จากกรณีตำรวจ สภ.ภูเพียง จ.น่าน ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิต ในรถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีบอร์น ทะเบียน 2 ฒษ 4136 กทม. ที่ริมน้ำน่าน ฝั่งบ้านแสงดาวหมู่ 2 ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบศพ น.ส.เบญจวรรณ คำหล่อ อายุ 28 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดคอวี สีขาวสวมกางเกงยีนส์ขายาว สีดำ ถูกยิงเข้าที่บริเวณกกหูข้างขวาลูกกระสุนฝังในศีรษะแตก มันสมองแตกกระจาย
ส่วยนายสุชาติ สุนทร อายุ 53 ปี ถูกกระสุนปืนเข้าที่ขมับ นั่งหายใจรวยรินบนเบาะนั่งด้านคนขับ เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาลน่านเพื่อช่วยชีวิต แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งผู้ตายก่อเหตุยิงหญิงสาวก่อน แล้วตนเองยิงฆ่าตัวตายตาม
วันที่ 19 มี.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุริมน้ำน่าน บ้านแสงดาวหมู่ 2 ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน มีหยดเลือดแห้งกรังตกอยู่ที่พื้น รอบข้างเป็นแม่น้ำและป่า ส่วนบ้านคนอยู่ห่างออกไปกว่า 500 เมตร
ทีมข่าวลงพื้นที่ร้านสะดวกซื้อที่ น.ส.เบญวรรณ ทำงานอยู่ ภายปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาบ้านอภัย อ.เมือง จ.น่าน จากการสอบถามพนักงานร้านสะดวกซื้อ ให้ข้อมูลว่า ไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวของ น.ส.เบญจวรรณ มากนัก เพราะต่างคนก็ต่างทำงาน เลิกงานก็แยกย้ายกันไป แต่เมื่อวานนี้นายสุชาติได้ขับรถกระบะมารับ น.ส.เบญจวรรณ ที่ร้านสะดวกซื้อในช่วงเลิกงานตามปกติ เวลาประมาณ 17.00 น. ทั้งคู่ไม่มีท่าทีว่าจะทะเลาะกัน หลังจากนั้นก็ทราบข่าวการเสียชีวิต
พ.ต.อ.บุญส่ง นิกรเถื่อน ผกก.สภ.ภูเพียง จ.น่าน เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 17.30 น. ได้รับแจ้งยิงกันภายในรถยนต์ จึงรุดไปตรวจสอบ ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ตรวจสอบภายในรถไม่มีร่องรอยการต่อสู้ รถยังติดเครื่องอยู่ เชื่อว่านายสุชาติน่าจะยิง น.ส.เบญจวรรณ ก่อน และได้โทรร่ำลาครอบครัวก่อนจะยิงตัวตายตาม
สำหรับแรงจูงใจการก่อเหตุนั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน แต่มุ่งไปในประเด็นชู้สาว เพราะฝ่ายชายมีครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว และเพิ่งคบหากับฝ่ายหญิงได้ประมาณ 4-5 เดือน คาดว่าฝ่ายหญิงอาจจะมีการตีตัวออกห่างเพราะฝ่ายชายมีครอบครัวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนไล่กล้องวงจรปิดว่านายสุนทรไปรับ น.ส.เบญจวรรณ มาจากที่ไหน
ทีมข่าวลงพื้นที่งานศพของน.ส.เบญจวรรณ คำหล่อ ตั้งอยู่ที่บ้านพัก ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา จ.น่าน บรรยากาศงานศพค่อนข้างเงียบเหงา ช่วงกลางวันยังไม่มีคนมาร่วมงาน
นายสวัสดิ์ คำหน่อ อายุ 55 ปี พ่อของ น.ส.เบญจวรรณ อยู่ในอาการโศกเศร้า ตาแดงกล่ำตลอดเวลา เปิดเผยว่า สิ่งที่ตนอยากถามนายสุชาติมากที่สุดคือ ถ้าเขาอยากตายทำไมไม่ฆ่าตัวตายคนเดียว แล้วปล่อยลูกสาวของตนกลับมา เพราะลูกสาวยังมีภาระ ยังต้องดูแลครอบครัวและเลี้ยงลูกชายวัย 3 ขวบอีก ซึ่งเป็นลูกกับแฟนเก่า
