กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปวิดีโอนักเรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ถูกเพื่อนนักเรียนรุมทำร้ายทั้งในห้องเรียนและในสนามฟุตบอลของโรงเรียน จนได้รับบาดเจ็บ และต้องเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาล กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลฯ นั้น
ล่าสุดวันที่ 18 มี.ค.64 บาทหลวง ผศ.ดร.ชาติชาย พงษ์ศิริ ผอ.รร.ดาราสมุทรศรีราชา จ.ชลบุรี เปิดห้องตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวที่ไปติดตามความคืบหน้าว่า หลังจากเกิดเหตุทางโรงเรียนได้ระงับเหตุให้เด็กอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
โดยให้เด็กนักเรียนที่ก่อเหตุไปอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพราะทางโรงเรียนไม่รู้ว่าใครคิดอย่างไรกับเด็ก หลังจากนั้นก็จะสร้างความเข้าใจ ดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้กลับมาอยู่โรงเรียนได้ตามปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียน เพราะทางโรงเรียนจะให้เด็กที่ก่อเหตุได้เรียนตามแผนการเรียนเหมือนเพื่อน ๆ ทุกคน สาเหตุที่ทางโรงเรียนไม่ลงโทษไล่ออก เนื่องจากทางโรงเรียนมีความเชื่อว่า เด็กที่กระทำผิดสามารถปรับเปลี่ยนความประพฤติดีได้
ส่วนการก่อเหตุในครั้งนี้ เด็กนักเรียนไม่ได้มีความโกรธแค้นกันแต่อย่างใด เป็นเด็กนักเรียนชั้นเดียวกัน แต่อยู่กันคนละห้อง สาเหตุเกิดจากการสื่อสารไม่เข้าใจกัน และเป็นอารมณ์เฉพาะวัยของเด็กที่อยู่ในช่วงนี้ ตามปกตินักเรียนกลุ่มนี้ก็ไม่เคยมีรายงานมาก่อนว่าก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน
สำหรับการเยียวยาดูแลนักเรียนที่ถูกกระทำนั้น ก็ได้รับผิดชอบค่าดูแลรักษาพยาบาลทั้งหมด และจะเอาใจใส่หลังจากที่นักเรียนกลับมาเรียนได้ตามปกติ โดยให้อาจารย์ดูแล ทำความเข้าใจกับเด็กที่ก่อเหตุ และเด็กที่ถูกกระทำทั้งหมดด้วย ส่วนอาการเด็กที่บาดเจ็บตอนนี้ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาการดีมากขึ้นแล้ว มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย เจ็บปวดร่างกายเล็กน้อย สามารถพูดคุยได้ตามปกติ และจะออกจากโรงพยาบาลได้ในเร็ว ๆ นี้
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางเข้าไปพูดคุยกับนายเจริญ (นามสมมติ) ลุงของน้องปอนด์ ผู้บาดเจ็บ บอกกับทีมข่าวว่า ขณะนี้น้องปอนด์อยู่ในห้องไอซียู สภาพร่างกายดีขึ้นตามลำดับ แต่สภาพจิตใจยังคงรู้สึกแย่ ตนเชื่อว่าหลานชายของตนอาจจะถูกกระทำเช่นนี้หลายครั้ง เนื่องจากหลานชายได้ปริปากบอกกับตนว่า ภายใน 1 วันเคยโดนกระทำมากถึง 3 ครั้ง ซึ่งหลานชายของตนเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสู้คน จึงอาจจะถูกมองว่าทำอะไรก็ได้ เพราะน้องปอนด์คงไม่โกรธ
ส่วนตัวยังคงคาใจกับทางโรงเรียนว่า ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ได้อย่างไร โรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านอีกหนึ่งหลังที่ทางครอบครัวไว้วางใจว่าจะมีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งทางครอบครัวก็มั่นใจ จึงเลือกให้บุตรหลานเรียนที่นี่มาหลายปี
สำหรับการลงโทษที่ทางโรงเรียน ระบุว่า ให้ผู้ก่อเหตุได้มีการพักการเรียนไปนั้น ตนเคารพในการตัดสินใจของทางโรงเรียน ไม่ขอยุ่งเกี่ยว แต่ในทางคดีตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย และขณะนี้ก็ยังไม่มีในฝั่งของคู่กรณีเข้ามาขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเบื้องต้นทางครอบครัวก็ต้องออกเองไปก่อน
หลังจากนี้ก็ยังมีความกังวลใจ ในเรื่องของความปลอดภัย หากจะต้องเรียนต่อที่นี่ ซึ่งตนก็จะขอให้สิทธิ์ของน้องปอนด์ ว่าอยากเรียนต่อที่นี่หรือว่าอยากย้ายโรงเรียน ซึ่งน้องปอนด์เรียนมาตั้งแต่ประถมฯ ก็ค่อนข้างที่จะคุ้นชินกับสถานที่ แต่อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนต้องมีมาตรการในการป้องกันความปลอดภัยที่ดีกว่านี้ โรงเรียนคุณภาพระดับนี้ อย่างน้อย ๆ กล้องวงจรปิดในห้องเรียนก็ควรจะมี
