กรณีเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 64 โลกออนไลน์ได้แชร์เรื่องราวพ่อของเด็กคนหนึ่ง โพสต์ขอความลงบนโซเชียลมีเดีย เพื่อขอช่วยเหลือว่าลูกถูกน้ำมันลวก รักษาอยู่ในโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายสูงมาก ต้องขอเปิดรับบริจาคเอาเงินมารักษา จากนั้นไม่นานมีคนแชร์โพสต์ดังกล่าว พร้อมส่งสลิปโอนเงินช่วยเหลือเข้าไปกันจำนวนมาก ด้วยความสงสารเด็ก ทำให้ยอดบริจาคในไม่กี่ชั่วโมงพุ่งไปเกือบ 2 ล้านบาท ต่อมาผู้โพสต์ได้ขอปิดรับการบริจาค พร้อมกับโพสต์ภาพใบเสร็จของค่ารักษาพยาบาลลูกที่ถูกน้ำมันลวกอยู่ที่เพียงประมาณ 200,000 บาท
ขณะเดียวกันโลกออนไลน์บางส่วนขุดโพรไฟล์ และโพสต์ในอดีตของคุณพ่อรายนี้ เชื่อว่าไม่น่าจะขัดสน ตรงกันข้ามค่อนข้างจะเป็นคนที่มีฐานะ มีทั้งบ้านหลังใหญ่ มีรถยนต์หรูอีกหลายคัน และทำธุรกิจสวนทุเรียนด้วย
วันที่ 2 เม.ย. 64 นายทศพล ผ่านคำ พ่อของน้องเจ้านาย ผู้บาดเจ็บ ผู้เปิดรับบริจาค เล่าว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 64 ตอนเช้าน้องเจ้านาย ลูกชายของตนอายุ 11 เดือน ถูกน้ำมันร้อนลวกตามบริเวณใบหน้า เวลาประมาณ 08.00 น. ตนจึงพาลูกชายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลย่านลาดพร้าว
ซึ่งตอนนั้นโรงพยาบาลบอกว่าบุคลากรทางการแพทย์ทางของโรงพยาบาลไม่เพียงพอ จึงติดต่อหาโรงพยาบาลรัฐเพื่อส่งตัวน้องเจ้านายไปรักษา ค่ารักษาเบื้องต้นในตอนนั้น 15,000 บาท ตนก็ใช้เงินของตนรักษาลูกชาย เวลา 21.00 น. ของวันที่ 30 มี.ค. ตนหาโรงพยารัฐบาลไม่ได้ ตนจึงปรึกษาคณะแพทย์หาโรงพยาบาลเอกชนที่สามารถรับน้องเจ้านายไปรักษาได้
ซึ่งตนก็ได้รับการตอบกลับจากโรงพยาบาลที่ 2 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนย่านรามคำแหง แจ้งรายละเอียดค่ารักษา จะใช้เวลาในการรัษาประมาณ 2 เดือน นอนห้องไอซียูทุกวันตลอด ค่าใช้จ่ายนอนห้องไอซียูวันละประมาณ 35,000 ถึง 40,000 บาท และในการรักษาจะมีค่าการผ่าตัดครั้งละ 70,000-90,000 บาทอีกด้วย กระทั่งตนรักษาน้องเจ้านายที่โรงพยาบาลที่ 2 ได้แค่วันเดียว แต่มีค่าใช้จ่ายรวม 265,257 บาท ตนใช้เงินตัวเองชำระทั้งหมด ทั้งนี้ ช่วงเย็นของวันที่ 31 มี.ค. ตนได้ย้ายน้องเจ้านายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชแล้ว
สำหรับตนเองเปิดรับบริจาคเมื่อวานเวลา 11.00 น. และปิดรับบริจาคเวลา 17.00 น. ปิดบัญชีรับบริจาคช่วงเวลา 08.00 น. ของวันนี้ เป็นเงินทั้งหมด 1,945,853.98 บาท
ส่วนกรณีที่โลกโซเชียลจับผิดว่าตนมีบ้านที่ค่อนข้างมีฐานะ มีรถมหรูใช้ มีการงานที่ดี โดยเปิดร้านขายล้อแม็กซ์ รวมถึงมีสวนทุเรียนเป็นของตัวเองนั้น อาชีพของตนเป็นพ่อค้าขายออนไลน์ล้อรถยนต์จริง สำหรับสวนทุเรียนก็เป็นมรดกที่พ่อแม่ตนแบ่งให้ ซึ่งตนปลูกทุเรียนได้ประมาณ 5 เดือน แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวย ตนเปิดรับบริจาค ตนไม่รับรู้ด้วยซ้ำ ว่ายอดบริจาคจะมากขนาดนี้
ที่เกิดกระแสดราม่า ตนถือว่าคนเราสามารถคิดไม่เหมือนกัน แต่ตนก็พร้อมที่จะชี้แจงกับสังคมที่เกิดความสงสัย ตนยินดีที่จะให้ดูรายละเอียดทุกอย่างว่าเงินที่ได้มาตนเอาไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ตนก็ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือน้องเจ้านาย หลังเกิดกระแสดราม่าได้มีผู้ที่บริจาคเงินให้ตนบางราย ทักข้อความมาขอเงินคืน ซึ่งตนก็ได้ทยอยโอนให้บ้างแล้ว ขอยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นคนร่ำรวย ตนทำงานคนเดียวเลี้ยงครอบครัว ภรรยาตนไม่ได้ทำงาน ตนเพิ่งมีรถยนต์ขับได้ประมาณ 3 ปีที่แล้ว ส่วนเงินบริจาค ตนยังไม่ได้นำมาใช้แม้แต่บาทเดียว
กรณีที่เพื่อนของตนมาคอมเมนต์ในโพสต์ ๆ หนึ่งว่า "ผ่านได้ไง บัญชีเป็นแสนๆ" แล้วตนตอบคอมเมนต์กับเพื่อนในเฟชบุ๊กว่า "คนตรวจสอบมันโง่ไง" นั้น ข้อความดังกล่าวเป็นการแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนในโพสต์ที่มีการระบุถึงสวัสดิการรัฐฯ ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการเปิดรับบริจาค
ส่วนที่มีชาวเน็ตจับผิดโพสต์เฟชบุ๊กของตน มีโพสต์ที่เกี่ยวกับการเล่นการพนันนั้น ตนแค่การโพสต์เล่นขำ ๆ กับเพื่อนเท่านั้น ส่วนตัวไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน