2 กู้ภัยเผยนาทีรอดตายระทึกยิ่งกว่าหนัง หมอสั่งระวังหลังแผลติดเชื้อทำโคม่า เมียแจงไม่เลือกข้างช่วยคน (คลิป)

จากเหตุการณ์ไฟไหม้ในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งเจ้าของคือ เอ มินเนี่ยน หรือ นายอดิสรณ์ โสภา แต่หลังจากเพลิงสงบลง จู่ ๆ อาคารได้พังถล่มลงมาทับอาสาสมัครกู้ภัยเสียชีวิต 4 ราย และคนในบ้าน 1 ราย รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

ล่าสุดวันที่ 5 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่ รพ.หัวเฉียว ซึ่งเป็นโรงพยาบาลพักรักษาตัวของ นายอิทธิพล ประสงค์ทรัพย์ หรือ แอม อายุ 33 ปี อาสากู้ภัยเขตบางรัก (บางรัก 4480) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 

น.ส.อิสรินทร์ ประสงค์ทรัพย์ หรือ อ้อ อายุ 32 ปี น้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ล่าสุดได้รับการผ่าตัดบริเวณมือซ้าย ซึ่งกระดูกแตกละเอียดหลังจากถูกอิฐปูนทับ โดยแพทย์ได้มีการผ่าตัดเพื่อเย็บแผล และได้ใช้เหล็กดามด้านใน ขณะที่นิ้วโป้งมือขวา ได้รับการผ่าตัดต่อเส้นเอ็นแล้ว ตอนนี้อาการปลอดภัยและสามารถสื่อสารอะไรได้ปกติ เพียงแต่ต้องอยู่ภายในห้องปลอดเชื้อ และย้ายออกจากห้องไอชียูมาพักรักษาตัวห้องปกติแล้ว

ส่วนขาทั้ง 2 ข้างยังเป็นแผลรอยพุพองจากความร้อนของตัวตึกที่ทับโดนขา พยาบาลได้ทำแผลและทำความสะอาด แต่ไม่ได้นำน้ำใส ๆ ออก เพราะจะต้องให้แตกและไหลออกมาเอง จึงต้องมีการดูแลแผลไม่ให้ติดเชื้อ เพราะเป็นแผลจากรอยไหม้และเป็นแผลสด

โดยตนได้พูดคุยกับพี่ชาย เจ้าตัวเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ในวันเกิดเหตุไม่คาดคิดว่าอาคารจะถล่มลงมา โดยจังหวะนั้นไม่มีเสียงเตือน ได้ยินแต่เสียงตะโกนจากเพื่อนสมาชิกกู้ภัยตะโกนมาจากด้านนอกว่า “ให้ระวัง และถอนกำลังออกมา” แต่ก็ฟังไม่ทันหมดประโยค ตัวอาคารก็ทรุดและถล่มลงมาโดยทันที ตอนนั้นได้ยินเสียงของนายต้น “โอ๊ย” แค่เพียงคำเดียวสั้น ๆ ทุกอย่างก็เงียบและนิ่งไป

กระทั่งมารู้ข่าวอีกทีว่านายต้นเสียชีวิต โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าพี่ชายจะเป็นเพียงคนที่รอด แต่ก็ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะทุกคนมีใจอาสา ทำงานเพื่อคนอื่น ดังนั้นไม่ว่าจะรอดหรือไม่รอด ก็ไม่อยากให้มีความรู้สึกว่าโชคดีหรือโชคร้าย เพราะทุกอย่างมันคือหน้าที่ของคำว่า “อาสา”

โดยเหตุผลที่ทำให้รอดชีวิต เป็นเพราะว่าถังออกซิเจนที่แบกเอาไว้ด้านหลัง เป็นตัวรับแรงกระแทกอิฐหินที่ถล่มลงมา ประกอบกับหมวกนิรภัยที่สวมใส่ สามารถรับแรงกระแทกจากก้อนหินได้ แต่บริเวณมือและขา 2 ข้างไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน จึงทำให้ถูกทับได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ขาทั้ง 2 ข้าง ราบไปกับพื้นเจอความร้อนของพื้นและผนังปูน ทำให้เกิดเป็นรอยพุพอง

