“เจมส์ กัมปนาท” ปิดติ๊กต็อกถูกถล่มบูลลี่เด็ก หนูน้อยโดนจี้ใจดำปมพ่อแม่ไม่รัก (คลิป)

16 เม.ย.64 ทวิตเตอร์ทวีตข้อความติดแฮชแท็กขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่ง #แบนjameskampanad คือ เจมส์ กัมปนาท ดาวแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (Tiktok) ที่มีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน เนื่องจากชาวเน็ตจำนวนมาก พบว่าเจมส์ กัมปนาท ทำคลิปตลกกึ่งเสียดสี มักจะมีพฤติกรรมกลั่นแกล้งและดูถูกคนอื่น ๆ โดยเฉพาะการบูลลี่เด็กและเยาวชนนั้น

ซึ่งหากรับชมคลิปของ เจมส์ กัมปนาท จะพบเจ้าตัวเคยกล่าวในทำนองบูลลี่เด็กและเยาวชนเกี่ยวกับฐานะ และเรื่องทางจิตใจอยู่เป็นระยะ จนมีเยาวชนและชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็น ซึ่งเจมส์ กัมปนาท ก็ได้บันทึกหน้าจอคอมเมนต์ดังกล่าว แล้วนำมาพูดล้อเลียนต่อในคลิปถัด ๆ มา รวมถึงไล่คนดูด้วยนั้น

ล่าสุด ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ด.ญ.กรนันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 13 ปี หนึ่งในผู้ใช้ Tiktok และมีการอัดคลิปตำหนิเจมส์ กัมปนาท ที่มีการพูดใส่ไมค์ในงานอีเวนต์หนึ่งว่า "ฮัลโหล ๆ 123 พวกเด็กที่พ่อแม่ไม่รัก ฮัลโหล ๆ อยู่ไหนกันเด็กที่เรียนหนังสือไม่เก่ง" นั้น

ทำนองว่าคอนเทนต์เช่นนี้ขออย่าทำ สมองต่ำหรือมีปมเอง แต่ก็เป็นการแทงใจดำเด็กมีปมครอบครัว ไม่ได้อยู่กับแม่ เพราะแม่ทำงานต่างประเทศ ยังกลับไม่ได้ มีพี่ชายติดยาเสพติดจนติดคุก ซึ่งตนก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ

เจมส์ กัมปนาท ลงคลิประบุว่า ไม่รู้เรื่องในทวิตเตอร์ที่มีการติดเทรนด์อย่างรวดเร็ว เพราะไม่ได้เล่นทวิตเตอร์ และไม่อยากขอโทษ เพราะงงว่ายังไม่ได้ทำอะไรให้ ทำไมต้องไปขอโทษ แต่ล่าสุดเจ้าตัวยอมปิดบัญชีติ๊กต็อกแล้ว

โดยเจ้าตัวเผยกับอมรินทร์ ทีวี ว่า "ผมลบแอคเคาต์ไปแล้วครับ ไม่คิดว่าเด็ก ๆ จะซีเรียสครับ ผมจะไม่เล่น TikTok แล้วครับ อย่าลงข่าวผมเลย"

ด.ญ.กรนันท์ เปิดเผยว่า บุคคลดังกล่าวชอบลงคลิปรายวัน ทำนองล้อเลียน บูลลี่เด็กน้อย เช่น การกล่าวหาว่าที่บ้านไม่มีไวไฟ เรื่องอาหารว่าอยากกินปลาแซลม่อน แต่ไม่มีเงินซื้อ โง่ และโดยเฉพาะกล่าวหาว่าเด็กพ่อแม่ไม่รัก ซึ่งเรื่องนี้จี้ปมตนเองมากถึงขั้นออกมาอัดคลิปด่า เพราะอดทนไม่ไหว เนื่องจากตนเองในฐานะเด็กที่ชอบเล่น Tiktok กรณีนี้ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวแม่ขึ้นมาทันที เพราะแม่ออกไปทำงานไกล

