ก่อนหน้านี้มีข่าวซุบซิบกันว่า ผู้กำกับละครชื่อดังอย่าง ต้อ มารุต ลุกขึ้นมาทวงค่าตัวจากซีรีส์วายเรื่อง BROTHERS “รักนะน้องชาย รักนายครับ ผม” จนทำเอาหลายคนคิดกันไปต่างๆ นานาว่า เกิดปัญหาอะไรกับทีมผู้จัดของซีรีส์เรื่องนี้หรือเปล่า เพราะเห็นว่านอกจากพี่ต้อ ที่เป็นผู้กำกับแล้ว ทีมงาน รวมถึง นักแสดงก็ยังได้เงินไม่ครบ
วันนี้ (21 มีนาคม 2564) ได้เจอพี่ ต้อ มารุต ก็เลยถามถึงเรื่อง เจ้าตัวก็ดีใจมาก ที่จะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงสักทีหนึ่ง โดยบอกกับนักข่าวว่าให้ช่วยแก้ข่าวให้หน่อย เพราะไม่ใช่เรื่องจริง ตนทำงานในวงการบันเทิงมาหลายสิบปี ยังไม่เคยมีประวัติทวงเงินใครเลย ขนาดรอเป็น 2-3 ปี ยังรอมาได้ นี่ซีรี่ย์ยังออนแอร์ไม่จบด้วยซ้ำ ทำไมตนจะรอไม่ได้ อีกอย่างเงินก้อนนั้นก็แค่ 1 แสนบาท เป็นงวดสุดท้าย ตนได้มาแล้ว 2 ใน 3
พี่ต้อ เล่าต่อว่า สืบไปสืบมาก็เลยรู้ว่า มีนักแสดงในซีรีส์เรื่องดังกล่าวนี้แหละ ที่เอาชื่อตนไปแอบอ้าง เพื่อให้เป็นข่าว ตนก็เลยขอคุยกับเขาหน่อย พอคุยกันเสร็จก็เข้าใจว่า เขาหงุดหงิดตรงที่เขาไม่ได้ตัง ซึ่งตนก็ทราบมาว่า นักแสดงคนนั้นเขามีปัญหาเรื่องเงินอย่างมาก แล้วก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ตัวเองไม่มีเครดิตในการทวงได้ ซึ่งตนก็ปล่อยเขาไป ไม่โกรธ ไม่ติดใจ เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตนยังมีเรื่องอื่นๆ ให้คิดอีกเยอะแยะ อีกอย่างเขาขอโทษตนแล้ว แล้วตนก็ได้บอกเขาไปว่า อย่าทำแบบนี้กับใครอีก
ส่วนทางด้านผู้จัดเขาก็เครียดมาก เพราะว่ากลายเป็นเสียเครดิตไปเลย ทั้งที่เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะโกง เนื่องจากตอนนี้ซีรีส์เพิ่งออนแอร์ไปได้ครึ่งทางเอง จริงๆออนแอร์จบแล้ว นักแสดงถึงจะได้ค่าตัวทั้งหมดด้วยซ้ำไป ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อีกอย่างก็เหลือแค่งวดสุดท้ายประมาณ 1 หมื่นบาทเท่านั้น
ถามถึงเรื่องที่มีปัญหาเกี่ยวกับการไม่ได้ค่าตัว ?
“ก็กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตไปเลย ปกติเราจะไม่ค่อยทวงเงินทองใครนะ ก็ทำงานไปเรื่อย คือทำงาน ถ่ายทำเสร็จก็เข้าไปตัดต่อ ทีนี้เนี่ยไม่ได้เช็กเรื่องเงินเรื่องทองเลย ปรากฎว่ามีปัญหาเกิดขึ้น เรื่องงวดสุดท้ายมันจ่ายกันหรือยัง เราก็แปลกใจว่าฉันโทร.ทวงเงินใครตอนไหนเนี่ย กลายเป็นข่าวว่าเราไปทวงเงินเขา เราเป็นผู้จัดมาก่อน เราเห็นใจผู้จัดมากเลย ว่ากว่าจะหาเงินมาได้แต่ละงวดๆ เพื่อมาผลิตละคร มาจบละคนให้ได้เนี่ยก็ยากแล้วนะ แล้วในภาวะโควิดแบบนี้ โฆษณาก็เข้ายากมาก กว่าเขาจะเก็บตังค์ได้