นอกจากนี้ น.ส.อิสรินทร์ กล่าวฝากถึงผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการทำงานของผู้ภัยในเชิงที่ไม่เหมาะสม ว่า ทุกคนมีใจทำงานเป็นจิตอาสา โดยเฉพาะนายอิทธิพล ซึ่งทำงานจิตอาสามาตั้งแต่เด็ก รวมแล้วระยะเวลากว่า 15 ปี ไม่เคยหวังประโยชน์ส่วนตัว ทำงานทุ่มเทเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด รวมถึงการเป็นจิตอาสาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางการเมือง ขอให้บุคคลที่ออกมาโพสต์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากเป็นไปได้ก็เลิกโพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นที่กระทบต่อความรู้สึกของญาติ ๆ เพราะคนเหล่านี้ทำงานเพื่อจิตอาสาอย่างแท้จริง แต่ก็ยอมรับว่า ไม่สามารถมีใครห้ามความคิด หรือการแสดงความคิดเห็นของใครได้ เพียงแต่อยากให้อยู่ในขอบเขต และเข้าใจความรู้สึกของคนที่สูญเสีย หรือได้รับบาดเจ็บ

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ยังได้เดินทางไปที่ รพ.วิชัยเวช หนองแขม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่พักรักษาตัวของนายสุรศักดิ์ เปลี่ยนกลัด หรือ เค อาสากู้ภัยนคร ธน.27-35

น.ส.ยุ้ย แฟนสาวของนายสุรศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการแฟนหนุ่มดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะเรื่องของบาดแผลที่ได้รับจากเหตุอาคารถล่ม ซึ่งขาทั้งสองข้างโดยเฉพาะบริเวณเท้า ตอนนี้รอยพุพองได้ลดลงแล้ว แต่ยังคงเป็นแผลสด ซึ่งต้องอยู่ภายในห้องปลอดเชื้อ ขณะที่มือฝั่งขวามีอาการบวม เพราะถูกหินปูนถล่มทับ

แต่อาการที่น่าเป็นห่วง คือ ค่าของมวลร่างกาย ที่ตรวจล่าสุดพบว่าอยู่ที่ 28,000 ซึ่งเมื่อวานนี้สูงถึง 38,000 โดยสถิติของคนปกติจะอยู่ไม่เกิน 250 ดังนั้น จึงจะส่งผลกระทบต่อไต ที่อาจจะเกิดอาการไตวายฉับพลัน ดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมภายในห้องไอซียู แต่จะให้เฉพาะแฟนและญาติเท่านั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงอาการแทรกซ้อน

โดยตนได้พูดคุยกับแฟนหนุ่ม เขาเล่าให้ฟังว่า เมื่อไปถึงหน้างานก็ได้ช่วยกันประสานให้ทีมกู้ภัย และรถดับเพลิงเข้ามายังที่เกิดเหตุ กระทั่งทุกทีมมาถึงได้ช่วยกันระดมดับเพลิง พร้อมทั้งเข้าไปช่วยเหลือคนที่ติดค้างอยู่ภายในอาคาร ทุกคนได้มีการสวมหมวกนิรภัย สวมใส่ชุดป้องกันเพลิง และมีถังออกซิเจนติดตัวไปด้วย แต่ในตอนนั้นนายเค มีเพียงแค่หมวกและชุดกันเพลิง แต่ไม่มีถังออกซิเจน

