กู้ภัยช็อก! ศิษย์ลัทธิพระตัดหัวเก็บศพกันเองใส่โลง "ศรีอริยะ" ผวาไม่ทำตาม (คลิป)
จากกรณีวันที่ 15 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 10.30 น. ได้รับแจ้งว่ามีเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกอง อยู่บนภูเขาซ้ายมือทางไปบ้านนาแค ในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู เสียชีวิตโดยได้ใช้มีดตัดคอตัวเองจนเสียชีวิต
คอนเทนต์แนะนำ
วันที่ 18 เม.ย. 64 นายกุศลศรีอริยะ ศรีอารวงศา ผู้อ้างตัวเป็นพระศรีอริยเมตไตรย เปิดเผยหลังได้เดินทางมาที่สำนักสงฆ์ว่า สาเหตุที่ตนเดินทางไปยังสำนักสงฆ์ภูหินกอง เนื่องจากดวงจิตของเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกองได้สื่อสารมาบอกตนว่าได้ตัดหัวเป็นพุทธบูชาแล้ว แท้จริงเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกองเป็นเทวดาชื่อ “ปกิติเทวราช” ที่ลงมาจุติบนโลกมนุษย์ อีกทั้งยังเป็นคู่กรรมคู่บารมีของพระศรีอริยเมตไตรย โดยในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อน พระพุทธโคดมก็มี “พระเทวทัต” ที่ตัดคอถวายเป็นพระพุทธบูชา
ทั้งนี้ เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกองได้บำเพ็ญบารมี เพื่อรอให้พระศรีอริยเมตไตรยลงมาจุติ เมื่อตนคือพระศรีอริยเมตไตรยจุติแล้ว เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกองจึงได้ถวายศีรษะเป็นพุทธบูชา แต่การทำเช่นนี้ถือเป็นบาป โดยจะส่งผลให้เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกองต้องลงนรกเป็นระยะเวลา 10 ปี ตามเวลาโลกมนุษย์ แล้วจะกลับมาเกิดใช้ชื่อว่า “กรรตกิต” กลับมาบวชเป็นเณรที่สำนักสงฆ์ภูหินกอง กลายเป็นนปัจเจกพระพุทธเจ้า สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพุทธประเพณี
โดยสมัยที่ตนเสวยชาติเป็นพระเจ้าสังกัจจายน์ ตนก็เคยถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้าในยุคนั้น เพื่อบำเพ็ญบารมี สิ่งที่เกิดขึ้นที่ จ.หนองบัวลำภู ถือเป็นการย้ำว่าตนคือพระศรีอริยเมตไตรยที่จุติแล้ว
นายต้น (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยชุดแรกที่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีพระเสียชีวิตอยู่ภายในสำนักสงฆ์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 เม.ย. ตนเองได้รับแจ้งเหตุช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ว่ามีพระเสียชีวิต จึงได้เดินทางไปที่สำนักสงฆ์ภูหินกอง แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบร่างของพระตามที่ได้รับแจ้งเหตุ พบเพียงโลงศพที่ตั้งวางอยู่ มีกลุ่มลูกศิษย์สวมใส่ชุดขาวห่มขาวรายล้อมอยู่บริเวณโลงศพ และมีการประดับตกแต่งดอกไม้อย่างสวยงาม สังเกตว่าท่าทีของลูกศิษย์ไม่ได้อยู่ในอาการเสียใจ ลักษณะโลงศพค่อนข้างแตกต่าง เพราะมี 2 ใบวางซ้อนกัน จึงได้ขอทำการตรวจสอบ กลุ่มลูกศิษย์บอกว่าไม่ได้ติดใจการตาย ท่านเตรียมตัวมาแล้ว และไม่ให้มีการตรวจสอบศพที่อยู่ในโลง
ทั้งนี้ ในช่วงที่รับแจ้งเหตุ ทราบว่าผ่านไปประมาณ 5 ชั่งโมง ตอนนั้นสังเกตไม่ได้มีเครื่องกิโยตีน ตั้งวางอยู่ ช่วงเวลาดังกล่าวอาจมีการหรือถอนออกไปแล้ว มีเพียงกองเลือดที่อยู่บนพื้น ไม่ได้มีการเช็ดล้างทำความสะอาด แต่ได้มีการนำอิฐบล็อก และดอกไม้มาวางเป็นรูปวงกลมล้อมกองเลือดเอาไว้ในจุดที่มีการตัดหัวพระ
ซึ่งตนได้พูดคุยกับกลุ่มลูกศิษย์ทราบว่า ได้มีการเตรียมการทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว ตั้งแต่ดอกไม้ รวมไปถึงโลงศพ เพราะมีการจัดทำพิเศษ สำหลับแยกร่างและหัว แต่หลังจากกู้ภัยไปถึงก็ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นเพียงไม่กี่นาที ต้องออกจากพื้นที่ เพราะลูกศิษย์อนุญาตให้เฉพาะคนที่ใส่ชุดขาวอยู่ในงานเท่านั้น จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยทีมแพทย์เข้าไปเพื่อตรวจสอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ด้วยได้นานแค่ไหน ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องแปลก เพราะมีการแจ้งเหตุมีคนตาย แต่เมื่อไปถึงกลับมีคนบอกว่าไม่ติดใจการตาย มีการประกอบพิธีอย่างรวดเร็ว
ด้านนายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา กล่าวว่า ตนไม่เชื่อเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายเพื่อสร้างปรมัตถบารมี แล้วถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องจากความเชื่อเหล่านี้เป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้น ได้แก่ นิทานธรรมบท และนิทานชาดก ซึ่งนิทานชาดกมี 2 แบบ คือ ชาดกในพระไตรปิฎก กับชาดกนอกพระไตรปิฎก ซึ่งถูกแต่งใหม่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าโดยตรง อีกทั้งพระพุทธเจ้าเองก็ยังไม่เคยสั่งสอนใครให้ฆ่าตัวตาย ไม่เช่นนั้นชาวพุทธคงจะได้พบเห็นพระอรหันต์ที่บั่นคอตัวเองหลายองค์
ยกตัวอย่างในสมัยพุทธกาล พระวักกลิซึ่งเป็นพระอรหันต์สาวกองค์หนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า คิดที่จะฆ่าตัวตาย พระพุทธเจ้าก็ได้ทรงห้ามไว้ เท่ากับว่าพระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญการฆ่าตัวตาย ส่วนความเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปนั้นมาจากนิทานชาดกเรื่อง "แม่กาขาว" ซึ่งนิทานชาดกบอกถึงพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ องค์ต่อไปองค์ที่ 5 คือ พระศรีอริยเมตไตรย แต่ไม่เคยบอกถึงพระพุทธเจ้าองค์ถัดไป
ดังนั้น ตนจึงอยากจะฝากให้ประชาชนทุกฝ่ายทุกภาคส่วนลองคิดตรึงตรอง หากการฆ่าตัวตายดีจริง พระพุทธเจ้าคงฆ่าตัวตายโชว์ไปตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว การฆ่าตัวตายไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าในพุทธกาล มีแต่คำสอนแต่งใหม่ เราจะเอาชีวิตไปทิ้งกับนิทานแต่งใหม่ได้อย่างไร
Advertisement
