คนละครึ่ง เฟส 3 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ คาดเริ่มได้อีกครั้ง หลัง พ.ค.นี้

24 มี.ค. 64

คลังเผย คนละครึ่ง เฟส 3 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ จะไม่ต่อเวลาทันทีหลังจบเฟส 2 คาดเริ่มได้อีกครั้ง หลัง พ.ค.นี้

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า มาตรการคนละครึ่ง เฟส 3 จะไม่มีการต่อเวลาโครงการทันทีที่จบ เฟส 2 ในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ โดยคาดว่าโครงการจะออกมาได้หลังจากที่โครงการเราชนะ และ ม33 เรารักกัน สิ้นสุดในช่วงเดือน พ.ค.64 โดยผู้ได้รับสิทธิรายเดิมอาจจะไม่ต้องลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมีข้อมูลในแอปพลิเคชั่น "เป๋าตัง" แล้ว

ผอ.สศค. เผยอีกว่า เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่ถึงช่วงเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งในช่วงก่อนเม็ดเงินจะหมดต้องมาสรุปอีกครั้ง เพื่อให้มีเม็ดเงินออกมาดูแลเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงิน ในก้อนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีวงเงินเหลืออยู่กว่า 200,000 ล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังต้องประเมินว่าผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง เราชนะ เป็นต้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งปี 2564 ได้ 0.8% หรือไม่

ส่วนที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ตั้งเป้าไว้ว่าอยากให้ปีนี้เศรษฐกิจโต 4% นั้น ก็ต้องติดตามว่ามีมาตรการใดบ้างที่สามารถช่วยสนับสนุนได้ และยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งหากทั่วโลกมีการฉีดก็อาจจะช่วยให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้

163568381_1622181017987208_39

ส่วนความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 23 มีนาคม 2564 ดังนี้

• ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 58,968 ล้านบาท

• ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.7 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 83,926 ล้านบาท

• ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.0 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 7,425 ล้านบาท

ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.4 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 150,319 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม