จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊มอยv+" โพสต์เรื่องราวของน้องดา เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ที่ถูกนางซิน มา โซว อายุ 28 ปี แม่ชาวเมียนมาตีทุบตีรุนแรงจนใบหน้า ขอบตา 2 ข้างเขียวปูดช้ำ แผ่นหลังมีรอยเขียวช้ำ เหตุเกิดขึ้นที่ซอยประชาอุทิศ 27 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ่ กรุงเทพฯ
เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ส่งตัวเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ส่วนแม่ชาวเมียนมาได้พาลูกสาววัย 6 เดือนอุ้มหลบหนีไป ซึ่งล่าสุดสามารถจับกุมตัวนางซิน มา โซวอายุ 28 ปี ได้แล้ว
ล่าสุด แม่เด็กมีการให้สอบปากคำตั้งแต่เมื่อวาน และส่งไปที่บ้านราชวิถีเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนอยู่ระหว่างการดูแลของ พม. และแจ้งข้อหา พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว ส่วนแม่เด็กให้การรับสารภาพว่าตีลูกจริงด้วยสายไฟ และมือ พร้อมอ้างว่าพ่อเด็กชอบทำร้ายร่างกายลูก และตัวเองเช่นกันจนทำให้เคยแท้งลูกมาแล้ว
วันที่ 16 มี.ค. 64 นายโซ มิน นาย อายุ 34 ปี พ่อของเด็ก เปิดเผยว่า อาการของลูกดีขึ้นตามลำดับแล้ว ตาบวม แต่สามารถลืมตาได้ ส่วนลูกสาวคนเล็กอายุ 6 เดือน มีอาการป่วยเล็กน้อย แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร ตนเองก็รับประทานอาหารไม่ค่อยได้ นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วง วันนี้แพทย์บอกกับตนเองว่าให้กลับไปก่อน และยังไม่ต้องมาเยี่ยม ทางโรงพยาบาลจะดูแลลูกให้ ตนเองเป็นห่วงลูกคนเล็กมาก เพราะถ้าหากแม่นำตัวลูกคนเล็กไป พอโตขึ้นมาแม่ก็จะมาตีลูกอีก ตนเองต้องการเลี้ยงลูกทั้ง 2 คนให้ดีที่สุด และต้องการสู้คดี
ส่วนที่แม่เด็กบอกว่าตนเองทำลูกตายมาแล้ว 2 คน ตนเองยืนยันว่าไม่จริง ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณ ปี 2560 แล้ว และเป็นเพราะลูกคนแรกที่ภรรยาตั้งครรภ์ แต่ภรรยากลับมายกโซฟา จนทำให้ตกเลือดและแท้งในที่สุด ขณะที่ท้องยังอ่อนอยู่ ส่วน ที่ภรรยาแทงลูกอีกคนนั้นก็เป็นเพราะว่าเลือดลมในร่างกายของภรรยาไม่แข็งแรงจึงทำให้แท้งลูกเป็นครั้งที่สองห่างจากครั้งแรกประมาณ 5 เดือน สิ่งที่พยามพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบางเรื่องเป็นเรื่องโกหก
ขณะที่วันนี้ตนเองไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาล ภรรยาตัวเองก็มาหาลูกด้วย เมื่อลูกเห็นภรรยาก็รีบนำขนมที่ตนเองซื้อให้เก็บทันที และก้มหน้าไม่ยอมพูด เพราะลูกเห็นหน้าแม่ไม่ได้ กลัวแม่มาก แต่ไม่กลัวตนเอง เพราะตนเองตีลูกไม่เจ็บ ตนเองจำเป็นต้องตีลูกเพราะหลายครั้งภรรยาก็จะบ่นตนเองว่าทำไมไม่ตีลูก ไม่สั่งสอนลูก
บางครั้งตนเองก็พยายามห้ามภรรยาตลอดว่าอย่าตีลูกแรงเกินไป บางครั้งรุนแรงถึงขั้นลูกกำลังกินข้าวอยู่กับภรรยากลับบีบคอลูก สาเหตุที่ภรรยาตีลูกตนเองคาดว่าเป็นเรื่องที่ตนเองตกงาน เมื่อประมาณวันที่ 9 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา ประกอบกับเรื่องที่ลูกกินข้าวช้า จึงทำให้ภรรยาชอบโมโห และตีลูกอยู่หลายครั้ง ตนเองจะเคยบอกว่าถ้าไม่พอใจก็มาตีตนเองมาทำตนเองแทน แต่อย่าไปทำลูก ตนเองยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน จะอยู่ที่เดิมและหางานทำต่อ เพื่อที่จะนำเงินมาเลี้ยงลูก ยืนยันว่าบริสุทธ์ใจ ถ้าหากทำลูกจริง ก็คงหนีไปแล้ว แต่ทางภรรยาถ้าหากบริสุทธ์ใจจริงจะหนีไปทำไม
หลังจากนี้ ตนเองวางแผนไว้ว่าหากเก็บเงินได้ และเปิดประเทศรวม ถึงโรคโควิด-19 หายไป ก็จะเดินทางกลับไปอยู่ที่ประเทศเมียนมากับลูกทั้ง 2 คนดังเดิม และทำธุรกิจร่วมกับครอบครัว
.jpg)
