เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีพระธุดงค์เข้าไปปักกลดภายในถ้ำ ซึ่งอยู่ภายในป่าลึกเขตพื้นถ้ำเขาพระงาม อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และเส้นทางเข้าออกถูกน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมเส้นทางเข้าออกมานานกว่า 3 วัน ชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่ และประสานทีมกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพร้อมเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
โดยพระอาจารย์มนัส อายุ 46 ปี เข้าไปปักกรดในถ้ำ แล้วเกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำท้วมทางเข้าถ้ำสูงหลายเมตร ไม่สามารถออกมาจากถ้ำได้ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 64 ติดอยู่ถ้ำเขาพระงาม และอดอาหารมาหลายวันแล้ว
ล่าสุด วันที่ 6 เม.ย. 64 นายปารเมศ แสงสว่าง นายอำเภอเนินมะปราง พร้อมด้วยหน่วยพิทักษ์อุทยาน ทุ่งแสลงหลวง ตำรวจ สภ.เนิยมะปราง ผู้ใหญ่บ้าน ปภ.จังหงัด หน่วยกู้ภัยอุทยานแห่งชาติ อบต.เนินมะปราง ได้ลงพื่นที่เพื่อเตรียมการช่วยเหลือพระมนัส
เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายงานนายอำเถอขอยกเลิกภารกิจ เนื่องจากน้ำไหลแรง ยุติการช่วยเหลืออกไปก่อน และขอรับการสนับสนุนจากนักประดาน้ำ กู้ภัยผู้เชี่ยวชาญจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และฮุก 31 ที่เคยปฏิบัติการร่วมช่วยเหลือที่ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย มาร่วมช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน ปภ.เขต 9 พิษณุโลก ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำเ ตรียมจะใช้แผนสูบน้ำออกจากถ้ำเพื่อลดระดับน้ำ และหาหนทางช่วยเหลือพระมนัสให้เร็วที่สุด แต่ในพื้นที่กำลังมีฝนตกหนักจึงเป็นอุปสรรค ทำให้ระดับเพิ่มขึ้นเป็นระยะ
เวลาประมาณ 19.00 น. กองอำนวยการช่วยเหลือพระสงฆ์ติดถ้ำพระไทรงาม ได้เร่งดำเนินการวางแผนเพื่อหาวิธีช่วยเหลือ โดยในช่วงนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอุทยาน และหน่วยกู้ภัยพิษณุโลก และทหารจากกองพลพัฒนาที่ 4 กองทัพภาคที่ 3 ส่งชุดเข้าไปสำรวจพื้นที่ภายในถ้ำอย่างละเอียด เพื่อเป็นข้อมูลให้นักดำน้ำกู้ภัยผู้เชี่ยวชาญได้ใช้ในการวางแผนช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย
และล่าสุด พล.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ทวีทรัพย์ ผบ.กองพลพัฒนาที่ 3 ได้นำเอากำลังและเครื่องมือมาสนับสนุน และร่วมวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือพระมนัสในครั้งนี้ด้วย
ล่าสุดที่กองอำนวยการพร้อมทีม ปภ.เจ้าหน้าที่กู้ภัย วางแผนการเข้าช่วยเหลือ โดยได้ถอนทีมสำรวจจากในถ้ำออกมาแล้ว คาดว่าจุดที่พระอยู่ในถ้ำห่างจากปากถ้ำไม่เกิน 600 เมตร โดยห่างจากปากถ้ำ 400 เมตร จะเจอกับหินย้อยลงมา ซึ่งมีน้ำท่วมลึกประมาณ 4 เมตร ระยะทาง 150 เมตร จึงจะเจอโถงสุดท้ายที่พระอยู่ คาดว่าพระห่างจากจุดหินย้อยประมาณ 200 เมตร
ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ถ้ำด้านในลักษณะค่อนข้างซับซ้อน ไม่เคยมีใครเข้าไปจนสุดทาง จึงไม่มั่นใจว่าพระมนัสท่านจะสามารถทะลุออกทางอื่นได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่น เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ พระภิกษุสงฆ์เสียชีวิตภายในถ้ำ ขณะที่มาปฏิบัติธรรม แต่เป็นลักษณะเป็นลมเสียชีวิต
