จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ นางน้ำส้มปั่น (นามสมมติ) อายุ 31 ปี อยู่ ต.เวียงเหนือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่าเคยสนิทสนมกับนายพุทธะ เทพสุริยจักรวาล อ้างว่าไปร่วมปฏิบัติธรรมแล้วถูกชายรายหนึ่งข่มขืนจนมีลูกสาวด้วยกัน อายุ 4 ขวบ แต่ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี ต่อมากลับคำว่าไม่เคยถูกลวนลามและไม่รู้จักเกี่ยวข้องกับนายพุทธะ เทพสุริยะจักรวาลแล้วนั้น ทำให้สังคมเป็นงงอย่างมาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พี่ปัด "พุทธะเทพฯ" ออกป้ายแดงปิดปากสาวแฉถูกขืนใจคาสำนัก แม่ช้ำลูกถูกหลอกคาสำนัก
- สาวแฉถูกปล้ำหลังฟังธรรมพลิกลิ้นโวยสื่อเข้าใจผิด “พุทธะเทพฯ” ล่องหนศิษย์เชื่อธุดงค์ชั้นฟ้า
- วงแตกอีกรอบ! พุทธะเทพฯ ฉุนสื่อจี้ปมขยี้กามศิษย์ สาวโผล่อ้างถูกไอ้โม่งย่ำยีคาวัด
วันที่ 22 เม.ย. 64 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านพักของนางสาวน้ำส้มปั่น ผู้เสียหาย หมู่ 2 ต.วังเหนือ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ พบแม่กับพี่ชาย ยืนยันว่าเจ้าตัวไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว และพยายามติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน ส่วนญาติพี่น้องตอนนี้เครียดมาก ไม่อยากพูดอะไรแล้ว
ทีมข่าวพยายามโทรไปหาผู้เสียหาย พบผู้ชายรับสาย อ้างว่าพ่อของนางสาวน้ำส้มปั่นนำโทรศัพท์มาทิ้งไว้ ไม่ทราบว่าเจ้าของโทรศัพท์อยู่ที่ไหน จากนั้นก็ตัดสายไป ทีมข่าวพยายามโทรติดต่ออีกครั้ง แต่สัญญาณปิดเครื่องไปแล้ว
ส่วนรถยนต์สีเหลืองที่นางสาวน้ำส้มปั่น มีการถอยใหม่นั้น เจ้าหน้าที่โชว์รูมรถระบุว่า ยังไม่ได้อนุมัติให้รถยนต์คันดังกล่าว แต่เป็นเพียงการยื่นกู้ด้วยเอกสาร และยังไม่ผ่านไฟแนนซ์
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านเวียงตะวันตก ต.เวียงเหนือ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ นายศิริกัญญา คันธนา อายุ 59 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 3 บ้านเวียงตะวันตก ต.เวียงเหนือ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีข่าวออกไปชาวบ้านบางคนยังศรัทธา และบางส่วนก็ต่างก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลวงปู่พุทธ ส่วนเรื่องของผู้ที่กล่าวว่าถูกข่มขืนจนคั้งครรภ์ ชาวบ้านหลายคนทราบเรื่องมานานแล้ว แต่ไม่มีใครอยากจะพูด เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคล กระทั่งมีข่าวออกทุกคนก็อยากจะให้ตรวจ DNA ซึ่งตนก็ได้ประสานไปทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 แล้วว่าต้องพาไปตรวจให้ได้ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ได้รับปากแล้ว ถ้าไม่ตรวจเกรงว่าเรื่องจะไม่จบ ซึ่งตอนนี้ ติดต่อผู้เสียหายไม่ได้