ทั้งนี้เมื่อแฟนหนุ่มถูกทับ บริเวณจุดดังกล่าวมองเห็นเป็นลักษณะเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ซึ่งต้องขดตัวอยู่ภายในนั้น ขยับตัวไม่ได้ โชคดีที่ตัวของนายเคเป็นคนตัวเล็ก หากเป็นคนตัวใหญ่ก็คงจะไม่รอดชีวิต โดยนายเคต้องหดตัวลักษณะพับเพียบอยู่ด้านในนานกว่า 3 ชั่วโมง ได้ยินเสียงคนตะโกน "มีใครอยู่ไหม ใครอยู่แถวนี้ไหม" ซึ่งนายเคพยายามตะโกนตอบกลับว่า “ฉันอยู่นี่ ๆ” ในจังหวะนั้นความร้อนของไฟไหม้ ก็เริ่มระอุเข้ามาภายในช่องที่ขดตัว ทำให้ค่อนข้างเป็นอุปสรรคต่อการรอความช่วยเหลือ

แต่ก็ยังมีความโชคดีที่ด้านนอกมีการฉีดน้ำเลี้ยงเข้ามาตลอด ทำให้ความร้อนหายไป ประกอบกับน้ำที่ไหลมาตามซอกหินปูนไหลใกล้ปาก นายเคก็ต้องลองเอาน้ำดังกล่าวมากินประทังชีวิต ดังนั้นไม่ว่าน้ำอะไรไหลลงมาก็ต้องกรองเอามากินให้หมด ความรู้สึกที่ติดอยู่ข้างในนั้น คิดอย่างเดียวว่าจะรอดหรือไม่รอด กว่าจะมีคนเข้ามาถึงตัวก็แทบจะหมดลมหายใจ

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มนักเลงคีย์บอร์ด หรือกลุ่มที่แสดงความเห็นต่าง โพสต์ลักษณะทำนองเปรียบเทียบและแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการทำงาน ในฐานะอาสากู้ภัย “คนเราถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้” และส่วนตัวก็ไม่รู้จะพูดถึงคนเหล่านั้นทำไม และไม่มีอะไรฝากบอก แต่การช่วยเหลือและความเป็นอาสา ไม่เคยเลือกข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และไม่เกี่ยวข้องทางการเมือง “ต่อให้เราไม่ชอบใคร เราก็ต้องช่วย เพราะเรามีใจเป็นอาสา”

ขณะเดียวกัน ที่รพ.วิชัยเวช หนองแขม กรุงเทพมหานคร ทีมข่าวทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายวีรพล ทองศิริ หรือหมู อายุ 26 ปี อาสากู้ภัยที่ประสบเหตุขณะตึกถล่ม แต่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากตัวอาคาร ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมารักษาที่ รพ.วิชัยเวช หลังจากเข้ารับการรักษาที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

นายวีรพล เปิดเผยว่า ตนยังรู้สึกปวดบริเวณด้านหลัง ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุว่าได้รับบาดเจ็บบริเวณส่วนใด จึงขอทำเรื่องย้ายโรงพยาบาล และเอกซเรย์ที่ รพ.วิชัยเวช หนองแขม เพราะเป็นโรงพยาบาลใกล้บ้าน ส่วนบาดแผลบริเวณขาทั้ง 2 ข้างที่เกิดจากรอยพุพองของความร้อน ตอนนี้อาการบาดแผลดีขึ้น แต่ก็ยังต้องใช้ผ้าสำหรับพันแผลปิดเอาไว้กลัวติดเชื้อ แต่บริเวณใต้ตาขวาและจมูก เป็นแผลเล็กน้อย

