วันที่ 31 มี.ค. 64 เวลา 12.40 น. ชาวบ้านพบคนเสียชีวิตอยู่ภายในรถ บริเวณริมถนนย่านโพธาราม ซ.12 ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ภายในรถมีการใช้ผ้าคลุมปิดบังไว้ ตามช่องประตูมีเทปกาวติดไว้ ก่อนที่ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เขื่อนแก้ว รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ จะรับแจ้งเหตุและรุดเข้าตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำการงัดประตูรถที่ถูกล็อกไว้ ประมาณ 20 นาที ก่อนตัดสินใจทำการทุบกระจกรถด้านหลัง เปิดประตูได้ในที่สุด พบศพนายวศุภัทร ธิยะนา หรือ หล้าแอ้ อายุ 35 ปี ชาว ต.ท่าผา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ สภาพศพเริ่มเน่าเปื่อย ภายในรถมีผ้าห่ม และหมอนพร้อมชุมเครื่องนอน
เมื่อเปิดผ้าห่มพบศพหญิงเสียชีวิต คือ น.ส.เบญจพร หรือ แหม่ม ผดุงการงาน อายุ 24 ปี ชาว ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ร่างกายพบร่องรอบบาดแผลถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดแทงทั่วร่างกายทั้ง คอ อก ท้อง ซี่โครงซ้าย และใต้ราวนมเกือบ 10 แผล
ตรวจสอบภายในรถพบกระป๋องทินเนอร์วางอยู่บนที่นอนใกล้กับศพของฝ่ายชาย พบหม้อหุงข้าวใส่ถ่านไฟ มีร่องรอยการจุดวางอยู่ที่บริเวณพักเท้าที่นั่งคนขับ พบอาวุธมีดคัดเตอร์ และมีดพกเดินป่า คาดว่าฝ่ายชายลงมือใช้อาวุธมีดก่อเหตุฆ่าฝ่ายหญิงก่อน แล้วฆ่าตัวตายตาม
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปตรวจสอบที่บริเวณห้องพักที่ผู้ตายอาศัยอยู่ เมื่อเปิดห้องเข้าไปพบว่าห้องอยู่ในสภาพเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยการรื้อค้น แต่มีการเขียนจดหมายลาตาย และได้ใช้ลิปสติกเขียนบนกระจก ในลักษณะข้อความหึงหวง
โดยระบุใจความตอนหนึ่งว่ามีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง และหากฝ่ายหญิงเมาก็จะทะเลาะกัน ที่ฝ่ายชายต้องฆ่าก็เพราะรัก ทางเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.ธันยารัตน์ วรรณบุปผา อายุ 48 ปี พี่สาวของฝ่ายชาย หลังจากเกิดเหตุได้เดินทางมาดูศพ เผยว่า ก่อนหน้านี้ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อกับนายวศุภัทร น้องชาย หลายวันแล้ว แต่โทรศัพท์ไปก็ไม่มีคนรับสาย และได้พยายามให้เพื่อน ๆ ของน้องชายโทรหาก็พบว่าโทรติด แต่ไม่มีคนรับเช่นกัน
จนกระทั่งมาทราบเรื่องในวันนี้ ที่ผ่านมานั้นตนพอทราบว่าน้องชายกับแฟนสาวมักมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้ง และทะเลาะกันแทบทุกวัน ซึ่งตนก็ทราบดีว่านิสัยของน้องชายนั้นเป็นคนขี้หึงหวง และพักหลังฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ทำงาน ตนก็มักจะได้ยินน้องชายบ่นให้ฟังอยู่เป็นประจำ เมื่อทะเลาะกับแฟนสาว แฟนสาวก็มักจะหนีกลับไปอยู่บ้าน แล้วน้องชายของตนก็จะไปตามกลับมา ประกอบกับฝ่ายหญิงนั้นก็เป็นคนหน้าตาดีมาก คบกันมาได้ประมาณ 1 ปีกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ตอนน้องชายยังไม่ได้คบกับแฟนสาว ก็อาศัยอยู่กับตน จนกระทั่งมาคบกัน ก็ย้ายมาอยู่หอพักแห่งนี้ได้ประมาณ 3-4 เดือน
ด้านนายชนะศร พักอยู่ที่ชั้น 2 ของหอพัก เล่าว่า ตนเห็นฝ่ายชายเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ตนกลับจากกินข้าว และได้ขับรถกลับมาที่หอพัก ก็พบรถของผู้ตายประมาณ 3-4 วันก่อน จอดคลุมผ้าแล้วติดเครื่องยนต์อยู่ จึงคาดว่าน่าจะหลบร้อน เพราะหอพักที่พักอยู่บางห้องก็ไม่มีแอร์ แต่ก่อนหน้านี้ขณะที่ขับรถผ่านก็ได้กลิ่นเหม็นเน่า ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรตาย กระทั่งวันนี้มาพบว่าทั้งคู่ได้จบชีวิตลงอย่างน่าสงสาร