ตั้งแต่ตนเองยังเด็ก ก่อนช่วงขึ้นชั้น ป.4 แม่ก็ไปทำงานต่างประเทศ แต่ตอนนี้ 2 ปีแล้ว แม่ก็ไม่สามารถมาหาได้ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น มันก็จี้จุด รู้สึกจุก แต่เมื่อกลับมาคิดทบทวนลงไปลึก ๆ ก็ทำให้นึกถึงคำแม่ที่บอกว่า ให้ตั้งใจเรียนให้จบแล้วจะมาหา และนั่นก็ทำให้ตนเองตั้งใจเรียนจนอยู่มัธยมปีที่ 1 แล้ว ดังนั้นเมื่อทบทวนก็มองว่า การที่บุคคลดังกล่าวพูดเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง ที่ตนจะต้องเก็บมาคิด หลังจากลงคลิปด่าก็มีเจตนาอยากให้บุคคลดังกล่าวเลิกพฤติกรรมแบบนี้ เพราะไม่สร้างสรรค์ ส่งผลต่อเด็กหลายคนที่เล่น Tiktok และส่วนตนเองหลังจากนั้นก็ตัดสินใจลบบุคคลดังกล่าวออกไปแล้ว

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รักษาการอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข อดีตหมอสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น กล่าวว่า การที่ใช้คำพูดบางคำที่ทำให้เด็ก เยาวชน และวัยรุ่น มีความรู้สึกปมในใจหวั่นไหวมากขึ้น เป็นข้อที่ควรพึงระวัง เวลาที่จะทำอะไรออกสู่สาธารณะเรามักจะรู้สึกว่าไม่เป็นอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วคนในวงกว้างแต่ละคนมีความแตกต่างและมีความหลากหลาย เมื่อเขาเห็นว่าถูกตอกย้ำปมด้อยในใจลึก ๆ แล้ว อาจทำให้ไปกระทบจิตใจของเขา จากที่รู้สึกด้อยและรู้สึกแย่อยู่แล้ว ก็ไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่กว่าเดิม

ขณะเดียวกันการการกระทำดังกล่าว เป็นการตอกย้ำในรูปแบบสาธารณะ เหมือนถูกตีตราจากคนโดยรอบ หากเขามีความรู้สึกอ่อนไหวง่ายก็ยิ่งมองว่าใครก็คิดแบบนั้นกับเขา ซึ่งตนไม่อยากให้เด็ก ๆ ที่มีประสบการณ์ชีวิตดีบ้างไม่ดีบ้าง ไม่ควรนำเอาประสบการณ์ไม่ดีมาตีคุณค่าของตัวเอง พร้อมขอฝากถึงทุกคนหากอยากจะใช้สื่อสาธารณะ ควรคิดว่าการอยู่ร่วมกันเหมือนกับเราอยู่ในสังคมใหญ่ และต้องคิดเสมอว่าสิ่งที่เรากระทำไม่ควรไปสร้างผลกระทบกับใครบ้างหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การเข้าไปในสื่อฯ ต้องคิดเสมอว่าเราเป็นคนเลือก อะไรที่ส่งผลทางลบกระทบต่อจิตใจให้ลบออกไป มองให้ไกล อย่ามองเพียงแค่ปมที่ติดอยู่ในใจเรา ให้คิดว่าเราทุกคนผ่านเรื่องราวหลากหลาย แต่เราจะเดินไปข้างหน้า ซึ่งเรามีทางเลือกอีกเยอะ ในการที่จะเข้าถึงสื่อที่ดี หากเปรียบเป็นสมัยตอนที่หมอเป็นวัยรุ่นก็เหมือนกับการอ่านหนังสือ หน้าต่างมีหลายบาน อย่าปิดหน้าต่างทุกบาน ค่อย ๆ เปิดหน้าต่างทีละบานในชีวิตตัวเอง แล้วขอให้มองไปข้างหน้าผ่านช่องหน้าต่างที่สดใสรอเราอยู่