วันที่ 20 มี.ค. 64 นายกิตติศักดิ์ เพ็ชรทอง พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว ในเมืองเอก ขับรถยนต์ใช้แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิง โดยมีน.ส.เบ็ญจา ผดุงพล เพื่อนสนิท อาชีพพยาบาล นั่งมาด้วย ประสบอุบัติเหตุเมื่อเวลา 02.30 น. โดยเสียหลักพุ่งชนตอม่อรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณที่กลับรถถนนกำแพงเพชร 6 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ทำให้ทั้งคู่หมดสติ ก่อนรถจะเกิดไฟไหม้ ทำให้ไฟคลอกคนขับและผู้โดยสารเสียชีวิต
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำร่างผู้เสียชีวิตส่งนิติเวช รพ.ภูมิพลฯ เมื่อช่วงบ่ายญาติเดินทางมารับร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 กลับไปประกอบพิธีการทางศาสนา ฝ่ายชายญาตินำไปที่วัดสำนักสงฆ์วัดตางิ จ.ชุมพร ส่วนฝ่ายหญิงวัดศูนย์เจริญธรรมธาราม เขตสายไหม จ.ปทุมธานี
ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เลนขวาสุดฝั่งขาเข้า ตรงจุดกลับรถ ตรงข้าม บมจ.ท่าอากาศยานไทย พบร่องรอยไฟไหม้ดำตามต้นไม้ที่ปลูกตกแต่ง รอยคราบน้ำมันสีดำครึ่งเลน และเศษกระจกแตก เศษวัสดุรถ และคาดว่าญาติผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณแล้ว เนื่องจากมีร่องรอยการจุดธูป และเหรียญเงินต่าง ๆ อยู่ในที่เกิดเหตุ
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้สำรวจถนนที่เกิดเหตุ ขาเข้าเป็นถนน 4 เลน และขาออก 2 เลน ตลอดแนวถนนจะเป็นคลื่นระหว่างเสาตอม่อ คาดว่ามีผลกระทบมาจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ที่มีตอม่อถี่ห่างกันแค่ 15 เมตร แต่พบว่ารถทุกคันที่สัญจรไป-มาจะใช้ความเร็วค่อนข้างต่ำ
ที่วัดศูนย์ (เจริญธรรมธาราม) เขตสายไหม ญาติของ น.ส.เบ็ญจา ทำพิธีรดน้ำศพเมื่อเวลา 16.00 น. และจะมีการตั้งสวดพระอภิธรรม 3 คืน ก่อนทำพิธีฌาปนกิจศพในวันอังคารที่ 23 มี.ค. 64
นายหาญยุทธ พาชัยยุทธ หรือ โอห์ม อายุ 27 ปี น้องชาย เปิดเผยว่า ตนเองใช้ชีวิตปกติ ไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ ว่าพี่สาวจะจากไปแบบนี้ แม้ตอนแรกที่ทราบเรื่องจะไม่เชื่อ เพราะขณะนั้นยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าผู้หญิงที่เสียชีวิตคือใคร แต่พอทราบรายละเอียดที่แท้จริง และยืนยันว่าใช่พี่สาวตนเอง ทางครอบครัวก็ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะแม่ เบื้องต้นทั้ง 2 ครอบครัวยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ทางพี่ชายฝ่ายผู้ชายได้ติดต่อหาตนเองตลอดในเรื่องของการจะร่วมทำบุญกันก่อน เพราะหากจะคุยถึงต้นสายปลายเหตุกัน เชื่อว่าแม่คงทำใจไม่ได้ แต่ในเรื่องของเหตุการณ์ที่ขึ้นไปแล้ว ส่วนตัวมองว่าคงเป็นอุบัติเหตุ ส่วนจะเป็นเพราะสาเหตุอะไร ตนเองไม่สามารถกล่าวถึงจุดนั้นได้
นอกจากนี้ หลังทราบเหตุตนเองได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจ พบว่าถนนเส้นนั้นยังเหมือนเดิม ยังไร้การปรับปรุง แม้จะเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือมีผลทำให้พี่ตนเองประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ คงตัดสินเช่นนั้นไม่ได้ แต่ตนก็คงอยากให้ปรับปรุงเรื่องถนนด้วย
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของ นายกิตติศักดิ์ ผู้เสียชีวิต พบว่ามีญาติกำลังมาช่วยจัดเตรียมงานศพ นางสมจิต เพ็ชรทอง อายุ 55 ปี แม่ของนายกิตติศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้รับโทรศัพท์จากนายวิรพล ลูกชายคนโต หรือ น้องเอ็ม ช่วงเช้าประมาณ 06.00 น. โดยลูกชายไม่พูดอะไร ได้แต่ร้องไห้ ตนเองก็ได้ถามไปหลายครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น และพูดปลอบไปว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปได้ หลังจากที่พูดออกไป ลูกชายบอกว่าน้องโอ๊ต น้องชายเกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิตแล้ว ตนเองเมื่อได้ฟังก็รู้สึกแน่นในอก ต้องยอมรับความเป็นจริง สิ่งที่ทำได้ก็คือปลอบใจลูก ๆ เพื่อไม่ให้เสียขวัญ
นายสมจิต กล่าวว่า ตนเองมีลูก 3 คน นายวิรพล เป็นคนโต คนที่สองคือนายกิตติศักดิ์ เพ็ชรทอง หรือ โอ๊ต อายุ 26 ปี ที่เสียชีวิต และนางสาวจุฑามาศ หรือ น้องอ้อม คนสุดท้อง ซึ่งทุกคนไปอยู่กรุงเทพมั้งหมด ลูกชายทั้งสองคนทำการค้าขาย ส่วนลูกคนเล็กกำลังเรียน น้องโอ๊ตไปอยู่กรุงเทพฯ ได้เพียง 4 ปี และไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวได้เพียง 1 ปี ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่น้องโอ๊ตกลับมา จ.ชุมพร ในวันเด็ก และมาแจกสิ่งของให้กับเด็กในพื้นที่ น้องโอ๊ตก็ได้ใช้รถคันที่เกิดอุบัติเหตุขับมา จ.ชุมพร ซึ่งตนก็รู้ว่ารถคันที่ลูกใช้นั้นติดแก๊ส แต่ก็ไม่ทักท้วง เพราะไม่มีความรู้ และหลังจากนั้นน้องโอ๊ตก็ไม่ได้กลับมาเลย
จนเมื่อ 3 วันก่อนเกิดเหตุ น้องโอ๊ตบอกว่าอยากจะกลับมาอยู่ จ.ชุมพรแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นลางสังหรณ์ เพราะลูกบอกว่าเบื่อกรุงเทพฯ มันร้อน ส่วนผู้หญิงตนเองก็เพียงได้พูดคุยกันทางเฟซบุ๊ก แต่รู้ว่ามีอัธยาศัยดี และเจ้าตัวลูกยังได้ชวนให้ขึ้นไปกรุงเทพฯ ตนก็รับปากว่าให้หน้าฝนแล้วจะขึ้นไป เพราะอยากจะเห็นหน้าเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งตนเองคิดว่าเขาเกิดมาคู่กันจริง ๆ เพราะต้องมาตายวันเดียวกัน
Advertisement