จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊มอยv plus" ได้ลงเหตุการณ์ยิงกันในร้านอาหาร ผู้ที่ถูกยิงเป็นพนักงานส่งอาหาร ได้รับบาดเจ็บนั่งอยู่ที่พื้นฟุตพาท ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นพนักงานส่งของ ขี่รถจักรยานยนต์ pcx สีดำแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป แต่ทำปืนหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 64 เวลา ประมาณ 15.00 น.
ขณะที่ตำรวจ สน.บางเขน เร่งติดตามตัว นายสถาพร นามาก หรือ โก้ อายุประมาณ 30 ปี พนักงานส่งของพัสดุ คนก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ยิงนายเกษม เกตุเเก้ว หรือ อั้ม อายุ 27 ปี มาดำเนินคดีฐานพยายามฆ่าผู้อื่น, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสารธารณะ, ครอบครองอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และยิงปืนในที่สาธารณะ เบื้องต้นกำลังไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่าง ๆ ที่คาดว่าใช้หลบหนีแล้วนั้น
วันที่ 12 เม.ย. 64 นายสุวัฒน์ เหมือนพุฒ อายุ 25 ปี เจ้าของก๋วยเตี๋ยวใกล้ที่เกิดเหตุ เล่าว่าช่วงเกิดเหตุ เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้ก่อเหตุเป็นพนักงานส่งของ ได้มาส่งของให้ที่ร้าน จังหวะนั้นผู้บาดเจ็บได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าร้าน ตะโกนถามผู้ก่อเหตุว่า "มึงเบิ้ลรถทำไม"
ซึ่งตนก็กลัวว่าเหตุการณ์จะบานปลาย กลัวข้าวของในร้านจะพัง จึงเดินไปหาผู้บาดเจ็บบอกว่า "พี่ใจเย็น ๆ" ส่วนแม่ของตนก็ได้ไปห้ามผู้ก่อเหตุ คาดว่าทั้งคู่คงมีปัญหากันมาก่อน แต่ระหว่างที่ห้าม ผู้บาดเจ็บตะโกนถามผู้ก่อเหตุว่า "มึงกับกูมาตัวต่อตัวกันเลยไหม" คนก่อเหตุก็ได้ตะโกนสวนกลับว่า "ไม่ต้องตัวต่อตัวหรอก มาดวลปืนกันเลยดีกว่า" ก่อนจะควักปืนออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างฝั่งขวา จังหวะนั้นคนเจ็บพยายามวิ่งเข้าแย่งปืน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งออกมา แล้วพาพนักงานที่อยู่ในร้านไปหลาบด้านหลัง โดยระหว่างที่วิ่งหลบก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด
จากนั้น มีเสียงร้องโอดโอยขอความช่วยเหลือ เมื่อตนออกมาดูก็พบว่าผู้บาดเจ็บยืนอยู่ มีบาดแผลถูกยิงใต้สะดือ จึงช่วยเหลือโดยการพาไปนั่ง ใช้ผ้าสะอาดห้ามเลือดให้ พร้อมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนอาวุธปืน ผู้บาดเจ็บสามารถแย่งมาได้
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนในฐานะผู้ประกอบการ องว่าไม่ควรใช้ความรุนแรงกันขนาดนี้ เพราะเป็นที่สาธารณะ อีกทั้งตอนเกิดเหตุ ในร้านยังมีลูกค้านั่งรับประทานอาหารอยู่ 3 โต๊ะ หากวิ่งหลบไม่ทันก็อาจได้รับอันตรายถึงชีวิต โดยผู้ก่อเหตุที่ผ่านมาเคยเห็นเป็นประจำ เพราะมาส่งของให้ที่ร้านบ่อยครั้ง ไม่ได้มีท่าทีดุร้ายแต่อย่างใด
