กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพใบบันทึกประจำวัน และภาพการถูกทำร้าย ขณะขับรถแท็กซี่ สีเหลือง (สงวนทะเบียน) ไปรับผู้โดยสารในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พร้อมกับเล่าเรื่องราวว่า ถูกแท็กซี่ในโรงพยาบาลคันอื่นรุมทำร้าย เมื่อวันที่ 17 มี.ค.64 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้วันดังกล่าวเป็นวันที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ ขับรถแท็กซี่เข้าไปรับผู้โดยสารตามปกติ และต่อคิวแท็กซี่ตามระเบียบ ก่อนที่จะมีแท็กซี่คันหน้าลงมาถามว่า “เข้ามารับผู้โดยสารได้อย่างไร” พร้อมไล่ผู้โดยสารลง ก่อนที่จะวนรถมาฝั่งหน้าตึกฉุกเฉิน แต่แท็กซี่คู่กรณีไม่วายที่จะนำแผงเหล็กมากั้น พร้อมเรียกพวกมารุมทำร้าย ด้วยความที่เป็นคนร่างใหญ่ กลุ่มแท็กซี่จึงทำอะไรได้ไม่มาก และเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ล่าสุดวันที่ 19 มี.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พบกับนายชาย (นามสมมติ) ผู้โพสต์เรื่องราวและเป็นผู้เสียหาย เปลือกตาขวายังมีลอยเขียวช้ำ โดยวันนี้นายชาย เดินทางเข้ามอบหลักฐานเพิ่มเติมให้แก่ร้อยเวร ที่สน.บางชัน ซึ่งเป็นวิดีโอและภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล
นายชาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์เป็นไปตามที่ตนโพสต์ ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกันมาก่อน และโรงพยาบาลเป็นพื้นที่เปิด ตนสามารถเข้าไปรับผู้โดยสารได้ ขณะเกิดเหตุตนสันนิษฐานว่า โรงพยาบาลอาจมีส่วนในการรับผลประกอบหรือไม่ แต่เมื่อได้เข้าพูดคุยจึงทราบว่าไม่เกี่ยว ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อมีเหตุมาแล้วหลายครั้ง ทำไมโรงพยาบาลไม่จัดการให้เด็ดขาด เพราะการกระทำของแท็กซี่กลุ่มนี้ถือเป็นการยึดประโยชน์เข้ากลุ่มตัวเอง ตั้งคิวในโรงพยาบาลถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ ในส่วนของคดีตนยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด เนื่องจากไม่ทราบว่าคนก่อเหตุจะจำใบหน้าและจำรถตนได้หรือไม่ จึงกังวลว่าหากไปเจอกันที่อื่นจะถูกกระทำอีก หรือแม้แต่หากตนขายรถไปแล้ว คนที่ใช้รถต่อจะได้รับผลกระทบหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ยังรอฝ่ายผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุย เพราะอยากถามว่า “แค่รับผู้โดยสารถึงขั้นทำร้ายกันเลยหรือ ถึงขั้นโทรเรียกพวกมารุมทำร้ายตนเลยหรือ”
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดหน้าตึกฉุกเฉินโรงพยาบาลดังกล่าว ใกล้กับป้อม รปภ. พบว่าภายในเปิดให้รถแท็กซี่ เข้า-ออกรับผู้โดยสารตามปกติ จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ของโรงพยาบาล พบว่าโรงพยาบาลดังกล่าวไม่มีมาตรการให้แท็กซี่จัดคิวจอดรับส่งผู้โดยแบบประจำ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล โรงพยาบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมหมาย (นามสมมติ) หัวหน้า รปภ. รพ. หรือผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนในฐานะหัวหน้า รปภ.เห็นเหตุการณ์วันที่ 17 มี.ค.64 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.15 น. ช่วงแดดร้อนอย่างวันนี้ รถในโรงพยาบาลจะไม่ได้ติด เพราะเป็นช่วงที่ผู้ใช้บริการน้อยลงแล้ว ขณะนั้นตนดูแลอำนวยความสะดวกรถเข้า-ออกเป็นปกติ
เมื่อเห็นแท็กซี่กำลังจะต่อยกัน และท่าที่ไม่ดี จึงสั่งลูกน้องให้เข้าระงับเหตุแยกออกจากกัน พร้อมสั่งลูกน้องให้ปรามเหตุ เพราะโรงพยาบาลเป็นเขตหวงห้ามทะเลาะวิวาท หลังจากนั้นได้รับรายงานจากลูกน้องว่าไม่สามารถจับใจความได้ว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่เหตุการณ์ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที รปภ.ได้แนะนำให้ไปเคลียร์กันด้านนอก
ทั้งนี้ในโรงพยาบาลไม่เคยมีเหตุรถแท็กซี่ทะเลาะกันมาก่อน พบเพียงแต่ผู้ป่วยหรือผู้มาใช้บริการทะเลาะกันในโรงพยาบาล เป็นเหตุให้รปภ. มีหน้าที่บังคับใช้มาตราการเหล่านี้อยู่แล้ว เช่น แนะนำให้ออกไปทะเลาะกันนอกโรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลถือเป็นสถานที่ปลอดภัยและรบกวนผู้มาใช้บริการคนอื่น ๆ นอกจากนี้ ตนยืนยันว่า รปภ.เป็นเพียงเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลความปลอดภัยภายในพื้นที่ ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวการจัดระบบรถแท็กซี่ หรือมีการจัดคิวแท็กซี่ภายในโรงพยาบาลอย่างแน่นอน