เราไม่มีนิสัยทวงเงินใคร แต่ข่าวออกมาว่าเราไปทวงเงิน ก็เลยงงๆ ว่าฉันไปทวงเขาตอนไหน เลยต้องบอกว่าเราไม่มีนิสัยแบบนั้นนะครับ แล้วก็เห็นใจผู้จัดเหมือนกัน ตอนนี้พอไปเช็กดูแล้ว เงินมันเข้ามาเกือบครบแล้วละ ที่เก็บไม่ได้ก็คืองวดสุดท้าย แล้วคนที่ให้ข่าว เราต้องบอกเลยว่า ตัวเองไม่สามารถเป็นข่าวได้ ก็แอบอ้างใช้ชื่อเรา เพราะเห็นว่าตลอด 40 ปีที่อยู่ในวงการ เราไม่มีปัญหาเลยไง เอาชื่อพี่ต้อนี่แหละดีสุด เลยเป็นข่าว เหมือนกับว่าพูดแทนในนามน้องๆ ทีมงานที่แสดงอยู่ในเรื่องนี้ทั้งหมด ว่าได้เงินกันหรือยัง ก็ใช้ชื่อเราเป็นเป้าหมาย
เราก็แบบเอาละ ไม่ทวงเองแต่ใช้ชื่อเราออกสื่อ ก็ขอคุยกันหน่อยแล้วกัน พอคุยกันเสร็จก็เข้าใจว่า เขาหงุดหงิดตรงที่เขาไม่ได้ตังค์ ปัญหาคือเราอยากให้ดูเจตนาของผู้จัดก่อน ว่าเขาไม่มาความคิดที่จะเบี้ยวเรา เขาไม่ตั้งใจจะเบี้ยวเรา ก่อนหน้านั้นคุณได้เงินงวดอื่นๆ ไปเกือบหมดแล้ว เหลืองวดสุดท้าย ซึ่งมันยังแอนแอร์ไม่จบเลย อีกเป็นเดือนกว่าจะได้เงิน โฆษณากว่ากลับมาเป็น 60 วัน 90 วัน เพราะฉะนั้นผู้จัดมีปัญหาแน่เรื่องการเบิกจ่าย
ก็ต้องดูเจตนาเขา เขาไม่ได้ตั้งใจเบี้ยวเรา ก็รออีกนิดหนึ่ง โดยเฉพาะนักแสดงเนี่ย ได้เครดิตอยู่แล้วตามธรรมเนียม นักแสดงเมื่อออนแอร์เสร็จแล้ว ถึงจะได้ตังค์ ทีมงานต่างหาก ที่เมื่อทำงานเสร็จแล้วต้องได้เงิน นักแสดงมีเครดิตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นโดยธรรมชาตินักแสดงบ้านเรา เขาไม่ได้ทวงนะ เขารู้ตัวอยู่แล้ว ว่าตัวเองมีเครดิตดียังไงก็ได้เงิน เพราะออนแอร์มันก็เห็นกันอยู่แล้ว ว่าไม่มีทางที่ใครจะโกงได้
เพียงแต่ว่าคนที่มีปัญหาเนี่ย เขามีภาวะเรื่องเงินอย่างมาก แล้วก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ตัวเองไม่มีเครดิตในการทวงเขาได้ หรือไม่ก็มีปัญหาอะไรบางอย่าง ซึ่งเราก็ไม่ทราบ แต่ใช้ชื่อเราเพื่อเป็นข่าว คือเขาก็เป็นนักแสดงที่อยู่ในเรื่องนั่นแหละ ก็ปล่อยเขาไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรามีเรื่องอื่นๆ ให้คิดอีกเยอะแยะ
ไม่ใช่ทีมงาน ทีมงานได้เงินน้อย ไม่ได้ได้เงินเยอะ ทีมงานเขาทำงานตั้งใจอยู่แล้ว เราชอบทีมงานนี้นะ แฮปปี้ เพราะน้องๆ ที่มาทำเขาก็เหมือนดีใจที่ได้ทำงานกับเรา ทำงานไปก็ได้เรียนไปด้วย ได้แชร์ประสบการณ์ไปด้วย “
เรารู้ได้ยังไงว่าคนไหน ?
“ก็รู้กัน เพราะคุยกันอยู่แค่นี้ มองหน้าก็รู้กันแล้วว่าใคร แต่ก็คุยกันแล้ว เขาก็ขอโทษ ต้องขอโทษสิ เพราะเราแก่ขนาดนี้แล้ว บอกว่าฉลาดเนอะในการใช้ชื่อข้าพเจ้า แต่ก็เอาละ เราก็ไม่ว่ากัน ก็อย่าทำแบบนี้อีก เพราะเอาจริงๆ เราไม่มีนิสัยจะไปทวงใคร แล้วเราเคยเป็นผู้จัด เราเห็นใจผู้จัด”
เราไม่ติดใจหรือโกรธใช่ไหม ?
“ไม่ติดใจ จะโกรธทำไมเดี๋ยวก็ต้องเจอกันอีกในวงการ ก็ต้องเจอกันอะ จะไปโกรธทำไม โกรธก็แก่สิ ไม่เอา ฉันไม่อยากแก่ ฉันไม่อยากเครียด”
ทางผู้จัดว่ายังไงบ้าง ?
