคนตาย ลูกสาวได้เจอกันในอำเภอไซยา แต่ก็ไม่ได้มีการพูดคุยมาก จนกระทั่งนายนิวยกลังยาเวชภัณฑ์ 6 ลังใส่หลังรถให้กับลูกสาว ลูกสาวก็ได้ปิดท้ายรถ และรีบขับหนีเข้าซอย นายนิวตามไม่ทัน ลูกสาวจึงได้หาทางรีบกลับบ้าน และนำยาเวชภัณฑ์ที่เตรียมส่งเคลมบริษัทมายกลงที่บ้าน โดยมีตนเองเป็นคนช่วยยกลง
ส่วนตัวก็เชื่อว่าหลังจากที่ลูกสาวได้ไปเจอกับคนก่อเหตุในวันศุกร์แล้ว นายนิวยังอาศัยอยู่ภายในพื้นที่อำเภอไชยา เพื่อเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของลูกสาว เป็นการหนีเวรราชการตำรวจ จากนั้นจึงสะกดรอยติดตามลูกสาว จนกระทั่งรู้ว่านั่งทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ ตอนนี้ตนยังรู้สึกแย่ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ เฝ้าแต่คิดถึงลูก เป็นห่วงลูกว่านอนอยู่ในโรงเย็น อากาศจะหนาว และลูกก็ต้องเจ็บปวดมาก ตนกึ่งหลับเพิ่งตื่น สุดท้ายก็กลายเป็นนอนไม่หลับทั้งคืน
ทีมข่าวเดินทางไปที่ รพ.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นที่พักรักษาตัวของ ส.ต.อ.อภิชาติ พบว่าเจ้าตัวอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่อยู่ระหว่างการพักฟื้นหลัง ได้รับการผ่าตัดเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีการเย็บแผลบริเวณโพรงจมูก และตัดแต่งศัลยกรรมส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ สังเกตว่ามีญาติเดินทางมาเฝ้าอาการอย่างใกล้ชิด มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าบริเวณหน้าห้องศัลยกรรมชายอย่างใกล้ชิด ไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใกล้
ร.ต.ต.เมธา กาฬสิงห์ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม, ส.ต.อ.ชยธร ณ นคร ผบ.หมู่งานป้องกันและปรามปราม สภ.สิเกา เพื่อนสนิทของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุย้ายมาปฏิบัติงานที่ สภ.สิเกา 1 ปี แล้ว ที่ผ่านมาตนก็สนิทกัน เป็นเพื่อนร่วมงานกันที่ผ่านมาก็เป็นคนร่าเริง ก่อนเกิดผู้ก่อเหตุและแฟนมีปัญหาทะเลาะกันซึ่ แต่มาปฏิบัติหน้าที่ดีไม่บกพร่อง
แต่ช่วงก่อนเกิดเหตุอยู่ในช่วงกำลังเข้าเวรอยู่ ตนก็มีการหยอกล้อกันตามประสาแต่จู่ๆเขาก็หายไปโดยไม่ได้บอกกล่าวอะไร มารู้อีกทีก็เกิดเหตุแล้ว ที่ผ่านมาตนมีความสนิทกับทั้งคู่มาก คบกันมา 7-8 ปีมาแล้ว ทราบว่ากำลังวางแผนแต่งงานกัน ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