ด้านนายโจ้ (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า รู้สึกโล่งใจที่ตำรวจจับตัวนายโก้ได้ ซึ่งนายโก้เหมือนตัวอันตราย เพราะที่ผ่านมายอมรับทางพวกตนที่ขับแกร็บได้พยายามติดตามตัวในโก้มาตลอด เพื่อจับตัวให้ตำรวจ เนื่องจากนายโก้ซึ่งอดีตเคยขับแกร็บก่อนย้ายไปขับรถส่งของ เคยก่อเหตุไล่ยิงน้องชายของหนุ่มแกร็บด้วยกัน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายอั้มตั้งใจจะไปจับตัวนายโก้ เพราะเห็นนายโก้ขับรถผ่านแล้วเบิ้ล แต่จังหวะชกต่อยกันนายโก้ที่ใส่เหล็กทั้งร่างกายไม่แข็งแรง และสู้ไม่ได้อยู่แล้ว พลเมืองดีเห็นว่านายโก้เจ็บหนักจึงมาห้าม ซึ่งก็โทษคนที่ห้ามไม่ได้ เพราะไม่รู้เรื่องว่านายโก้คือคนร้าย แต่เมื่อนายอั้มเผลอนายโก้ จึงใช้อาวุธปืนยิงทันที
ซึ่งล่าสุดเมื่อเวลา 11.40 น. ตำรวจ สน.บางเขน มีการควบคุมตัวนายโก้ ผู้ก่อเหตุ พร้อมภรรยา ซึ่งตั้งครรภ์ พร้อมรถที่ใช้ก่อเหตุ รถยี่ห้อฮอนด้า PCX สีดำ มายังสถานีตำรวจโดยนายโก้ มีสีหน้าเครียด และบอกเพียงสั้น ๆ ว่า "เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟัง" ทีมข่าวสังเกตแผ่นป้ายทะเบียนรถของนายโก้ มีการใช้สติกเกอร์ธงชาติไทยปิดบังตัวหนังสื่อ อ.อ่างไว้ 1 ตัว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ใช้เวลาสอบปากคำนายโก้ ผู้ต้องหา นานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนคุมตัวมาทำแผนฯ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว บนถนนลาดปลาเค้า ใกล้กับซอยลาดปลาเค้า 58 เวลาประมาณ 15.00 น. ตำรวจได้ใช้เวลาทำแผนเพียง 5 นาที เพราะห่วงความไม่ปลอดภัย
จากการสังเกตนายโก้ระหว่างทำแผนฯ พบว่ามีการลุกลี้ลุกลน เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้เดินทางมาส่งของที่ร้านก๋วยเตี๋ยวปกติ แต่เจอนายอั้ม หนุ่มแกร็บมาดักรอ ก่อนต่อยตนเองหลายครั้ง จึงมีการต่อยโต้ตอบ ก่อนควักอาวุธปืนขู่ แต่ปืนเกิดลั่น ยืนยันว่าตนไม่ได้จงใจยิง และสาเหตุที่นำปืนออกมาก็แค่ป้องกันตัวเท่านั้น ส่วนกรณีที่เพื่อนนายอั้มบอกว่าตนเองไปก่อเหตุไล่ยิงรุ่นน้องที่ขับแกร็บก่อนหน้านี้ไม่เป็นความจริง และอีกฝ่ายไม่มีหลักฐาน อีกทั้งตนเองมีภรรยาซึ่งกำลังตั้งท้อง 8 เดือน ตนตั้งในทำมาหากิน จะไปก่อเหตุเช่นนั้นทำไม
นางบังอร เกตุแก้ว อายุ 49 ปี ผู้เป็นแม่ของนายอั้ม เปิดเผยว่า ขณะนี้ลูกชายใช้สิทธิ์ฉุกเฉินที่ รพ.ภูมิพล หมดแล้ว จึงต้องส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.ประกันสังคม คือ รพ.เพชรเวช ซึ่งอาการลูกชาย ยังทรงตัว สามารถโต้ตอบได้คำสองคำ เพราะเจ็บที่ท้อง ซึ่งตอนนี้สะบายใจขึ้นที่ลูกปลอดภัย สำหรับคนก่อเหตุตนเองขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะตนไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นมาก่อน ลูกถึงถูกยิงเพราะก็รู้นิสัยลูกอยู่พอสมควรว่าลูกก็ดื้อ เหตุที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของวัยรุ่น
ทั้งนี้ หลังที่เพื่อนลูกโทรมาบอกว่าจับคนร้ายได้แล้วก็เป็นเรื่องดี แต่ก็กังวลว่าเพื่อน ๆ ลูกจะไปทำร้ายเขา ตนจึงปรามว่าปล่อยให้เป็นเรื่องเวรกรรม ใครทำไรกับเราไว้เขาก็ได้อย่างนั้น อย่าไปจองเวรจองกรรม ให้จบกันแค่นี้ ในอนาคตจะได้หากินไม่ลำบาก ต่างคนต่างหากินกัน