“เขาก็เครียดสิ คนเป็นผู้จัดเครียดตลอดเวลา เพราะว่าเครดิตเสีย นอกจากมารุตเสียเครดิตแล้ว ผู้จัดก็เสียด้วย แล้วใครจะมาเล่นด้วย เดี๋ยวไปคุยกันว่า ระวังนะอย่าไปเล่นกับเจ้านี้เขาไม่จ่ายตัง ซึ่งจริงๆ ต้องดูเจตนารมย์เขา เจตนาเขาไม่ได้มุ่งมั่นจะโกง ต้องดูเจตนาเขาให้ออก คุณได้เงินส่วนหนึ่งไปแล้ว เหลืองวดสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งต้องดูว่าก่อนหน้านั้นเขาตั้งใจจ่าย ทำไมถึงคิดแบบนี้ “
แสดงว่าตอนนี้นักแสดงก็ยังไม่ได้ตัง ?
“งวดสุดท้าย เพราะตอนนี้เพิ่งออนแอร์ไปได้ครึ่งทางเองนะ จริงๆ ออนแอร์จบแล้ว ถึงได้ด้วยซ้ำไป ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาแต่ไหนแต่ไร แล้วนักแสดงก็มีเครดิตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรออีกนิดหนึ่งเถอะ จะไปทวงเขาทำไม “
ในส่วนของทีมงานได้ครบหมดแล้ว ?
“พี่ต้อ ว่าได้เกือบหมดแล้ว ยกเว้น มารุต ยังไม่ได้งวดสุดท้าย มารุตก็คิดว่าเดี๋ยวก็ได้ เพราะยังเจอกันทุกวันเขาจะกล้าเบี้ยวเราหรอ“
พอหน้าข่าวเป็นชื่อเรามันกระทบไหม ?
“ช่วยแก้ข่าวให้ด้วยนะว่ามารุตไม่เคยทวงใครนะ ดูเราเป็นช่างทวงเงินยังไงไม่รู้ น่ากลัวจังเลย “
ใช้คำว่าถูกแอบอ้างชื่อได้ไหม ?
“ใช้คำนั้นก็ได้ ซึ่งมันไม่ควรทำ จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ด้วย จับเข่าคุยกันก็จบแล้ว พี่ต้อถึงได้บอกให้ดูเจตนารมณ์เขา เธอก็ได้เงินไปส่วนหนึ่งเกือบครบแล้วไม่ใช่หรอ รออีกนิดมันก็ได้ แล้วในภาวะโควิดแบบนี้ โฆษณาเข้ายากมาก หาโฆษณากันแทบตาย ไทอินก็แล้วยังไม่คัฟเวอร์ค่าผลิต แล้วต้องผลิตให้ดีด้วย ไม่ดีคนก็ไม่ดูอีก ผลงานก็ต้องมีคุณภาพ เงินก็หายาก ต้องช่วยกันแหละ ถ้าไม่ช่วยกันก็ไม่รู้จะไปต่อยังไง “
กับนักแสดงคนนั้นเรายังร่วมงานกันได้อยู่ไหม ?
“ก็ต้องเจอกันอ่ะ เราก็ไม่ได้คิดจะโกรธเขาด้วย เพียงแต่ว่าเหตุการณ์นี้ก็เป็นบทเรียนให้เขาต้องระวังนิดนึงนะ เรื่องเงินเรื่องทองเป็นเรื่องบาดหมางใจกัน “
ก้อนสุดท้ายใหญ่ไหม ?
“ไม่อ่ะ ของพี่ต้อ เป็น 1 ใน 3 มากกว่า ของนักแสดงเหลือนิดเดียวเองนะ เพราะว่าผู้จัดจะเกรงใจนักแสดง จะจ่ายนักแสดงเกือบหมด พี่ต้อยังคิดเลยว่าเป็นนักแสดงก็สบายใจดี ไม่ต้องมากำกับ ไม่ต้องมาตัดต่อ เล่นเสร็จก็ได้เงินเกือบหมดเลย เป็นทีมงาน โดยเฉพาะผู้กำกับชื่อพี่ต้อ ก็จะโดนประมาณว่าไม่เบี้ยวนะ แต่จ่ายช้าหน่อย เราก็ใจดี ได้ ไม่เป็นไร บางเรื่อง 2-3 ปีกว่าจะได้เงินยังมีเลย เราก็เลยมั่นใจว่าคราวนี้เขาไม่เบี้ยวเรา อย่าไปร้ายใส่กัน เพราะยังต้องทำงานอยู่ด้วยกัน เจอกันอีก“