วันที่ 22 ก.ค. 61 ที่คริสตจักรพระคุณแห่งแม่สาย บ้านดอยงาม มีพิธีนมัสการขอบคุณพระเจ้า ที่ช่วยหนุนใจปกป้องให้น้องอดุลย์ สามอ่อน และทีมหมูป่า อะคาเดมี ทั้ง 12 คน รอดปลอดภัยออกมาได้จากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งบรรยากาศในวันนี้มีน้องอดุลย์ สามอ่อน และพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ที่นับถือศาสนาคริสต์เดินทางเข้าร่วม โดยพิธีได้มีการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และสวดอธิษฐานขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าตามหลักศาสนาของชาวคริสเตียน
โดยในระหว่างการอธิษฐานขอพรและร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้านั้น น้องอดุลย์ได้ก้มหน้าสะอื้นคล้ายกับจะร้องไห้ ในขณะการประกอบพิธี ซึ่งจากการสอบถามกับผู้เข้าร่วมงานทราบว่าเพลงที่ร้องมีเนื้อความแปลว่า “พระเจ้าคือความรัก พระเจ้ารักทุกคน พระเจ้าจะเอาชนะพญามารได้ทุกสิ่ง เพียงทุกคนมีความเชื่อในพระองค์”
จากนั้นในเวลา 12.00 น. พิธีนมัสการขอบคุณพระเจ้าได้เสร็จสิ้นลง ระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินออกจากคริสตจักรพระคุณแห่งแม่สายนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนที่มาร่วมพิธีจะออกมาจับมือทักทายและให้กำลังใจน้องอดุลย์บริเวณหน้าโบสถ์
เช่นเดียวกับ
นายพะกรุ รูชาโน ชาวบ้านดอยงาม ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย หนึ่งในบุคคลที่เข้าไปยืนให้กำลังใจและจับมือกับน้องอดุลย์ บอกว่า ตอนที่เด็กๆ ติดอยู่ในถ้ำ ทุกคนก็ร่วมกันอธิษฐานภาวนาขอพระจากพระเจ้าให้ทุกคนปลอดภัย และเมื่อออกมาได้ก็รู้สึกยินดี ส่วนตัวดีใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเจอน้องอดุลย์ก็เข้าไปแสดงความยินดี พร้อมพูดในขณะจับมือว่า “ขอบคุณพระเจ้า” และเมื่อน้องกลับออกมาได้ ได้เห็นหน้าก็ดีใจแล้ว
ต่อมา เวลา 15.00 น. ทีมหมูป่า อะคาเดมี อีก 12 คน พร้อมด้วยโค้ชนพรัตน์ กันทะวงค์, นายกมล จันทาพูน ฐานะที่ปรึกษาทีมหมูป่าอะคาเดมี ได้เดินทางมาที่คริสตจักรพระคุณแห่งแม่สาย เพื่อร่วมประกอบพิธีขอบคุณพระเจ้า และอวยพรให้ครอบครัวของ น.ต.สมาน กุนัน หรือจ่าแซม ให้มีแต่ความสุขความเจริญงอกงามและให้พระผู้เป็นเจ้าทรงคุ้มครอง
โดยในระหว่างนั้น ผู้ดำเนินรายการได้เชิญน้องอดุลย์ขึ้นไปบนเวทีเพื่อเล่าความรู้สึกให้ผู้ที่เดินทางมาร่วมพิธีได้รับฟังพร้อมกัน ซึ่งน้องอดุลย์บอกว่า ตนคงไม่ต้องแนะนำตัวอะไรแล้ว เพราะทุกคนคงรู้จัก และขอขอบคุณในพระเจ้า ยอมรับว่าตอนนี้เข้มแข็ง แข็งแรงดี จากนั้นตะโกนบอกว่า “ฮาเรลูย่า ขอบคุณพระเจ้า ครับ”
นอกจากนี้ น้องอดุลย์ ยังเล่าว่า ในคืนวันที่ 10 ที่อยู่ภายในถ้ำ ทุกคนเริ่มหมดความอดทน หมดความหวัง หมดแรงกาย ตนทำได้เพียงอย่างเดียวคือ อธิษฐานขอพรจากพระเจ้า พระเจ้าคือผู้ยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และจะช่วยเหลือให้ทั้ง 13 คนมีชีวิตกลับออกไปได้ และน้องอดุลย์ยังบอกว่า จะตอบแทนพระคุณพระเจ้า จะรับใช้พระเจ้า ยินยอมมอบชีวิตทั้งหมดให้พระเจ้าตลอดชีวิต และจะใช้อาชีพนักฟุตบอลที่ตนรัก เป็นการสื่อความรักของพระเจ้าไปให้คนทั้งโลกได้รับรู้ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทีมที่ช่วยเหลือทั้ง 13 คน ขอบคุณทั้งรัฐบาล เอกชน คนในประเทศ ต่างประเทศ ขอบคุณผู้ที่ร่วมอธิษฐานให้ตนรอดกลับออกมาอย่างปลอดภัย ขอบคุณจ่าแซม น.ต.สมาน กุนัน อดีตหน่วยซีล และขอแสดงความเสียใจ พร้อมจะตอบแทนโดยการเป็นคนดีของสังคม
จากนั้น พิธีกร ได้เชิญให้โค้ชเอก หรือนายเอกพล จันทะวงษ์ และน้องๆ ทีมหมูป่า ขึ้นเวทีแนะนำตัวต่อที่ประชุม โดยการแนะนำตัวรายบุคคล และรับมอบของที่ระลึกและขวัญกำลังใจ เพื่อแสดงการฟื้นฟูจิตใจให้กับทุกคน ให้รีบกลับมาปกติดังเดิม อาทิ ตัวแทนจากคริสตจักรประเทศไทยมอบทุนการศึกษา ตัวแทนจากทีมเชียงรายยูไนเต็ดมอบเสื้อและผ้าพันคอ
จากนั้น เมื่อเสร็จสิ้นพิธี โค้ชเอกพร้อมด้วยเด็กๆ ทีมหมูป่า ได้เดินทางออกจากโบสถ์และไปขึ้นรถ ซึ่ง 2 ข้างทางได้มีชาวบ้านมาคอยให้กำลังบอกว่า “สู้ๆ” ซึ่งโค้ชเอกและน้องๆ ทุกคนก็ได้พนมมือกล่าวขอบคุณตลอดทางไปจนถึงรถ