คดีพลิก! หนุ่มตายคารถทองหาย ถูกผอ.สาวใหญ่เอาไปขาย เจอภาพลับกรนจนช็อก (คลิป)

2 เม.ย. 64

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประทาย จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุพบร่างของนายณรงค์ ปักกาโร อายุ 54 ปี เจ้าหน้าที่สหกรณ์การเกษตรอำเภอชุมพวง จ.นครราชสีมา นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่ภายในรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ บริเวณรั้วหน้าที่ว่าการ อ.ประทาย

546832

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 จุดอ.ประทาย ตรวจสอบพบว่าลำคอเขียวช้ำ คล้ายถูกรัด อีกทั้งทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตหายไป สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น และแหวนทองคำหนัก 1 บาท 1 วง ภายหลังได้มีการสรุปคดีชี้แจงแล้วว่า ผู้ตายเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว ความดันกำเริบ ทำให้หายใจไม่ออก กล้ามเนื้อเกิดการบิดเกร็ง ส่วนทรัพย์สินที่สูญหายพบว่าผู้ตายนำไปให้หญิงสาวคนสนิทด้วยความเสน่หา แต่ญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิตนั้น

518478

ต่อมาวันที่ 1 เม.ย. 64 นายสรวง ปกาโร อายุ 97 ปี ได้เดินทางไปยังกองปราบปราม พร้อมทนายรณณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อยื่นเรื่องต่อ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม โดยขอให้กองปราบปรามเข้าดำเนินการและคลี่คลายคดีถึงสาเหตุการตายที่แท้จริง

674426

เจ้าหน้าที่กู้ภัยผู้เข้าไปเก็บกู้ศพเป็นคนแรก ให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งในเวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เดินทางไปจุดพบศพพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน้าต่างฝั่งข้างคนขับ ถูกเปิดลดลงประมาณ 5 เซนติเมตร อีกทั้งประตูยังไม่ได้ล็อก สภาพศพพบว่านอนคว่ำหน้าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง คอด้านหน้าพบเป็นรอยช้ำคล้ายรอยสร้อย

192957

นายวิชาญ แย้มศรี อายุ 72 ปี พี่เขยผู้ตาย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ผู้ตายเสียชีวิต พ่อของผู้ตายอายุ 97 ปี ตรอมใจและรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ อีกทั้งก่อนหน้าที่ผู้ตายจะเสียชีวิต 1 สัปดาห์ พ่อของผู้ตายก็เพิ่งสูญเสียลูกเขยไป 1 คน ตอนนี้ทางครอบครัวมีข้อสงสัยหลายข้อ ได้แก่ ขณะตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยพาศพออกไป ทั้งที่แพทย์ยังไม่ได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น ส่วนผู้หญิงที่เป็น ผอ. ที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้าย หากรู้ว่าผู้ตายบ่นว่าเพลียหรือมีอาการป่วย ทำไมถึงไม่พาผู้ตายไปโรงพยาบาล หรือฝ่ายหญิงต้องการให้ผู้ตายเสียชีวิตแล้วปลดสร้อยทองกับแหวนไป

281016

อีกทั้งสร้อยทองและแหวนทองที่อ้างว่าผู้ต้องถอดให้ด้วยความเสน่หา แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีหลักฐานว่าผู้หญิงนำไปจำนำที่ไหนเวลาใด แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชื่อ เนื่องจากผู้ตายรักและหวงสร้อยทองและแหวนทองนี้มาก สร้อยทองนั้นมีพระพุทธชินราชเลี่ยมทองติดอยู่ด้วย เวลาคนจะถอดสร้อยให้ใครไปจำนำ คงไม่มีใครยกพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ร้านจำนำด้วย คำถามคือขณะนี้พระอยู่ที่ไหน ยังอยู่ที่ร้านจำนำหรือไม่ ตนเชื่อว่าผู้ตายคงไม่ทำร้ายจิตใจภรรยาด้วยการยกทองที่ภรรยาซื้อให้ให้กับคนอื่น

ทั้งนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกเพียงภรรยาผู้ตายไปพูดคุยกับผู้หญิงต้องสงสัยแค่ 2 คน มีข้อตกลงกันว่าผู้หญิงจะชดใช้เงิน 200,000 บาท ให้เพื่อที่ภรรยาผู้ตายจะได้นำไปไถ่สร้อยและแหวนทองคืน ทั้งที่ครอบครัวผู้ตายก็ยังคงติดใจกับการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยเปิดเผยหลักฐานให้ทุกคนในครอบครัวได้ทราบ