ด้านนางสาวพลอยดาว (นามสมมติ) อายุ 20 ปี หลานสาวของนายวศุภัทร ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเจอน้าครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ก่อนวันเกิดของน้าเพียง 1 วัน เพราะน้าเกิดวันที่ 23 มี.ค. น้าได้เดินทางไปหายาย ตนเองไม่แน่ใจว่าจะเป็นลางบอกเหตุหรือไม่ แต่เห็นว่าน้าได้เอาน้ำขมิ้นส้มป่อยไปกราบเท้าขอพรยาย พร้อมบอกว่า "ใกล้จะวันเกิดแล้ว ขอพรหน่อย" ยายก็ให้พรว่า " ให้เป็นคนดี เลิกเกเร โตแล้วมีครอบครัวแล้ว"
ส่วนกับผู้หญิงคนนี้ ตนเองทราบว่าน้าคบกันมาประมาณ 1 กว่า แต่มองว่าน้าน่าจะคบกันมาก่อนหน้านี้ น้ามักพูดกับแม่ตนเองประจำว่าทะเลาะกับแฟนบ่อยมาก แต่ไม่ทราบรายละเอียด เพราะน้าไม่เคยเล่า อีกอย่างเรื่องของคนสองคน ตนเองไม่ยุ่งอยู่แล้ว และมองว่าเป็นเรื่องปกติที่แฟนทะเลาะกัน แต่เวลาที่น้าพาพาแฟนมาหา ตนเองก็ไม่เคยเห็นทะเลาะกันต่อ ดูเหมือนรักกันด้วยซ้ำ
กระทั่งวันศุกร์ที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา ตนเองก็ไม่สามารถติดต่อน้าได้ ครอบครัวพยายามติดต่อ แต่ก็ไม่ได้สงสัย ดูอาการของแม่ตนเองเป็นห่วงน้ามาก พยายามติดต่อไปทางเพื่อน แต่เมื่อทราบจากเพื่อนน้าว่ายังเจอน้า ทุกคนจึงสบายใจ ก่อนที่ช่วงบ่ายวันนี้ตำรวจโทรมา ครอบครัวก็ช็อก จึงได้เดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อยืนยันว่าเป็นน้าที่้เสียชีวิตแล้ว
นอกจากนี้ เมื่อมาเห็นจดหมายลาตาย ตนเองก็ตกใจ คิดว่าทำไมน้าจะต้องทำกันขนาดนี้ แม่ตนเองในฐานะพี่สาวน้าเสียใจมาก พูดว่า "ทำไมน้องฆ่าคนอื่น อยากตายทำไมไม่ตายคนเดียว" ตนเองก็อยากบอกน้าว่า น้าไม่ควรที่จะฆ่าคนอื่น เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ญาติฝ่ายชายเดินทางมารับศพ เพื่อกลับไปประกอบพิธีการทางศาสนาที่หมู่บ้านไร่ ต.บ้านไร่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ญาติบอกว่า เนื่องด้วยศพอยู่ในสภาพที่เสียชีวิตมาหลายวัน แม้เจ้าหน้าที่ทำการแพ็คศพซีนถุงดำอย่างดี แต่ก็มีกลิ่น จึงตัดสินใจสวดอภิธรรมศพแค่ 1 คืน และจะฌาปนกิจศพในวันศุกร์ที่ 2 เม.ย. 64
น.ส.ธันยารัตน์ พี่สาวคนตายพี่สาวของนายวศุภัทร ผู้เสียชีวิต เปิดเผยอีกครั้งว่า นับตั้งแต่น้องชายจบ ป.6 ก็แยกตัวออกจากครอบครัวไปทำมาหากิน มีช่วงหนึ่งที่น้องชายยังไม่มีแฟน ก็มาอยู่กับตนเอง จนกระทั่งมีแฟนคนนี้ น้องก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่หอพักที่เกิดเหตุ ประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นก็ต่างคนต่างทำงาน แต่มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันบ้าง และเจอกันทุกเสาร์ เวลาที่น้องชายมาส่งน้ำให้ที่บ้าน เพราะต้องชายทำงานที่ร้านขายน้ำ ส่วนผู้หญิงตนเองเคยเจอ 2 ครั้ง เป็นคนพูดจาดี หน้าตาน่ารักมาก
แต่วันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา น้องชายไม่โทรหา และโทรไปน้องก็ไม่รับสาย กระทั่งช่วงดึก จึงโทรไปหาเพื่อนของน้อง จึงทราบว่าน้องได้ไปดื่มกับเพื่อน ๆ ตนเองจึงเอะใจ กระทั่งวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ปกติตนเองจะวางเงินค่าน้ำไว้ที่โต๊ะ แต่ช่วงบ่ายเงินก็ยังอยู่ที่เดิม เพราะน้องชายไม่ได้มาหยิบไป นอกจากนี้ที่ผ่านมาน้องก็ส่งเสียเลี้ยงดูแม่ตลอด ด้วยความที่น้องเป็นคนไม่ค่อยพูดไม่บ่น แม้แต่เวลาที่น้องมีความสุข น้องก็ยังไม่เล่าให้ฟัง วันนี้ทราบข่าวก็เสียใจมาก หากน้องรับรู้ก็อยากจะถามว่า "จะทำไปทำไม ทำไมไม่คิดให้ยาว คิดให้ดี กว่าแม่จะเลี้ยงมาโตแบบนี้" แต่อีกมุมก็มองว่าทางใครทางมัน กรรมคงกำหนดน้องมาแค่นั้น
