จากกรณีเมื่อวันที่ 18 เม.ย. 64 ผู้นำชุมชนพร้อมชาวบ้านตำบลเขาคราม อำเภอเมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชาร่วมกว่า 100 คน ระดมทีมออกค้นหาคุณยายจวบ พรหมรักษา อายุ 96 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.4 ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ หลังหายตัวไปขณะเดินเล่นอยู่ริมถนนภายในหมู่บ้าน ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 17 เม.ย. 64 นั้น
ล่าสุด วันที่ 19 เม.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังหมู่ 4 ต. เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ จุดที่ชาวบ้านรวมตัวกันเพื่อจะค้นหายายจวบนั้น ปรากฏว่ามีชาวบ้านบ้านเขาขาว ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ที่อยู่ห่างจากจุดที่ยายจวบหายตัวไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร มาแจ้งกับญาติยายจวบว่าเจอตัวยายจวบแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ที่ผ่านมา
จากนั้นทีมข่าวและญาติของจวบได้เดินทางด้วยรถกระบะ เพื่อไปดูตัวยายจวบ ญาติ ๆ ของยายจวบระหว่างนั่งรถไปพร้อมกับทีมข่าวได้มีสีหน้าที่ดีใจ ตื่นเต้น พร้อมกับน่ำตาซึม เวลา 09.40 น. ญาติได้ไปพบยายจวบเป็นครั้งแรก หลังจากที่ยายจวบหายตัวไป ความรู้สึกแรกที่ญาติเห็นหน้ายายจวบ ได้แสดงอาการร้องไห้ดีใจ พร้อมกับเข้าไปโอบกอดร่างกายยายจวบ ที่นอนหมดแรงอยู่บนแคร่ ส่วนยายจวบเองก็ค่อย ๆ ดื่มน้ำที่ญาติป้อน
ญาติได้สอบถามยายจวบว่า ยายจวบหายไปอยู่ไหนมา ยายจวบตอบว่า "ไปอยู่ในสวนมา เวลาฝนตกก็นอนใต้ต้นปาล์ม" แต่ตอนเจอชาวบ้านรายแรก ยายจวบบอกอีกว่าไปหลบนอนในบ้านร้างมา ญาติได้ซักถามยายจวบต่อว่ารู้ไหมว่าลูกหลานตามหายายจวบมาสามวัน 2 คืน ยายจวบจึงพูดต่อว่า "ยายไม่อยากให้ลูกหลานลำบาก หลังจากญาติพูดคุยกับยายจวบเสร็จ ญาติก็ได้ยกมือไหว้ขอบคุณชาวบ้านกลุ่มที่เจอตัวยายจวบเป็นกลุ่มแรก และช่วยเหลือยายจวบกระทั่งแจ้งมาทางญาติ
เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยกระบี่พิทักษ์ประชา ได้เดินทางมาถึงบ้านของชาวบ้าน ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยการวัดชีพจร วัดอุณหภูมิในร่างกาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามอาการยายจวบว่าสามารถพูดได้ไหม ยายจวบจึงทำท่าอ้าปากเพื่อเปล่งเสียง แต่ไม่มีเสียงออกมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงถามต่อว่า เมื่อคืนยายไปนอนไหนมา ยายจวบจึงตอบว่า "ไปนอนในป่า" พร้อมกับทำนิ้วชี้ขึ้นฟ้า กู้ภัยจึงถามอีกว่า ได้เดินไปหาใครไหม ยายจวบพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงว่า "ไม่ได้ไปหาใคร เดินในป่า"
สำหรับเส้นทางของแต่ละจุดเกิดเหตุ พบว่าจากบ้านบ้านยายจวบ ไปหาสามแยกที่ยายหายตัวไประยะทาง 1.4 กม. จากสามแยกที่ยายจวบหายตัวไป ถึงจุดที่เจอยายระยะทาง 1.5 กม. จากบ้านยายไปถึงจุดที่เจอยายจวบระยะทาง 3 กม.