ส่วนวัที่งพญานาค เป็นจุดที่หลวงปู่เคยไปปฏิบัติธรรม แต่เดิมเป็นศาลาสำหรับหลบแดดหลบฝน และจัดงานชุมชุมในหนอง หรือ งานลอยกระทง หากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนที่หลวงปู่พุทธะอ้างตัวเป็นพระสงฆ์ และธุดงค์มาที่หมู่บ้าน ชาวบ้านเห็นว่าเข้ามาปฏิบัติธรรมเลยอนุญาตให้อยู่ แต่มาเริ่มแปลกใจเพราะตั้งแต่หลวงปู่เข้ามามักจะริเริ่มก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ภายในพื้นที่วังพญานาค ซึ่งเริ่มแนกจะเป็นการสร้างบันไดพญานาคให้ ตนมองว่าทำให้พื้นที่ดูดีจึงไม่ได้ขัด กระทั่งเริ่มสร้างสิ่งต่าง ๆ ไปเรื่อย รวมถึงสร้างรูปปั้นเหมือนตัวเอง ตนก็พยายามกล่าวห้ามแล้วแต่ไม่ฟัง จนมาถูกขับไล่ออกไป
ทั้งนี้ รูปปั้นที่ยังเหลืออยู่ 3 องค์ ถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากจะให้ทุบทิ้ง แต่ไม่กล้าไปทุบเองอีก เพราะเกรงว่าจะมีเป็นเรื่องผิด สาเหตุที่อยากจะทุบทิ้ง เพราะตนมองว่ารูปปั้นพระพุทธรูปที่ทำเป็นใบหน้าของหลวงปู่พุทธะเป็นรูปเฉพาะบุคคล ไม่ใช่รูปพระ ตนไม่ได้รู้สึกศรัทธาอยู่แล้ว และเกรงว่าว่าจะเป็นเครื่องมือในการทำเป็นสัญลักษณ์ส่วนบุคคลอีก นอกจากนี้ในทุกปีหลวงปู่มักจะแวะเวียนมาที่นี่ และมาทำพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้รูปปั้นของตัวเอง คล้ายกับเป็นการทำให้ดูมีความขลัง
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะให้มีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งถ้าหมอปลามาจัดการให้ก็เป็นเรื่องที่ดี เผื่อจะได้ให้คำแนะนำกับชาวบ้านได้ด้วย
ทีมข่าวเดินทางมาที่ดินแดนปฏิบัติธรรมพุทธะธรรมชาติ ดงพญาเย็น หมู่ 16 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ หลังจากหลวงปู่พุทธะ เทพสุริยะจักรวาลได้หายตัวไปประมาณ 3 วันแล้ว มีข้อมูลจากลูกศิษย์ว่า ได้กลับมาเมื่อคืนนี้ก่อนจะหายตัวไปอีก รวมถึงลูกศิษย์ที่ได้ขนข้าวของส่วนตัวออกไปเช่นกัน และตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว
พบว่าอุปกรณ์และของใช้รวมถึงขวดแก้วที่อ้างว่าบรรจุน้ำผึ้ง ซึ่งเคยวางไว้บริเวณศาลาปฏิบัติธรรมได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไปหมดแล้ว ส่วนเพิงพักที่อยู่ใกล้ ก็มีแม่กุญแจล็อกไว้ ห่างจากศาลาประมาณ 30 เมตร มีห้องพักที่ทำจากหิน ภายในห้องดังกล่าวมีกรอบรูปภาพถ่ายของทหารกับหลวงปู่ ระบุข้อความว่า "พิธีบวงสรวงพุทธะเทพสุริยะจักรวาล และพิธีอัญเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่เสา ณ ดินแดนปฏิบัติธรรมพุทธะธรรมชาติ ดงพญาเย็น"
อีกทั้งข้างใต้ก้อนหินขนาดใหญ่ ด้านล่างเคยมีการแกะสลักพระพุทธรูปปรางค์นอน พบว่าปัจจุบันบริเวณนั้นมีร่องรอยการทุบหินและใกล้กันพบเศษซากของพระพุทธรูป รวมถึงกระถางธูป และพระพุทธรูปจำนวน 2 องค์ที่เศียรหลุดออกจากลำตัว
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ลงไปที่เพิงพักของหลวงปู่ที่อยู่ห่างจากศาลาประมาณ 300 เมตร พบว่าทั้งมุ้ง เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ ปากกาเมจิก ยาสามัญ ที่ทีมข่าวพบเมื่อ 2 วันก่อนได้หายไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะที่เข้าไปพบว่าแท่งปูนจำนวน 3 ท่อนที่เคยนำมาวางขวางทางเข้าออกไว้ ได้ถูกขยับออกไป ทำให้รถผ่านเข้าไปได้ แต่ขณะที่ออกมาแท่งปูนดังกล่าวได้ถูกนำออกไปแล้ว