ชั่วโมงนี้หากต้องเฟ้นหากองกลางที่เป็นหัวใจสำคัญในวงการลูกหนัง หนึ่งในลิสต์นั้นต้องมีชื่อ
ลูก้า โมดริช แข้งโครแอต วัย 32 ปี ที่ทำหน้าเปรียบเสมือนผึ้งงาน ซึ่งเป็นหัวใจของในแดนกลางทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร
เส้นทางชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบของชายที่ชื่อ ลูก้า โมดริช หลังต้องเผชิญกับการย้ายถิ่นฐานหลังแบ่งแยกดินแดนของโครเอเชียตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ จากนั้นพ่อของเขาสนับสนุนให้เขาเดินทางสายกีฬาตั้งแต่เด็ก ผ่านไป 11 ปี เมล็ดพันธุ์เริ่มผลิบานโมดริชได้เซ็นสัญญากับ ดินาโม ซาเกร็บ ทีมดังในโครเอเชีย ในปี 2002 และพัฒนาฝีเท้าเรื่อยมาพร้อมเถลิงแชมป์ลีกแรกของตนเองได้ในปี 2006
จากนั้นเขาได้ก้าวเข้ามาโลดแล่นในสังเวียนพรีเมียร์ลีกกับทีมท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ในปี 2008 แต่ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะลีกผู้ดีมีการเข้าทำที่รวดเร็วและหนักหน่วง ทำให้นักเตะร่างเล็กต้องปรับตัวอยู่พักใหญ่ แต่ความไม่ย่อท้อนั้นส่งให้เขาก้าวต่อไปเป็นนักเตะของราชันชุดขาว ในปี 2012 และสร้างชื่อให้กับตนเองหลังพิสูจน์ผลงานในสนามได้ดีต่อเนื่อง ก่อนคว้าโทรฟี่ประดับบ่ามากมาย เช่น ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 3 สมัย, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย และ ลาลีกา 1 สมัย ฯลฯ
แต่ทั้งนี้จอมทัพตราหมากรุกผู้ที่เป็นหนึ่งในการจารึกประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก หลังพาทีมชาติโครเอเชียผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสมัยแรกได้สำเร็จ หลังจากโครเอเชียได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก เมื่อปี 1998 หรือ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งหากย้อนดูเส้นทางที่ทัพโครแอตต้องเผชิญในการแข่งขันฟุตบอลโลกครานี้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ โดยรอบแบ่งกลุ่ม อยู่กลุ่มดี ร่วมกับ อาร์เจนตินา ไนจีเรีย และไอซ์แลนด์ แต่พลพรรคตราหมากรุกก็สามารถเก็บ 9 แต้มเต็มจาก 3 นัด โดยโมดริชได้ทำ 1 ประตูในนัดที่เอาชนะทัพฟ้าขาว 3-0 อีกด้วย ทำให้คว้าแชมป์กลุ่มผ่านสู่รอบ 16 ทีม
ลูก้า โมดริช แข้งร่างเล็กแต่ใจใหญ่ ผู้ที่มีพลังงานเหลือเฟือ วิ่งไม่มีหมดตลอด 120 นาที ในเกมที่โครเอเชียเอาชนะจุดโทษเดนมาร์ก ต่อด้วยเกมที่เอาชนะรัสเซีย เจ้าภาพในการดวลจุดโทษ และโกงความตายพลิกชนะอังกฤษช่วงต่อเวลาพิเศษในรอบตัดเชือก
ซึ่งช่วงเวลาหลังจากนี้คงต้องมาลุ้นกันว่าห้องเครื่องพลังม้ารายนี้จะสามารถพาทัพโครแอตชูถ้วยเวิลด์คัพเป็นหนแรกได้หรือไม่....ซึ่งหากเป็นดั่งใจหวังก็อาจจะมีชื่อลุ้นรางวัลบัลลงดอร์ รางวัลแห่งเกียติยศสูงสุดของนักฟุตบอลอีกด้วย.
ภาพจาก อินสตาแกรม ลูก้า โมดริช