หลังจากพระสงฆ์ที่ธุดงค์เข้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานภายในถ้ำพระไทรงาม หมู่ 8 บ้านดงงูใหม่ ต.เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 64 ที่ผ่านมา ติดอยู่ภายในถ้ำเนื่องจากมีน้ำป่าท่วมบริเวณปากถ้ำ-ภายในถ้ำนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ระดมคนครึ่งพันช่วยพระธุดงค์ติดถ้ำ สื่อบุกจุดวิกฤตน้ำป่าทะลักปิดทางออก
ล่าสุด วันที่ 7 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 11.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือพระมนัส พระธุดงค์ที่ติดอยู่ในถ้ำ ออกมาจากในถ้ำได้สำเร็จ ขณะที่ช่องยูทูบ "MGR Online VDO" มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ที่เคยมีพระและฤๅษีมานั่งภายในถ้ำดังกล่าว สวดคาถาตามความเชื่อเกี่ยวกับพิธีศักดิ์สิทธิ์ และเหล็กไหล หินงอกหินย้อนสีดำนั้น
ขณะที่ นายสุข บางดง หรือ ปู่ธูป อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นฤๅษีที่เคยเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมกับหลวงตาหลอด เปิดเผยว่า ส่วนตัวเคยเข้าไปเที่ยว และชมด้านในถ้ำเป็นประจำ ซึ่งตนมักจะเข้าไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ปกติแล้วไม่ได้เข้าไปข้ามวันข้ามคืน แต่จะเข้าไปวันละ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ตนมักจะไปวันพระ
ทั้งนี้ ตนไม่ได้เข้าไปแสวงหาสิ่งเหนือธรรมชาติหรือที่เชื่ออกันว่าเป็นเหล็กไหล ซึ่งตนไม่ทราบว่าเรื่องเหล็กไหลมีจริงหรือไม่ เพราะยังไม่เคยเห็นกับตา และเท่าที่เข้าไปดูเหมือนหินธรรมดาทั่วไปมากกว่า ตนเข้าไปเป็นประจำนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเส้นทางภายในถ้ำยาวไม่มีที่สิ้นสุด และล่าสุดที่ตนเข้าไป คือเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ก่อน สภาพในตอนนั้นปริมาณน้ำยังน้อยอยู่
ในประวัติศาสตร์ พื้นที่บริเวณนี้ไม่ได้มีฝนมากมายขนาดนี้ เพราะช่วงนี้เป็นฤดูแล้ง และจะแล้งจนถึงวันสงกรานต์ แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ฝนตก กรณีที่ฝนตกมองได้หลายแบบ ทั้งเป็นเรื่องของธรรมชาติ เพราะดินฟ้าอากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง คนโบราณบอกว่าปัจจุบันนี้ไม่เคยได้เห็นก็จะเห็น เพราะคนเราขาดศีลธรรมกันมากขึ้น ในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธ์ภายในถ้ำขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล ซึ่งลักษณะเมืองของอีกภพภูมิจะแตกต่างกับสภาพที่มนุษย์เราอยู่ค่อนข้างมาก นั่นคือเมืองพญานาค
ส่วนเรื่องอาถรรพ์ของถ้ำเป็นเรื่องที่พูดยาก ทุกพื้นที่จะมีเจ้าที่เจ้าทางคุ้มครอง ซึ่งสถานที่แห่งนี้หากใส่ชุดขาวหรือชุดสีกัด สีน้ำตาลแบบเสื้อฤาษีเข้าไป และเข้าไปปฏิบัติธรรม เจ้าที่เจ้าทางจะชื่นชอบ แต่ถ้าเป็นชุดธรรมดาจะรู้สึกเฉย ๆ นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่า หากใครนำของที่อยู่ด้านในถ้ำออกมา อาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม หากเข้ามาแล้วต้องระวังเพราะในหน้าฝนจะเดินทางค่อนข้างลำบาก
