เมียร่ำไห้เอาผิดตำรวจกดคอสยบผัวคลั่ง 7 นาทีทำดับ หมอเปิดผลชันสูตรชี้ทับท้ายทอยเสี่ยงตาย (คลิป)

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมหนุ่มคลั่ง ซึ่งสุดท้ายนายอรรถสิทธิ์ เสียชีวิต โดยผลชันสูตรเบื้องต้นระบุว่า เสียชีวิตจากระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ส่วนรายละเอียดเชิงลึกต้องรอผลประมาณ 45 วันนั้น แม่สงสัยว่าเป็นเพราะตำรวจควบคุมตัวใช้เข่ากดท้ายทอยด้วยความรุนแรงหรือไม่

วันที่ 12 เม.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังวัดสี่ร้อย ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลร่างของนายดลรวี หรือ นายอรรถสิทธิ์ แจ้งกระจ่าง อายุ 30 ปี บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ลูกสาวคนเล็กวัย 2 ขวบของผู้ตาย ยังไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองได้เสียชีวิตแล้ว ขณะที่ภรรยาของผู้ตายได้พาลูกสาวทั้งสองคนไปกราบหน้าโลง ลูกสาวคนเล็กได้มองไปที่รูปหน้าศพ พร้อมพูดว่า "พ่อเปลี่ยนเสื้อสวยจัง"

นางพรสม แจ้งกระจ่าง อายุ 56 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมที่จะต่อสู้หาความยุติธรรมให้กับลูกจนถึงที่สุด ตอนนี้ได้แต่โทษตัวเองว่าไม่น่าที่จะโทรแจ้งหน้าที่ตำรวจให้มาระวับเหตุ ยิ่งเมื่อเห็นจากภาพที่ออกข่าวยิ่งทำให้เสียใจ ไม่คิดว่าตำรวจจะทำเกินกว่าเหตุเช่นนี้ ทั้งที่ลูกของตนยอมแล้ว ตะโกนบอกว่าไม่ไหวแล้ว ก็ยังไม่ยอมหยุด ถึงเวลานี้ผลชันสูตรเบื้องต้นออกมาแล้วแต่ต้องรอผลอย่างละเอียดใน 45 วัน ซึ่งตนเองจะสู้และเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้ลูกต่อไป

นางภัคนิจ แจ้งกระจ่าง อายุ 30 ปี ภรรยาผู้ตาย กล่าวน้ำตาว่า ในวันเกิดเหตุผู้ตายเพียงอาละวาด เนื่องจากต้องการกุญแจรถ แต่ตนและแม่ของผู้ตายไม่ให้ ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายทุบตี กระทั่งผู้ตายวิ่งออกไปนอกบ้าน แม่ของผู้ตายจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ตายสงบสติอารมณ์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงแล้วเข้าควบคุมตัวผู้ตาย ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งตนก็คิดว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงกระทำการรุนแรง ทั้งที่ไม่ใช่เหตุใหญ่

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช่เข่ากดลงไปบริเวณท้ายทอบของผู้ตาย แล้วทำการกระแทงน้ำหนักย้ำ ๆ ทั้งที่ผู้ตายบอกว่าเจ็บ แม้ตนจะบอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่หยุด ตนบอกกับผู้ตายว่า "อย่าดิ้น เดี๋ยวเจ็บ" ผู้ตายก็บอกว่า "เจ็บแล้ว ยอมแล้ว ๆ " ตนจึงบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า "พี่ตำรวจพอเถอะ แฟนหนูเขายอมแล้ว" พร้อมยกมือไหว้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่หยุด โดยตนแต่งงานอยู่กินกับสามีมา 12 ปี หากสามีของตนบอกว่าเจ็บ แปลว่าเขาเจ็บจริง ๆ หากไม่เจ็บ เขาจะไม่บ่นออกมา

จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้เดินทางผ่านมา ตนได้เข้าไปขอร้องเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้าไปพูดคุยกับผู้ตาย เนื่องจากทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน ซึ่งผู้ตายก็นั่งสงบลงกับพื้น ขอน้ำกิน แล้วนำน้ำมาล้างตัว แต่จู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ยกกำลังมาสมทบแล้วเข้าควบคุมตัวผู้ตายอีกครั้ง จับผู้ตายกดลงกับพื้นแล้วนำสายมารัดแขน ผู้ตายก็พูดออกมาว่า "ทำผมทำไม ผมยอมแล้ว" โดยตนก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาควบคุมตัวอีกครั้งเพื่ออะไร

