กรณีนายสันติ นิ่มเต็ม หรือ เล็ก ถูกคนร้ายทราบชื่อ นายสุชาติ ศรีกสิกรณ์ หรือ หยิก ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต ขณะกำลังพูดคุยกับ น.ส.ใบเฟิร์น อดีตภรรยาของนายสุชาติ บริเวณ ซ.ปากน้ำฝั่งเหนือ 7 ถนนพรานนก-กาจนภิเษก แขวงบางพรม เขตตลิ่งชัน กทม. ในพื้นที่ สภ.บางเสาธง
ล่าสุดวันที่ 15 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่นิติเวช รพ.ศิริราช โดยมีญาติของนายสันติ เดินทางมาติดต่อขอรับศพ
ทีมข่าวสอบถาม น.ส.ใบเฟิร์น (นามสมมติ) อดีตภรรยาของนายสุชาติ เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่าในอดีตตนเคยคับหาอยู่กินกับนายสุชาติ ตอนนั้นนายสุชาติไม่ยอมให้ตนไปทำงาน ให้อยู่บ้าน และให้เงินวันละ 300 บาท ส่วนตัวรู้สึกเบื่อ จึงไปเล่นการพนัน และเสียไปกับการพนัน ทำให้ตนได้รู้จักกับนายสันติ เนื่องจากเคยไปยืมเงินนายสันติ
ช่วงต้นปีตนเริ่มมีปัญหากับนายสุชาติ เนื่องจากตนก็แอบคุยกับนายสันติ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ถึงขั้นเกินเลย มีช่วงหนึ่งนายสุชาติ กับนายสันติเคยนัดเคลียร์ใจกัน โดยมีคนกลางมาเคลียร์ใจให้ ซึ่งไม่ได้มีเรื่องชกต่อยกัน ตอนนั้นตนก็เลิกคุยกับนายสันติไป
หลังจากนั้นตนก็มีปัญหากับนายสุชาติ เพราะตนจะขอเลิกและแยกทาง ซึ่งตนเลิกกับนายสุชาติตั้งแต่เดือนก.พ.64 และย้ายออกมาอยู่ที่อื่น แต่แม่ตนยังขอให้อยู่กับนายสุชาติไปก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหากัน ระหว่างนั้นนายสุชาติ ก็ทักมาข่มขู่ตนทำนองว่าจะฆ่าตน "ให้ระวังตัว กูจะเอามีดฟันหน้าให้" หากรู้ว่าไปคบกับใคร ทำนองว่านายสุชาติยอมติดคุก หากเจอจะเอาให้ตาย
ทั้งนี้หลังจากที่ตนทำตามที่แม่ขอร้อง นายสุชาติได้ก่อเหตุขืนใจตนด้วยการใช้มีดจี้คอ เอาเชือกรัดมือเพื่อต้องการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ตนเข้าแจ้งความ และแยกทางกับนายสุชาติตั้งแต่ 10 มี.ค.64 ตนยอมรับว่าหลังจากที่ตนเลิกกับนายสุชาติ ตนได้กลับมาคุยกับนายสันติ และนายสันติได้เช่าห้องให้ตนอยู่ แต่ไม่ได้อาศัยด้วยกัน แต่จะแวะเวียนมาหาตนบ้าง
ส่วนก่อนเกิดเหตุ ตนได้เจอกับนายสันติ ตั้งแต่เวลา 05.00-16.30 น. โดยอยู่ด้วยกันทั้งวัน จนตนต้องไปเข้างาน นายสันติก็ออกไปเก็บเงินกู้ โดยตนทักหาผู้ตายช่วงเวลา 17.00 น. แต่คนตายไม่ตอบ กระทั่งมาทราบว่านายสันติถูกยิงเสียชีวิต เวลา 20.00 น.
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นายสุชาติ ถูกจับแล้ว รับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ตนมองว่านายสุชาติไม่ควรทำแบบนี้ หากอยู่กันไม่มีความสุขก็เลิกกันไป ไม่เห็นต้องมาฆ่ากัน อีกอย่างคนตายไม่เกี่ยวข้องด้วย เหตุนี้เกิดจากตน "น่าจะหนูฉันมากกว่า" ซึ่งตนก็ถูกเพื่อนคนตายต่อว่า ทำให้นายสันติต้องตาย ตนอยากบอกคนตายว่า “หนูขอโทษ เรื่องนี้ถ้าเลือกได้ ให้หนูตายเองดีกว่า” นายสันติเพิ่งพ้นคดียาเสพติดมาช่วง ต.ค.63 บอกตนว่าจะกลับตัวกลับใจ และตั้งแต่คุยกับตนมาก็ไม่เคยมีเรื่องยาเสพติดให้ตนเห็น
ส่วนตอนนี้ทรัพย์สินคนตายหายไป ตนก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน โดยเฉพาะกระเป๋าเงิน ส่วนพฤติการณ์ของนายสุชาติ เท่าที่ตนฟังจากเพื่อน ช่วงเกิดเหตุนายสันติ ขี่รถจักรยานยนต์ไปเก็บเงินกู้ แต่ไปเจอกับนายสุชาติ ซึ่งตั้งวงกินเหล้าที่วินจักรยานยนต์ปากซอย จึงมีเรื่องชกต่อยกัน โดยนายสุชาติ พยายามใช้มีดแทงนายสันติ แต่หลบทัน จากนั้นนายสันติจึงขี่รถกลับห้องเช่าไปเอาอาวุธปืนกลับมาหานายสุชาติ และใช้อาวุธปืนยิง 4-5 นัดจนกระสุนหมด นายสุชาติจึงให้เพื่อนในกลุ่มขี่รถจักรยานยนต์ ไปประกบยิงนายสันติ จนเสียชีวิตที่หน้าปากซอย