ที่สำนักครูบาเทพประทานพร ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ครูบาเทพประทานพร หรือ ฤาษี ตาไฟ ที่เข้าไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำพระไทรงาม เล่าว่า ตามที่ตนเองเคยเข้าไปสำรวจธุดงด์ในถ้ำมากกว่า 20 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ปี 2560 พร้อมยังได้เคยเดินทางไปพร้อมกับลูกศิษย์ด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็จะอาศัยถ้ำเป็นที่หลบซ่อน โดยที่ถ้ำพระไทรงามนั้นเหมือนเมืองบาดาล และเหมือนเมืองบังบท ถ้าหากคนรู้เส้นทางก็ปลอดภัย
โดยห้องโถงที่อยู่ภายใน เป็นแร่ธาตุ กายสิทธิ์ คล้ายห้องดีบุก ตนเองเจอเหตุการณ์มากับตัวเองเพราะในห้องทำให้แบตเตอรี่ โทรศัพท์ และแบตเตอรี่ไฟฉายนั้นหมดอย่างรวดเร็ว เวลาเข้าถ้ำนำไฟฉายเข้าไป 2-3 กระบอก และเตรียมสเบียงเข้าไป และเข้าไปจะไม่มีสัญญาณ รวมถึงช่วงแรกที่ตนเองเดินทางไปภายในจะไม่มีบันไดอย่างที่เห็นอยู่อย่างทุกวันนี้ โดยส่วนใหญ่เวลาตนเองเดินทางไปจะไม่เข้าไปถึงห้องโถงด้านใน เพราะทราบว่าอันตราย ตนเองเคยเข้าไปนั่งอยู่คนเดียว และเคยได้ยินเสียงผู้หญิงแก่คุยกัน มีเสียงหัวเราะด้วย ชวนเข้ามาด้านใน และตนเองก็เข้าไปบริเวณปากถ้ำ แต่ก็ช่างใจว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ เมื่อเข้าไปแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ บางคนหยิบหินออกมาแล้วประสบอุบัติเหตุ รวมถึงเคยมีชาวบ้านเล่าว่ามีพระและเณรเข้าไปในถ้ำและมรณภาพด้วย
เมื่อปี 2560 ตนเองรวมถึงลูกศิษย์เคยถ่ายภาพและมีลำแสงปริศนาโผล่ใกล้กับตนเองบริเวณสะดือถ้ำ และทำให้ตนเองสลบไปกว่า 20 นาที และฟื้นขึ้นมาได้อย่างอัศจรรย์ โดยเมื่อปี 2562 ตนเองพบกับลานหินดำ ๆ และอธิษฐานว่าถ้าหากตนเองมีบุญกุศลที่จะให้ตนเองไปช่วยคนตกทุกข์ได้ยากให้ได้พรวิเศษหรือ สิ่งวิเศษกลับไปก็มีโอกาสได้ที่เหล็กไหลกลายเป็นหินธรรมดา และเหล็กดูดได้ ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
พระเลิศศักดิ์ รัตติโก หรือ หลวงตาหลอด ผู้ช่วยดูเเลสำนักสงฆ์พุทธมณฑล จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นพระที่เข้าไปในถ้ำเขาพระงามไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง เปิดเผยว่า ตนเองเข้าไปยังถ้ำเเห่งนี้ครั้งเเรกเมื่อปี 2553 เพื่อชมความงดงาม หลังจากนั้นก็เข้าไปอีกหลายครั้ง เพื่อปฏิบัติธรรม ทำพิธีปลุกเสกพระเครื่อง ด้านในถ้ำอากาศเย็นมาก เหมือนอยู่กับในห้องเเอร์ เหมาะเเก่การนั่งวิปัสนา ที่ผ่านมาก็จะเข้าไปตอนเช้า กลับออกมาตอนเย็น ซึ่งที่ผ่านมาน้ำจะท่วมถ้ำทุกปีน้ำจะท่วมช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ท่วมเดือนเมษายน
ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพตนเองนั่งอยู่ในทำพิธีเรียกเหล็กไหลของฤๅษี เป็นภาพเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2563 ขอชี้แจงว่าฤาษีกลุ่มดังกล่าวเดินทางมาจาก จ.นครสวรรค์ โดยไม่ได้รู้จักกันกับตน เเจอกันโดยบังเอิญที่หน้าถ้ำ ฤๅษีบอกว่าจะมาทำพิธีเรียกเหล็กไหล ตนเองจึงขอเข้าไปนั่งดู เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งตนเองนั้นไม่ได้มีความรู้เรื่องเหล็กไหล ไม่เคยทำพิธีเกี่ยวกับเหล็กไหล ยืนยันว่าที่ผ่านมาเข้าไปนั่งวิปัสนาเเละปลุกเสกพระเครื่องเท่านั้น ส่วนพระมนัสนั้น เชื่อว่าท่านคงไปนั่งวิปัสนาตามวิถีของพระสงฆ์ทั่วไป เพราะมีคำร่ำลือมานานว่าพระที่เข้าไปปฏิบัติธรรมภายในถ้ำ จะบรรลุพระอรหันต์