ในตอนนั้นวินาทีอาคารถล่ม ตนได้เข้าไปพร้อมกับนายสุรศักดิ์ เปลี่ยนกลัด หรือ เค ตนสวมหมวกและชุด แต่ไม่มีถังออกซิเจน เข้าไปเพื่อสำรวจพร้อมกับนายเค จากนั้นเมื่อพบว่าคนที่เจ้าของบ้านตามหา เสียชีวิตอยู่ด้านใน จึงตัดสินใจที่จะย้อนกลับมาเพื่อแจ้งข่าว และในระหว่างที่เดินออกมา ก็ได้ช่วยทีมกู้ภัย เก็บสายดับเพลิงออกจากตัวตึก แต่ในจังหวะที่กำลังช่วยเก็บสายดับเพลิงออกจากตัวอาคาร ไม่ได้ยินเสียงลั่นหรือสัญญาณเตือน 3 ครั้ง ตามที่มีคนออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ แต่ตนได้ยินเสียงเพียงแค่ 1 ครั้ง จากนั้นตัวอาคารก็ทรุดตัวลง วินาทีนั้นมองไปรอบตัวมีแต่ความมืด แต่ได้ยินเสียงของนายเค ซึ่งติดอยู่ในซากหินปูนไม่ไกลจากตน ยังสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสตัวของนายเคได้ ซึ่งตนก็สื่อสารพูดคุยกับนายเคเป็นระยะ แต่ตอนนั้นค่อนข้างขาดสติ เหมือนคนสติหลุด โชคดีที่มีนายเคคอยช่วยให้กำลังใจ พร้อมกับเรียกสติกลับคืนมา

ทั้งนี้ตนรู้เพียงอย่างเดียวว่า มีหินปูนทับอยู่บริเวณหมวกที่สวมใส่ บริเวณส่วนขาถูกทับ และมีความร้อนเกิดขึ้นทั่วร่างกาย ตนพยายามขยับร่างกายทีละส่วน แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บ แต่ก็พยายามจะดิ้น เพื่อให้หลุดออกจากแรงกดทับของหินปูน กระทั่งมีเพื่อนอาสากู้ภัยพยายามค้นหาคนที่รอดชีวิต ตะโกนว่า “มีใครอยู่ไหม มีใครรอดไหม” ตนจึงได้ตะโกนว่า “มี 2 คน ผมหมู และเค รอด อยู่ตรงนี้” แต่ด้วยหินที่ถล่มลงมาทับค่อนข้างหนา จึงทำให้เสียงดังออกไปข้างนอกแต่ไม่รู้พิกัด

ทีมกู้ภัยที่อยู่ข้างนอกพยายามใช้เครื่องตัดถ่าง และตัดเหล็กพร้อมทั้งเปิดแผ่นปูนออกทีละชั้น ซึ่งตนเริ่มมองเห็นแสงสว่าง พร้อมกับใช้ไฟฉายที่อยู่บนหัว ค่อย ๆ คลานออกไปตามแสงสว่าง กระทั่งกลับขึ้นไปถึงด้านบนได้ แต่ตัวของนายเค ซึ่งติดอยู่ข้างล่าง ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ เพราะนายเค ติดอยู่ในลักษณะเป็นโพรงขนาดเท่าตัวคน ตนจึงขึ้นไปถึงด้านบนแต่ยังไม่รับการรักษาโดยทันที ตนไปขอสายดับเพลิงจากเพื่อนอาสา เพื่อฉีดน้ำลงมาภายในโพรงที่ตนคลานออกมา ฉีดน้ำลงมาเลี้ยงเพื่อให้โดนตัวของนายเค เพราะอย่างน้อยก็เป็นการช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ด้านล่าง

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มนักเลงคีย์บอร์ด หรือกลุ่มที่แสดงความเห็นต่าง โพสต์ลักษณะทำนองเปรียบเทียบและแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการทำงานของอาสากู้ภัย นายวีรพล กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าเจตนาของคนเหล่านั้นต้องการอะไร ตนห้ามความคิดใครไม่ได้ และไม่ได้รู้สึกโกรธ เพราะเข้าใจว่าทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งล่าสุดก็ได้ติดตามข่าว ทราบว่าคนเหล่านั้นก็ถูกปลดออกจากบริษัท ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ หรือคำพูดที่มีการพูดออกไป