ทีมข่าวเดินทางมาที่เกิดเหตุ บริเวณปากซอยปากน้ำฝั่งเหนือ 13 จุดวินรับจ้างที่มีเรื่องกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางรุตจิเรช ชัยรัตน์ มารดาของ น.ส.ใบเฟิร์น (นามสมมติ) และเป็นอดีตแม่ยายของนายสุชาติ คนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุพักอาศัยคนเดียวหลังจากที่ลูกสาวตนยายออกไป ขณะเกิดเหตุตนก็อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนที่จะมาเกิดเรื่องตนทราบว่านายสันติ มีเรื่องชกต่อยกับนายสุชาติ โดยนายสุชาติ เห็นนายสันติมาเก็บเงินกู้ จึงเข้าไปตบ 1 ที ก่อนทั้งคู่จะมีเรื่องกัน แต่ก็มีคนห้ามและแยกย้ายกันไป
จากนั้นช่วงเกิดเหตุ ตนนั่งอยู่ที่วินรับจ้าง โดยนั่งคุยกับนายสุชาติ และมีเพื่อนในวินอีกจำนวนหนึ่ง ไม่นานนายสุชาติ เดินไปฉี่ในซอย 13 ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันนายสันติ ที่ขี่รถจักรยานยนต์มา ก่อนจะชักปืนจากเอว และจ่อมาที่ตน ตนตกใจและลุกไปเกาะกำแพงจะวิ่งหนี แต่ก็ไม่รู้จะหนีไปไหน ตนด่าทอนายสันติ และได้ยินเขาพูดว่า "จะยิงให้ตายให้หมด"
ตอนนั้นตนก็ได้แต่ด่าทอคำหยาบใส่นายสันติ จังหวะนั้นนายสันติลั่นไก 2 นัดมาที่ตน แต่ไม่โดน สามีตนซึ่งดูไก่ชนอยู่หลังกำแพง ได้ยินเสียงปืนจึงเดินมาดู ปรากฏว่านายสันติจ่อยิงสามีตนอีก 2 นัด แต่ก็ไม่โดน เป็นช่วงเดียวกับนายสุชาติเดินออกมา นายสันติเห็นจึงยิงไปในซอย 2 นัด กระสุนถูกศีรษะลักษณะถาก ๆ และขี่รถหลบหนี นายสุชาติ ออกมาจากซอยสภาพมีเลือดไหล
จากนั้นนายสุชาติ ขี่รถตามนายสันติไป ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดัง 3 นัด เห็นนายสันติถูกยิงแล้ว ส่วนนายสุชาติ ยืนอยู่และขี่รถออกไปจากจุดเกิดเหตุ ตอนแรกตนเข้าใจว่านายสุชาติ จะเดินทางไปหาหมอและไปแจ้งความ ไม่คิดว่าไปก่อเหตุ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่านายสุชาติ พกอาวุธปืนมาด้วย เพราะช่วงที่อยู่ในวิน ไม่มีการยิงตอบโต้แต่อย่างใด
ส่วนปมเหตุตนคิดว่าคงมาจากเรื่องลูกสาวตน โดยก่อนหน้านี้นายสุชาติกับนายสันติเคยมีเรื่องกัน เข้าใจว่านายสันติ มายุ่งกับลูกสาวตน ตอนนั้นนายสันติ มากราบขอโทษนายสุชาติ ที่วิน และยืนยันว่าไม่ได้คุยเชิงชู้สาว ตนยอมรับว่านายสุชาติเป็นคนดี ช่วยเหลือครอบครัวตนมาตลอด หากนายสันติ คบหากับลูกสาวตนจริง ตนมองว่าหยามนายสุชาติเกินไป นายสันติ ก็น่าจะรู้ว่านายสุชาติ เคยคบลูกสาวตน ในฐานะแม่ก็รับไม่ได้เช่นกันหากเป็นเช่นนั้น
ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดช่วงเกิดเหตุที่วินรับจ้าง จับภาพชัดว่านายสันติ มาก่อเหตุยิงใส่นายสุชาติก่อน โดยขี่รถจักรยานยนต์มาที่วิน ก่อนวกกลับรถชักอาวุธปืนยิงทันที ก่อนจะขี่รถหลบหนีไปทางปากซอย ใช้เวลาก่อเหตุเพียงไม่ถึง 30 วินาที
ทีมข่าวสอบถามนางน้ำค้าง ชูสาย ลูกพี่ลูกน้องคนตาย เปิดเผยว่า ตนเลี้ยงนายสันติจนถึงอายุ 10 ขวบ แล้วเขาก็ออกจากบ้านไป เพราะที่บ้านนายสันติแยกทางกัน แต่จะะเวียนกลับมาหาบ้าง ครั้งล่าสุดวันที่ 13 เม.ย.64 ที่ผ่านมา เพิ่งได้เจอกันครั้งสุดท้าย โดยนายสันติไลน์มาบอกว่า จะมากราบตนที่เลี้ยงดูมา และขอโทษที่ผ่านมาไม่ค่อยได้ติดต่อ
โดยในวันที่ 13 เม.ย.64 นายสันติ ก็เข้ามาเอาขนม อาหาร พวงมาลัยเข้ามากราบตน จากนั้นก็กลับไปโดยไม่ได้หันหน้ากลับมามอง ซึ่งเหมือนเป็นครั้งสุดท้ายที่นายสันติมากราบที่บ้าน ตนไม่รู้สาเหตุว่าเรื่องราวจริง ๆ คืออะไร แต่ตนอยากให้คนร้ายได้รับโทษ นายสันติ จะได้รับความเป็นธรรม ยอมรับว่านายสันติ มีนิสัยค่อนข้างนักเลง