นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยในการเสวนา Smart Living With COVID-19 Save ทุกลมหายใจ พาคนไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ว่า สถานการณ์โควิด19 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการรักษาพยาบาลไทย ที่พบว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิดอยู่ที่ 0.3 %
อนุทิน วอนกลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนโควิด ยันปลอดภัย หวังสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เปิดประเทศ
ทั้งนี้ ถือว่าต่ำมากเทียบกับประเทศอื่นทั่วโลก และน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ถึง 7 เท่าขณะนี้ไทยกำลังเริ่มฉีดวัคซีนโควิด -19 เชื่อว่า ไม่เกินครึ่งปี สถานการณ์การแพร่ระบาดและภูมิคุ้มกันในร่างกายของไทยจะมีมากขึ้น
แต่ขณะนี้ต้องเพิ่มความพยายามในเจ้าหน้าที่พยาบาล ให้ช่วยกันฉีดวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกาให้ได้ 1 ขวด 12 เข็ม จะช่วยให้สามารถจะประหยัดเงินได้อีกถึง 1 พันล้านบาท แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราจะ มีวัคซีนครอบคลุมประชากรมากขึ้น จากที่มีอยู่ 63 ล้านโดสก็จะเพิ่มเป็น 72 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรเพิ่มขึ้นอีก 20% ของทั่งหมด
ต่อมา นาย อนุทิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พบปะนักลงทุนสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด 19 เผยตั้งแต่มีการฉีดวัคซีนนักลงทุนมีความมั่นใจขึ้น ภาคการลงทุนเริ่มฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงให้ได้ตามเป้า 100% เน้นพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต สมุย และมาตรการลดวันกักตัว กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว เพื่อการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย วานนี้ (29 มีนาคม 2564) ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสวนาสร้างความมั่นใจนักวิเคราะห์ นักลงทุนประเด็น “มาตรการด้านสาธารณสุขต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติการณ์โควิด 19” โดยนายอนุทินกล่าวว่า ในวันนี้ได้พูดคุย ตอบคำถาม ชี้ให้เห็นทิศทางการวางแผนบริหารประเทศในช่วงสถานการณ์โควิด 19 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักวิเคราะห์และนักลงทุน โดยประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจมากคือ วัคซีนโควิด 19 และการเปิดประเทศ ได้ให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลได้สนับสนุนและพยายามจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเต็มที่ ทำให้ไทยมีวัคซีนให้กับประชาชนได้ถึง 37 ล้านคน เพียงพอสำหรับกลุ่มเสี่ยงทุกคนในประเทศที่กำหนดไว้ประมาณ 30 ล้านคน
ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่กำหนด โดยจะฉีดให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการเจ็บป่วย ที่รุนแรง และการเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 เพื่อให้ภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด เบื้องต้นจะนำร่องในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต สมุย โดยจะส่งวัคซีนของซิโนแวคล็อตใหม่จำนวน 800,000 โดส ไปยังภูเก็ต 100,000 โดส และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 50,000 โดส สร้างความปลอดภัย เรียกความเชื่อมั่นเมืองท่องเที่ยวกลับคืนมา และเตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยว
สำหรับประเด็นลดวันกักตัวนั้น ศบค. ได้มีมติลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศที่ไม่ได้มีความเสี่ยงสูงมาก ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป จาก 14 วัน เหลือ 10 วัน และผู้ที่ได้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบทั้ง 2 เข็ม จะลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำหรับการคลายล็อคการเดินทางระหว่างประเทศ เบื้องต้นจะเจราจากับประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ที่องค์การอนามัยโลกให้การยอมรับ หรือได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งจะประกาศให้ทราบต่อไป นอกจากนี้ยังมีการหารือประเด็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มแล้ว ให้เข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวในระยะต่อไป โดยต้องบริหารจัดการให้อยู่ในพื้นที่จำกัดเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย
“จากการพูดคุยกับกลุ่มนักวิเคราะห์ นักลงทุนในครั้งนี้ พบว่า ตั้งแต่ประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น ตลาดทุนไทยมีต่างชาติให้ความสนใจ คาดว่าเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการหรือเปิดประเทศได้ ปี 2565 จะเป็นปีที่ดีของตลาดลงทุนไทย” นายอนุทินกล่าว
ภูมิใจไทย แถลง ขอโทษประชาชน อนุทิน โอดตามเกมแก้รัฐธรรมนูญไม่ทัน
อนุทิน แจงปมคนสวมเสื้อ ภูมิใจไทย กลับด้านโห่ไล่ วิโรจน์ ลั่น ใครจะโง่ขนาดนั้น