สำหรับนายสุชาตินั้นคบหากับลูกสาวของตนมาประมาณ 4-5 เดือน แต่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่านายสุชาติมีครอบครัวแล้ว ตนเพิ่งจะได้เจอเขาช่วง 1-2 เดือนนี้เท่านั้น เขามาที่บ้านพร้อมกับลูกสาว มักจะมารับลูกชายวัย 3 ขวบของ น.ส.เบญจวรรณ ไปซื้อขนม ซึ่งเท่าที่สังเกต นายสุชาติก็ดูเป็นคนดี พูดจาเพราะ มีน้ำใจ ใช้งานง่าย ไม่คิดว่าเขาจะมีจิตใจโหดเหี้ยม ล่าสุดก็เพิ่งมาเยี่ยมตนที่บ้านใน อ.ท่าวังผา เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ก่อนเกิดเรื่องแค่ 1 วัน และดูท่าทีของนายสุชาติและลูกสาวก็ไม่ได้มีอาการว่าทะเลาะกัน
เมื่อวานนี้ ในช่วงที่เกิดเหตุนั้น ตนเชื่อว่าลูกสาวไม่มีโอกาสขอความช่วยเหลือจากใครเลย เพราะเพื่อน ๆ และครอบครัวก็ไม่ได้รับการติดต่อก่อนที่ลูกสาวจะเสียชีวิต ตนเชื่อว่าในตอนเกิดเหตุ ลูกสาวน่าจะจับได้ว่านายสุชาติมีครอบครัวแล้ว จนมีปากเสียงกันและนายสุชาติก็ยิงลูกสาว ยอมรับว่ารู้สึกโกรธแต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะเรียกร้องอะไรกับเขา เพราะเขาตายไปแล้ว และไม่รู้ว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายจากครอบครัวเขาได้หรือไม่ ซึ่งตนจะเผาศพลูกสาวในวันที่ 21 มี.ค. นี้แล้ว
ทีมข่าวลงพื้นที่งานศพของนายสุชาติ สุนทร ที่ศาลากลางหมู่บ้านเขาน้อย หมู่ 11 ต.ดู่ใต้ อ.เมือง จ.น่าน เป็นไปอย่างเงียบเหงา
นายโฮม หลานชายนายสุชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 17.05 น. น้าสุชาติได้โทรศัพท์มาหาและบอกว่าน้ายิงเขาตายแล้ว น้าอยู่ไม่ได้แล้ว ให้ทุกคนไปรอที่ศาลากลางหมู่บ้านเพื่อรอจัดงานศพเลย เพราะน้าจะฆ่าตัวตาย ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็วางสายไป และสุดท้ายหลานชายอีกคนได้เจอรถของน้าสุชาติจอดอยู่ และมีคนเสียชีวิตอยู่ในรถ
ตอนแรกที่ญาติเจอศพของ น.ส.เบญจวรรณ ทุกคนก็งง เพราะไม่มีใครรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน แต่สุดท้ายก็มารู้เรื่องราว และเชื่ออย่างที่ตำรวจคาดการณ์ว่า น.ส.เบญจวรรณ คงจะตีตัวออกห่าง ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันจนนำมาสู่การยิงกัน แต่ตนคิดว่าไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เพราะ 2-3 วันที่ผ่านมา น้าสุชาติก็บ่นตลอดว่าเครียดเรื่องรายได้ งานช่างไม้ไม่มีให้ทำ ไม่มีเงินผ่อนรถ จึงเป็นไปได้ว่าเขาคงเครียดหลายเรื่อง แต่จริงแล้วน้าสุชาติเป็นคนนิสัยดี มีน้ำใจ สปอร์ต อย่างไรก็ตาม ตนก็รู้สึกเสียใจกับครอบครัวของ น.ส.เบญจวรรณ และคงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
ตรวจสอบเฟซบุ๊กของ น.ส.เบญจวรรณ คำหล่อ ผู้เสียชีวิต พบว่ามีการโพสต์และแชร์หลายข้อความคล้ายกับผิดหวังในความรัก เมื่อวันที่ 14 มี.ค.64 มีการโพสต์ 3 ข้อความ "อย่าคิดว่าหันมาเมื่อไรก็เจอ", "อยู่ผิดที่ หมื่นล้านความดีก็ไม่มีความหมาย", "อะไรที่ทำให้เหนื่อยมากกว่ามีความสุข ก็เดินออกมา"
ต่อมาวันที่ 15-16 มี.ค. ก็มีการแชร์รูปภาพที่มีข้อความหลายรูป เช่น "อยากกอดตัวเองแล้วบอกว่าขอโทษนะ ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้", "คิดมากไปก็เท่านั้น บางเรื่องก็ควรปล่อยวางบ้าง เพราะคนที่รู้สึกแย่ที่สุดคือตัวเราเอง", "ถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น เราคงไม่เป็นแบบนี้", "กลัวที่สุดคือการไปจริงจัง กับคนที่ไม่จริงจังนี่แหละ" มีข้อความนี่นายสุชาติเข้ามาคอมเมนต์ว่า "อ้าว"