สำหรับผลชันสูตรเบื้องต้นที่แจ้งว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ทางครอบครัวทราบเพียงแค่นั้น แต่ยังไม่ทราบข้อมูลเชิงลึก ซึ่งจะต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดใน 45 วัน ตนไม่อยากจะกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ เพราะเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ เพียงแต่จากการมองของตนด้วยตาในเหตุการณ์คิดว่าการกระทำนั้นรุนแรงเกินไป

ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย เป็นเหตุทำให้ผู้ตายเสียชีวิต ตนก็อยากให้เข้าหน้าที่นำหลักฐานออกมาแสดง เนื่องจากผู้ตายเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดตั้งแต่มีลูก ซึ่งตนคิดว่าผู้ตายไม่น่ากลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก จากนี้ ตนไม่รู้ว่าจะเลี้ยงลูกสาววัย 7 ขวบ และลูกสาววัย 2 ขวบ ต่อไปอย่างไร เพราะผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนฝันเห็นผู้ตายมายืนเรียกชื่อของตน แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าตนน่าจะคิดถึงผู้ตายมากจึงเก็บไปฝัน

ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า การจะหาสาเหตุการเสียชีวิตได้ดีที่สุด ก็คือการใช้วิธีผ่าชันสูตร ส่วนการประกาศจากทางโรงพยาบาล ระบุว่าสาเหตุเกิดจากสภาวะเลือดเป็นกรด ทำให้หัวใจหยุดเต้น ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว เป็นการบอกกลไกลของการเสียชีวิต ไม่ได้บอกรายสาเหตุการเสียชีวิต

ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องรอผลตรวจอย่างละเอียด โดยจะสำรวจร่องรอยบาดแผลที่นำไปสู่การเสียชีวิตได้ ทุกกระบวนการจะใช้เวลาไม่เกิน 45 วัน จึงจะสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงได้

ทั้งนี้ บริเวณลำคอเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงในเกิดการบาดเจ็บ คนที่จะไปกดบริเวณลำคอได้ต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง หากเกิดความผิดพลาด อาจไปทับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง และทำให้เสียชีวิตได้ในทันที หากใช้น้ำหนักมาก ก็อาจจะเกิดการบาดเจ็บบริเวณช่วงกระดูกต้นคอได้

ในคดีนี้หากย้อนกลับไปดูและเปรียบเทียบกับคดีดังของจอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) ชายผิวสีชาวอเมริกัน วัย 46 ปี ถูกตำรวจ 3 นายจับกุม มีเจ้าหน้าตำรวจจับผู้ต้องหานอนคว่ำ แล้วกดที่บริเวณขา อีกคนนั่งทับที่บริเวณหลัง ส่วนอีกคนใช้น้ำหนักทั้งตัวนั่งทับบริเวณที่คอของจอร์จ ฟลอยด์ โดยใช้เวลากดนานกว่า 8 นาที ซึ่งในช่วง 2 นาทีสุดท้ายจอร์จ ฟลอยด์ ไม่สามารถหายใจได้ และมีการร้องว่าหายใจไม่ออกจนทำให้มีการเสียชีวิต ในส่วนของที่แตกต่างกันคือ กรณีที่ จ.อ่างทอง ไม่มีนายตำรวจนั่งกดทับบริเวณหลัง ซึ่งบริเวณหน้าอก ไม่ได้มีการถูกกดลงกับพื้น ซึ่งอาจจะยังคงหายใจได้อยู่

ในส่วนที่เหมือนกัน เป็นเรื่องของที่มีนายตำรวจ ใช้เข่านั่งกดทับบริเวณคอของผู้ต้องหา แต่ในกรณีของจอร์จ ฟลอยด์ นายตำรวจนั่งกดทับทิ้งน้ำหนักทั้งตัวในลักษณะที่ปลายขา ยกลอยขึ้น แต่ในของเคสนี้ที่ จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่มีการใช้หัวเข่ากดบริเวณคอไปถึงบริเวณหลังส่วนบน ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักทั้งตัว แต่เป็นการกดแบบประคอง