วันที่ 26 มี.ค. 64 พนักงานสอบสวน สภ.บางพลี รับแจ้งเหตุคนถูกแทงเสียชีวิต ภายในอาคารพาณิชย์เปิดเป็นร้านขายอะไหล่แห่งหนึ่ง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตรวจสอบพบศพ น.ส.สาวิตรี รอดนางรอง อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด อยู่ที่พื้นห้องเก็บอะไหล่รถยนต์
สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมสีแดง นุ่งกางเกงขายาวสีครีม มีบาดแผลถูกแทงด้วยกรรไกร ที่ลำคอ และแขน เป็นแผลฉกรรจ์ประมาณ 20 แผล ใกล้กันพบกรรไกรเหล็กเปื้อนเลือดตกอยู่ที่พื้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายยุทธพงศ์ แก้วมณี อายุ 52 ปี ชาว ม.12 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังก่อเหตุเข้ามอบตัวที่ สภ.บางพลี ไม่มีการหลบหนี
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เปิดเป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ ทราบว่าทั้งผู้ก่อเหตุและผู้ตายเป็นลูกจ้างของร้าน จากนั้นทีมข่าวเดินทางมาที่ สภ.บางพลี พบญาติผู้ตายเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
นางสอน ละมูน อายุ 66 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวว่า ลูกสาวมาทำงานที่ จ.สมุทรปราการ เป็นเวลา 2 ปี มีลูกติดต่างพ่อ 2 คน คนแรกเป็นผู้หญิงอายุ 10 ปี อยู่ด้วยกันที่ห้องเช่า คนที่ 2 เป็นผู้ชาย อายุ 2 ขวบ อยู่กับฝ่ายสามีที่แยกทางกันไป ก่อนเกิดเหตุ 2 วันลูกสาวโทรศัพท์มาบอกว่าจะไปออกรถยนต์ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งตนก็ถามเรื่องคนค้ำประกัน ลูกสาวบอกว่ายังไม่มี จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 25 มี.ค. กลางดึกมีคนโทรศัพท์มาบอกว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ตนตกใจมากจึงรีบเดินทางมาที่ จ.สมุทรปราการ ทันที
ทั้งนี้ ตนมองว่าอีกฝ่ายโหดร้ายมากที่ใช้กรรไกรแทงลูกสาวตนจนเสียชีวิต ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เพราะลูกเพิ่งย้ายมาทำงานที่ร้านอะไหล่ได้ 2 เดือน ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง แต่ตนก็เคยเตือนลูกเรื่องความรักให้ดูให้ดี เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว ทั้งนี้ ตนไม่อยากจองเวร เพราะผู้ก่อเหตุเข้ามามอบตัวแล้ว แต่อยากให้อีกฝ่ายรับผิดชอบเยียวยาลูกสาวของผู้ตายที่ต้องขาดแม่ ด้วย
นางเอ (นามสมมติ) อดีตภรรยาผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนเลิกรากับนายยุทธพงศ์มาประมาณ 20 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ ซึ่งหลังเลิกรากันไปนายยุทธพงศ์ก็ไปมีภรรยาใหม่ และมีลูกด้วยกันอีก 1 คน ตนเพิ่งทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งลูกสาวคนโต อายุประมาณ 30 ปี ได้เข้าเยี่ยมนายยุทธพงศ์แล้ว อีกฝ่ายบอกว่าเสียใจ อ้างว่าทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความหึงหวง ซึ่งที่ผ่านมานายยุทธพงศ์ให้เงินทองผู้ตาย รวมถึงนำสร้อยทองน้ำหนัก 1 บาท ที่ลูกสาวซื้อให้ไปจำนำ เพื่อนำเงินไปดาวน์รถจักรยานยนต์ให้ผู้ตาย แต่มารู้ภายหลังว่าผู้ตายมีสามีอยู่แล้ว จึงเข้าไปทวงตั๋วจำนำ เพื่อจะไปไถ่ถอนสร้อยทองคืนมา เพราะเป็นทองที่ลูกซื้อให้ แต่อีกฝ่ายน่าจะไม่ยอมและมีปากเสียงกัน นายยุทธพงศ์จึงก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุทราบว่านายยุทธพงศ์ ยกมือไหว้ขอโทษศพ แล้วจึงลงมาข้างล่างร้านบอกกับคนอื่นให้แจ้งตำรวจมาจับกุมตัวเอง
โดยตนไม่ได้เข้าเยี่ยมอดีตสามี เพราะเลิกรากันไปนานแล้ว ที่ผ่านมายอมรับอดีตสามีมีนิสัยเจ้าชู้ แต่ไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน และไม่เคยทำร้ายผู้หญิง ตนทราบข่าวก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ลูกสาวของตนก็เสียใจมาก แต่คิดว่าคงไม่ประกันตัวพ่อ เพราะไม่มีเงิน
นางอบ ชัยสุวรรณ์ อายุ 85 ปี อดีตแม่สามีของนางสาวิตรี บอกว่า หลังทราบข่าวรู้สึกเสียใจ ถึงแม้จะเลิกกันกับลูกชายไปแล้วประมาณ 6 ปีแล้วก็ตาม แต่ยังมีความรัก และเป็นห่วงลูกสาวที่เกิดกับลูกชาย คาดว่าอายุตอนนี้ประมาณ 10 ขวบ ซึ่งนางสาวิตรีได้เอาไปด้วยตั้งแต่เด็กอายุประมาณ 3 ขวบ