ขณะนี้พ่อผู้ตายได้เดินทางไปร้องเรียนต่อกองปราบปราม ตนก็อยากจะให้กองปราบปรามช่วยชี้แจงครอบครัวผู้ตายทีละประเด็นอย่างแจ่มแจ้ง เพื่อที่คนในครอบครัวทุกคนจะได้สบายใจ ตนอยากรู้เจตนาของฝ่ายหญิงว่าทำไมจึงไม่พาผู้ตายไปโรงพยาบาล โดยเป็นไปได้หรือไม่ว่าครอบครัวอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาแก่ฝ่ายหญิงที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายว่าปล่อยปละละเลย ไม่มีน้ำใจให้ความช่วยเหลือผู้ตาย

710171174740

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประทาย ยืนยันผลการสรุปคดีว่าเป็นการเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว ผลการชันสูตรพลิกศพจากโรงพยาบาลตำรวจ แจ้งว่าระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย รอยช้ำคล้ายรอยสร้อยบริเวณคอด้านหน้าของผู้ตาย เกิดจากการที่ผู้ตายนอนคว่ำหน้าในลักษณะคอพับ จึงทำให้เกิดรอยย่น เมื่อศพเข้าสู่สภาวะโลหิตตกลงสู่ที่ต่ำ คอจึงเกิดรอยช้ำ

อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีหลักฐานเป็นเสียงบันทึกจากกล้องหน้ารถของผู้ตาย ซึ่งบันทึกเสียงนอนกรนของผู้ตายได้ตลอดระยะเวลาการนอนอยู่ในรถ ส่วนผลการตรวจสารพิษในกระเพาะอาหาร ยังคงต้องรอผลจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 38 วันหลังจากนี้

803254

โดยสรุปเหตุการณ์ทั้งหมดคือ ผู้ตายคบหากับหญิงสาวคนสนิท ที่ไม่ใช่ภรรยามาได้นานกว่า 2 ปี รู้จักกันผ่านที่ทำงานของผู้ตาย ฝ่ายหญิงได้เข้ามาทำการฝากเงินเป็นประจำ ทำให้ทั้งคู่รู้จักกัน มีความสนิทกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ได้ทำการนัดเจอกันบ่อยครั้ง บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อพากันไปทำกิจกรรมส่วนตัว ผู้ตายได้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ฝ่ายหญิงมาโดยตลอด

วันที่ 1 ก.พ. 64 ทั้งคู่ได้นัดเจอกันในช่วงเวลา 12.00 น. ต่างฝ่ายต่างขับรถมาจอด ฝ่ายหญิงได้ขึ้นรถของผู้ตายออกไปที่สถานที่หนึ่ง ผู้ตายได้ถอดสร้อยและแหวนให้กับฝ่ายหญิง เนื่องจากฝ่ายหญิงมีปัญหาเกี่ยวกับการเงิน มีค่าใช้จ่ายรายเดือนจำนวนมาก

400610

เวลา 14.00 น. ฝ่ายหญิงได้ขับรถฟอร์จูนเนอร์ของผู้ตายกลับมายังจุดเกิดเหตุ ผู้ตายบอกว่าจะขอนอนพัก เนื่องจากรู้สึกอ่อนเพลีย เวลา 15.00 น. ฝ่ายหญิงได้ขับรถยนต์ของตัวเองออกจากจุดเกิดเหตุ เดินทางไปยัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เวลา 17.00 น. ฝ่ายหญิงได้นำสร้อยทองและแหวนทองไปจำนำ นำเงินส่วนหนึ่งไปไถ่ถอนโทรศัพท์มือถือที่เคยจำนำไว้ก่อนหน้านี้ สร้อยทองหนัก 5 บาท จำนำในราคา 124,965 บาท แหวนทองหนัก 1 บาท จำนำในราคา 24,633 บาท รวมมูลค่า 149,598 บาท

133639

จากนั้น 18.00 น. ฝ่ายหญิงเดินทางกลับ จ.นครราชสีมา เวลา 19.00 น. ฝ่ายหญิงพบเห็นรถผู้ตายยังคงจอดอยู่ที่เดิม จึงเข้าไปทักผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่ตอบ เพียงโบกมือส่งสัญญาณบอกให้กลับ

จากนั้นในวันที่ 2 ก.พ. 64 เวลาประมาณ 14.00 น. มีคนพบว่าผู้ตายเสียชีวิตอยู่ภายในรถ คาดการณ์เวลาเสียชีวิต อยู่ในช่วงเวลาระหว่างหลังจากเวลา 19.00 น. ของวันที่ 1 ก.พ. ไปจนถึงเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 2 ก.พ.

โดยวันที่ 4 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวฝ่ายหญิงให้เข้ามาพบกับภรรายาผู้ตาย เพื่อตกลงเกี่ยวกับการคืนเงิน ซึ่งฝ่ายหญิงได้แสดงความเสียใจและแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการจะคืนเงินจำนวน 200,000 บาท จะทยอยคืนให้ในเวลา 2 เดือน ส่วนเงินที่ผู้ตายได้ให้ฝ่ายหญิงด้วยความเสน่หาก่อนหน้านี้ ภรรยาผู้ตายไม่ขอคืนแต่อย่างใด

advertisement

ข่าวยอดนิยม