นางอาภร อินทตร์แก้ว ชาวบ้านที่เข้าไปสอบถามอาการยายจวบ กล่าวว่า หลังจากเจอยายจวบ ตนและชาวบ้านอีก 2 คน ได้พยุงร่างกายยายจวบให้มานอนที่แคร่ไม้หน้าบ้าน เพราะตอนนั้นตนเกรงว่ายายจวบจะอาการทรุดหนัก จากนั้นตนได้เข้าไปสอบถามยายจวบว่าหายไปอยู่ไหนมา รู้ไหมลูกหลานเขาตามหา ยายจวบจึงตอบตนว่าไปนอนบ้านคนมา แต่ไม่รู้ว่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่ทิศทางไหน โดยยายจวบเล่าให้ตนฟังต่อว่า ขณะที่นอนในบ้านมีเจ้าของบ้านเป็นผู้ชายอยู่ 1 คน แต่เขาไม่ยอมพูดคุยกับยายจวบ
ตนจึงเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องของอาถรรพ์ป่า ที่ยายจวบจะถูกบางสิ่งบังตาเอาไว้ เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 3 ปี มีผู้ชายในหมู่บ้านหายตัวเข้าไปในป่าหมู่บ้านเขาขาว หายไปกว่า 7 วัน ซึ่งครอบครัวต้องทำพิธีเอาไก่ 2 ตัวไปปล่อยเพื่อเป็นการแลกตัวให้สิ่งลี้ลับปล่อยตัว ใช้เวลา 7 วัน ชายที่สูญหายจึงออกมาจากป่าได้ พอออกมาจากป่าชายคนดังกล่าวเล่าให้ตนฟังว่าเขาไปอยู่ในพุ่มไม้ เขาเห็นชาวบ้านที่เดินค้นหาเขาทุกคน แต่เขาพูดไม่ได้เพราะถูกบดบัง และคนที่บดบังเขาไม่ยอมปล่อยออกมาจากป่า
นายพายุ ยิ้มปรัง อายุ 35 ปี ผู้ที่เคยหลงป่าหายตัวไป 7 วัน เล่าว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตนไปหาของป่า และหลงเข้าไปในป่าประมาณ 7 วัน ตอนที่ตนอยู่ในป่ากว่า 7 วันนั้น ตนไม่ได้กินอาหาร ไม่ได้กินผลไม้ ได้กินแต่เพียงน้ำจากน้ำฝนเท่านั้น ซึ่งช่วงที่ตนติดป่านั้น เป็นช่วงเดือนธันวาคม และจะมีฝนตกอยู่บ้าง
นายพายุ เล่าต่อว่า ป่าที่ตนอยู่นั้นเป็นสวนปาล์มค่อนข้างรก บรรยากาศมืด ไม่ได้ยินเสียงใครแม้แต่คนเดียว รวมถึงไม่รู้ด้วยว่าญาติ ๆ และชาวบ้านออกตามหาตัวเองอีกด้วย ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องของป่าอาถรรพ์ เพราะตลอด 7 วันที่ตนอยู่ในป่า ตนได้เดินหาทางออก แต่เดินเท่าไรก็เดินวนกลับมาที่เดิม เจอแต่ต้นไม้ต้นเดิม และตนก็ไม่เห็นเจ้าป่าเจ้าเขาหรือเจ้าที่มาปรากฏ
ส่วนกรณีที่ญาติของตน นำไก่ 2 ตัวไปปล่อยในป่า เพื่อทำพิธีให้ตนหลุดพ้นออกมาจากป่านั้น ตนก็ไม่รู้เรื่องเพราะตอนนั้นอยู่ในป่า วันที่ 7 ของการอยู่ในป่า เวลาประมาณ 04.00 น. ตนได้ยินเสียงชาวบ้าน กระทั่งเจอกับชาวบ้านและหาทางออกมาได้ และตนก็อยู่ในสภาพที่อ่อนแรงอีกด้วย หลังจากตนออกมาจากป่าได้ ญาติก็ได้ทำพิธีเรียกขวัญให้กับตนเอง และตนเองก็ไม่แน่ใจว่าที่ตนหลงป่าไป 7 วันนั้น ตนได้ไปทำผิดอะไรต่อเจ้าป่าเจ้าเขาหรือไม่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ของยายจวบเกิดขึ้น ตนก็คาดว่าเป็นเรื่องของอาถรรพ์ป่าเช่นเดียวกับเรื่องราวของตน
ด้านนางสาวสุพัตรา ธรรมศรี ชาวบ้านที่เจอตัวยายจวบเป็นคนแรก กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. ระหว่างที่ตนยืนอยู่หน้าบ้าน ตนเห็นยายจวบเดินถือไม้เท้าสองอัน ด้วยมือทั้ง 2 ข้าง เดินออกมาจากทางสวนปาล์ม ลักษณะเดินช้า ๆ และมุ่งหน้าตามถนนมาทางหน้าบ้านตน ตนจำได้อย่างแม่นยำ ร่างกายของยายจวบผ้าถุงไม่เปียก ไม่สวมรองเท้า มีเศษดินติดตามเท้าและร่างกายเล็กน้อย สามารถพูดคุยตอบโต้ได้ ยายจวบบอกว่าจะไปหาลูกหลาน ตนจึงถามยายจวบต่อว่าได้กินอะไรมาบ้างหรือยัง ยายจวบบอกกับตนว่ายังไม่ได้กินอะไรมาเลย พฤติกรรมที่ยายจวบเดินผ่านหน้าบ้านตนนั้น ยายจวบเองก็เดินตามปกติ ไม่ได้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือตนเองแต่อย่างใด หลังจากนั้นก็มีชาวบ้านเริ่มทยอยเดินออกมาดูเหตุการณ์ และพาตัวยายจวบไปนอนที่แคร่หน้าบ้านตน
ซึ่งจากการตั้งข้อสังเกต คิดว่าบ้านร้างหลังที่ยายจวบออกมาน่าจะเป็นบ้านร้างหลังที่ยู่ในสวนปาล์ม เพราะบ้านหลังดังกล่าวเป็นล้านร้างไม่มีคนอยู่อาศัย และที่ตั้งของบ้านร้างก็เป็นทิศทางเดียวกับที่ตนเห็นยายจวบถือไม้เท้าเดินออกมาขากป่าอีกด้วย