นายวิทยา ม่วงสุข หัวหน้าจุดกู้ภัยบรรเทาสาธารณภัย ประสาทบุญสถาน เปิดเผยว่า เมื่อลงพื้นที่ได้เริ่มทำการสำรวจทันที และ เวลา 16.00 น. ได้ส่งทีมดำน้ำเข้าไปสำรวจ ลักษณะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่เดินไป 500 เมตร เจอน้ำไหลซึ่งอุปสรรคคือหินย้อยลงมาปิดทางน้ำ ส่วนสภาพอากาศหายใจได้ปกติ แต่ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งช่วงที่เดินได้ระดับน้ำประมาณเอว จุดที่น้ำท่วมมีแค่บริเวณแอ่งกระทะ ความกว้างประมาณ 5 เมตร
สาเหตุที่ต้องยุติเพราะน้ำเปลี่ยนสี หมายถึงมีฝนตกลงมาทางเหนือ ทำให้น้ำไหลหลาก ตอนนี้ส่งทีมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และกู้ภัยพิษณุโลก เข้าไปวางไกด์ไลน์ สำหรับเดินทางเข้าไปในที่เกิดเหตุแล้ว
ส่วนที่พักสงฆ์ใกล้กับเขาพระงาม อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก พระพิโมกข์ ปภัสสโร หัวหน้าที่พักสงฆ์ เปิดเผยว่า พระมนัสมาจาก จ.นครสวรรค์ และมาภาวนาที่นี่ตั้งแต่ช่วงเข้าพรรษา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 64 ได้เดินทางไปภาวนาพร้อมพระสงฆ์อีกรูปหนึ่ง โดยมีเสบียง เป็นกรูโคส เกลือแร่ น้ำ อาหารแห้ง เพียงพอสำหรับ 3 วัน เนื่องจากตั้งใจจะไปภาวนาด้วยกัน 3 วัน ซึ่งวันที่ 4 เม.ย. จะต้องออกมาจากถ้ำ แต่ฝนตกขึ้นเสียก่อน ทำให้น้ำท่วมบริเวณคอห่านของถ้ำ ขณะนั้นพระนัดภาวนาอยู่ด้านในถ้ำ ส่วนพระอีกรูปภาวนาอยู่ด้านนอก จึงไม่ได้ติดถ้ำ
หลังจากที่ทราบว่าติดถ้ำได้ซื้อเครื่องสูบน้ำมาช่วยกันสูบน้ำที่ท่วมบริเวณคอห่านถึง 3 วัน แต่ไม่เป็นผล วันนี้ญาติโยมเลยช่วยประสานกู้ภัยให้ ปกติแล้วจะมีพระมาภาวนาที่ที่พักสงฆ์เป็นประจำ และจะเข้าไปภาวนาในถ้ำด้วย แต่ช่วงหน้าแล้ง มักจะไม่มีฝนตกอยู่แล้ว แต่ปีนี้ต่างจากทุกปี สาเหตุที่เข้าไปภาวนาข้างใน เพราะเชื่อว่าอาจจะมีโอกาสได้เห็นอภินิหารบางอย่าง เช่นเห็นพญานาค เหล็กไหล
สภาพบรรยากาศภายในถ้ำมีแอ่งน้ำจำนวนหลายจุด และมีหินย้อย หรือที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น "เหล็กไหล" เรื่องของเหล็กไหล มีประวัติมาอย่างยาวนาน เป็นความเชื่อที่มีคู่อยู่กับคนไทย ส่วนเรื่องเมืองลับแล บางคนก็เคยเห็นสิ่งแปลก ๆ เช่น ขณะที่ยืนอยู่กลางถ้ำได้ยินเสียงไก่ และเสียงคนไล่วัว นอกจากนี้ เรื่องคนหายเข้าไปในถ้ำอย่างลึกลับมีเป็นประจำ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และลักษณะการหายตัวจะคล้าย ๆ กัน ส่วนตัวไม่เคยเจอสิ่งเหนือธรรมชาติ
เวลา 21.00 น. ทีมข่าวสำรวจพื้นที่ จุดแรกห่างปากถ้ำ 110 เมตร เป็นจุดที่พบธารน้ำไหลผ่าน น้ำไหลแรงระดับน้ำอยู่ที่ประมาณข้อเท้า ทีมสำรวจจากศูนย์กู้ภัยอุทยานแห่งชาติที่ 2 นำเชือกเข้ามาวัดระยะทางจากปากถ้ำ เพื่อวางแผนการเข้าช่วยเหลือ
นายปรีชา เชื้อสายมาก ศูนย์กู้ภัยอุทยานแห่งชาติที่ 2 ระบุว่า ต้องใช้เชือกเข้าไปวัดระยะทาง และดูระดับน้ำเพื่อวางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่เดินต่อเข้าไปด้านในจุดที่ 2 ระยะห่างประมาณ 200 เมตร พบว่าระดับน้ำเริ่มลึกขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตร
จากจุดนี้เจ้าหน้าที่ระบุว่าต้องเดินออกไปประมาณ 150 เมตร จะเจอทางเข้าปากถ้ำจุดที่คาดว่าพระอยู่ด้านในแต่น้ำท่วม ไม่สามารถเข้าไปได้ ต้องใช้เจ้าหน้าที่ประดาน้ำ พร้อมเครื่องออกซิเจนดำลงไปสำรวจ และระดับยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากฝนตกและน้ำป่าที่ไหลมาสะสมกัน
นอกจากนี้ มีคลิปวิดีโอสำรวจถ้ำขณะที่ยังแห้งอยู่ จากช่องยูทูบ "ลุงยุทธ พาเที่ยว" พบว่าบริเวณในถ้ำมีอากาศเย็น และเดินไปเข้าไปได้อย่างง่ายเมื่อไม่มีน้ำ
ขณะที่ ช่องยูทูบ "MGR Online VDO" เผยแพร่เหตุการณ์ที่เคยมีฤๅษีมานั่งภายในถ้ำดังกล่าว สวดคาถาตามความเชื่อเกี่ยวกับพิธีศักดิ์สิทธิ์ และเหล็กไหล หินงอกหินย้อนสีดำ โดยภายในถ้ำไม่มีน้ำท่วมขัง