โควิด สงกรานต์! แผลงฤทธิ์แล้ว เด็ก 12 เดินทางจากจังหวัดสีแดงกลับบ้านที่ นครศรีฯ แพร่เชื้อใส่เครือญาติ 18 ราย รอลุ้นผลอีก 14 ราย
วันที่ 21 เม.ย. 64 นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อออกมติเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการในการควบคุมโรค โดยนายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รายงานการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 ในวันนี้ เพิ่มขึ้นอีก 21 ราย ส่งผลให้นครศรีธรรมราชมีผู้ป่วยสะสมในระลอกเดือนเมษายนถึง 99 ราย โดยคาดว่าจะมีตัวเลขสูงขึ้นไปอีกอย่างไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยการสืบสวนโรคพบว่านอกจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงในนครศรีธรรมราชแล้ว มีลักษณะการระบาดที่เกิดขึ้นจากการเดินทางของชาวนครศรีธรรมราชกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ในที่ประชุมได้รายงานการตรวจพบผู้ป่วยในครอบครัวเดียวกันจากอำเภอหนึ่งใน นครศรีธรรมราช ที่มีผู้ติดเชื้อ อายุ 12 ปี เดินทางมาจากจังหวัดนครปฐม มาเยี่ยมบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งมีบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกัน 3 หลังมี สมาชิกในครอบครัวเครือญาติรวม 32 คนปรากฏว่าขณะนี้ตรวจพบการติดเชื้อแล้วถึง 18 คน และยังมีแนวโน้มพบเชื้อในครอบครัวนี้เพิ่มขึ้นอีก แต่เจ้าหน้าที่ไม่กังวลมากนัก เนื่องจากสามารถควบคุมวงการติดเชื้อได้ในครอบครัวเดียว ไม่พบว่ามีการกระจายสร้างวงแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น และยังพบการระบาดในลักษณะเดียวกันนี้ในอำเภอปากพนัง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งสามารถควบคุมอยู่ในวงจำกัดได้
นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้มีมติยกระดับการตรวจหาเชื้อแบบเชิงรุกพื้นที่เป้าหมาย โดยการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนมีการสืบสวนข้อมูลการเดินทางอย่างชัดเจนแล้ว เข้าตรวจเชื้อเพื่อค้นหาเชื้ออย่างละเอียดให้เร็วขึ้น ซึ่งการพบเชื้อได้เร็วนั้นจะยิ่งทำให้การควบคุมเป็นไปได้โดยง่าย
นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังได้ออกมติที่ประชุมและสั่งการให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคที่ประจำอยู่ในด่านตรวจทั้งระหว่างจังหวัดและด่านตรวจในระดับอำเภอรวมกว่า70ด่านนั้นมีอำนาจในการออกคำสั่งกักกันผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อโดยเฉพาะกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง กลุ่มที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่สีแดงโดยการออกใบสั่งให้ผู้ถูกคำสั่ง1ใบ และส่งสำเนาให้นายอำเภอ 1 ใบและเจ้าพนักงานควบคุมโรค 1 ใบ เพื่อติดตามการกักกันจะต้องเกิดขึ้นจริงและเป็นไปตามหลักการควบคุมโรค หากผู้ที่ต้องคำสั่งกักกันไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกดำเนินคดีตาม พรบ.ควบคุมโรค มีทั้งโทษปรับและโทษจำคุกตามกฎหมาย