ทีมข่าวสรุปพฤติกรรมของนักเรียนที่ปรากฏในคลิป นายหนึ่ง (นามสมมติ) สวมเสื้อดำ พูดคุยกับน้องปอนด์ ในมือถือไม้ยาวไว้ด้านหลัง และยิ้ม หัวเราะขณะที่น้องปอนด์ถูกทำร้าย และไม่ได้มีท่าทีว่าจะเข้าไปช่วยเหลือ
นายสอง (นามสมมติ) สวมเสื้อชุดนักเรียน ยืนดูน้องปอนด์ขณะถูกทำร้าย และไม่มีท่าทีว่าจะเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด
นายสาม (นามสมมติ) สวมเสื้อคลุมสีชมพู ยืนดูเหตุการณ์ภายในห้องเรียน และเด้งตัวหลบขณะน้องปอนด์ถูกเตะ ไม่เข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด
นายสี่ (นามสมมติ) สวมชุดนักเรียน เป็นผู้ลงมือทำร้ายน้องปอนด์ ด้วยการเตะน้องปอนด์ 4 ครั้ง
นายเอ็ม ผู้ก่อเหตุรายที่ 5 สวมชุดนักเรียน เป็นผู้ลงมื่อทำร้ายน้องปอนด์ ด้วยการเตะน้องปอนด์ จำนวน 5 ครั้ง และต่อยอีก 1 ครั้ง
นายหก (นามสมมติ) สวมชุดนักเรียน ยืนพิงกระดานไวต์บอร์ดดูเหตุการณ์ภายในห้องเรียน และยืนหัวเราะขณะที่น้องปอนด์ถูกทำร้าย
นายเจ็ด (นามสมมติ) สวมเสื้อวอร์มสีกรม แขนลายสีขาว ยืนดูเหตุการณ์ภายในห้องเรียน และเป็นผู้ลงมือเตะน้องปอนด์จนล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นยืนหัวเราะขณะที่น้องปอนด์ถูกนักเรียนคนอื่นทำร้าย
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ น.ส.รุจิรา (นามสมมติ) แม่ของน้องเอ็ม หนึ่งในนักเรียนที่อยู่ในคลิป เปิดเผยว่า ขณะนี้น้องรู้สึกผิดแล้ว และอยู่ในอาการเครียด ในส่วนของตนก็ได้ให้กำลังใจลูกว่า "อย่าคิดมาก" เนื่องจากถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อโซเชียลมีเดีย แต่ในขณะเดียวกันก็สอนลูกด้วยว่า เป็นคนผิด ต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไข ปรับปรุงและเริ่มต้นใหม่ได้
ทางครอบครัวก็ยังมีความกังวลใจในเรื่องของคดีความ ซึ่งในส่วนนี้คงเป็นเรื่องของญาติผู้เสียหาย เพราะก็เข้าใจเขาเหมือนกัน เรื่องการขอโทษผู้เสียหายแน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องขอโทษ เพราะลูกตนเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ขอให้ทางโรงเรียนเป็นคนชี้แจงรายละเอียดอื่น ๆ ในวันที่ 22 มี.ค.64
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายแบงค์ (นามสมมติ) ผู้ปกครองด.ช.ต้น (นามสมมติ) นักเรียน ม.2 ย่านบางพระ บอกกับทีมข่าวว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค.64 เวลาประมาณ 11.00 น. ตนเดินทางนำข้าวไปส่งให้กับลูกชายที่โรงเรียนทุก ๆ วันในมื้อกลางวัน โดยลูกชายเล่าให้ตนฟังว่า ก่อนหน้านี้มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 6 คน เป็นนักเรียนเทคโนฯ บุกมาอยู่ที่บริเวณหน้ารั้วโรงเรียน จากนั้นก็ถามหา ด.ช.ต้น ม.2 ให้มาที่ริมรั้ว ซึ่งน้องต้น ก็เดินมากับพี่ ม.3 อีกคน
จากนั้นวัยรุ่นเทคโนฯ ก็ถามว่ามองหน้าทำไมวันนั้น ลูกชายของตนตอบว่า "ไม่ได้มอง" แล้ววัยรุ่นเทคโนฯ ก็ใช้มือต่อยเข้าไปที่ช่องระหว่างรั้ว โดยพี่ ม.3 ดึงน้องต้น ออกได้ทัน เลยไม่โดนหมัด แล้ววัยรุ่นเทคโนฯ ก็ขู่ว่า "กูรู้แล้วมึงอยู่โรงเรียนไหน เดี๋ยวเจอแน่" แล้วหลบหนีไป จากนั้นก็ไปก่อเหตุโชว์ปืนตามคลิป
เมื่อตนเห็นคลิป จึงมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกันกับที่มาหาลูกชายตน เบื้องต้นตนได้เข้าไปคอมเมนต์ใน Facebook ของวัยรุ่นเทคโนฯ ที่ถือปืน โดยระบุข้อความถามถึงเหตุผลว่า ทำไมมาทำแบบนี้กับน้องต้น ซึ่งได้รับคำตอบกลับมาว่า "ทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ขอโทษครับ" ซึ่งตนต้องการให้มาขอโทษด้วยตัวเอง แต่ก็ยังไม่มา ซึ่งถ้าไม่มาตนจะเข้าแจ้งความ ส่วนตัวมีข้อสงสัยว่า ทำไมกลุ่มวัยรุ่นถึงสามารถใช้ปืนในที่สาธารณะได้ มองว่าเป็นภัยต่อสังคม อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการเรื่องนี้
