จากกรณีที่นายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ อาจารย์ชา อายุ 45 ปี ได้ออกมาพูดผ่านเฟซบุ๊ก “สถานีแผ่ปัญญา ธะธรรมชาติ” เกี่ยวกับเรื่องของ องค์ปู่พุทธเทพสุริยะจักรวาล ว่าเป็นลูกศิษย์ของตนเอง และมีการพูดถึงเรื่องที่นายอนัตต์ณังธะโคตร ที่สมัยบวชเป็นพระเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีการอ้างว่าตนเองมีเลือดไหลและกลายเป็นพระธาตุนั้น รวมถึงมีการขายที่ดินในจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อปี 2561 ด้วยนั้น
วันที่ 23 เม.ย. 64 นายนิพิฐ์ภณ วรรณศิริถาวร อายุ 48 ปี ผู้เสียหายถูกหลอกขายที่ดินที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า เดือนสิงหาคม 2561 ตนเองเห็นโฆษณาขายที่ดินของชุมชนธะธรรมชาติผ่านทางเฟซบุ๊ก และตนเองต้องการจะซื้อที่ดิน ทำเป็นที่พักอาศัยช่วงบั้นปลายชีวิต ร่วมซื้อกับเพื่อนอีก 5 คน
ตนเองสนใจเพียงแต่จะซื้อที่ดิน ไม่ได้สนใจว่าอาจารย์เป็นใคร และมีลัทธิอย่างไร อาจารย์ชาก็โฆษณาว่ามี กอ.รมน. และศาสตร์พระราชาเข้ามาดูแลภูเขาลูกนี้ด้วย ตนเองจึงเชื่อมั่นมาก
ขั้นตอนการซื้อขายก็เป็นปกติ เดินทางไปที่ดินและดูที่ ตนเองชอบและอาจารย์ชาก็ให้ดูโฉนดที่ดิน เมื่อตรวจสอบในระบบจีพีเอส ก็ปรากฎว่าตรงกัน และอาจารย์ชายังบอกว่าก่อนหน้านี้จะขายที่ดินในราคาไร่ละ 290,000 บาท แต่ว่าเนื่องจากเป็นวันพระใหญ่ จึงลดราคาให้ในราคาไร่ละ 100,000 บาท ราคานี้จะได้วันที่ 4 ส.ค. 61 และต้องทำการโอนเงินทันที
ที่ดินที่ตนเองสนใจในโฉนดที่ดินมีทั้งหมด 12 ไร่ ตนเองขอซื้อก่อนจำนวน 6 ไร่ ในจำนวนเงิน 600,000 บาท เนื่องจากเป็นราคาพิเศษ ทำสัญญาซื้อขายในวันที่ 4 ส.ค. 61 และ โอนเงินในวันที่ 6 ส.ค. 61 ตลอดระยะเวลาที่ตนเองตัดสินใจซื้อที่ดินนั้น ไม่ได้คิดเอะใจว่าถูกหลอกลวง เพราะที่ดินดังกล่าวมีโฉนด ตนเองมีการปรับที่ดินและเข้าไปเริ่มปรับพื้นที่แล้ว
จนกระทั่งต่อมาประมาณเดือนพฤศจิกายน 2561 ตนเองมาเห็นข่าวของ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ว่าขึ้นไปบนภูขี้ไก่ และที่ดินคล้ายของตนเอง โทรศัพท์ไปสอบถาม พ.อ.พงษ์เพชร ว่าความจริงเป็นอย่างไร จึงนำโฉนดที่ดินไปสอบถาม ก็ปรากฎว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ระหว่างเพิกถอนเอกสารสิทธิ์โฉนด โดย DSI ตั้งแต่ ปี 2552 และอยู่ในแปลงที่สำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์มีความเห็นสั่งเพิกถอนโฉนด ตามมาตรา 61 โดยมีที่ดินกว่าพันไร่ และไม่ได้ประกาศขายที่ดินแปลงนี้แปลงเดียว มีการประกาศขายที่ดินเป็นพันไร่ รวมถึงประชาชนคนอื่น ๆ ก็เห็นข้อความขายที่ดินนี้
ในวันแรกที่ตนเองได้พบอาจารย์ชามีการสร้างความมั่นใจว่าถ้าหากไม่พอใจหรือไม่ชอบ สามารถขอเงินคืนเต็มจำนวนได้ทันที โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น ตนเองจึงขอคืนเงินค่าที่ดิน แต่ก็มีการผลัดผ่อนมานานหลายเดือน จนนายชาหมดความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจแจ้งความ และขออำนาจศาลฟ้องร้องเรื่องนี้
โดยที่ผ่านมาพฤติกรรมของอาจารย์ชานั้น ดูมีความเชื่อมั่นมาก มีหลักการมีเหตุผล พูดจาโน้มน้าวได้ตลอดเวลา มีความน่าเชื่อถือ โดยไม่มีความแคลงใจสงสัยใด ๆ ส่วนกระแสข่าวตอนนี้ ตนเองไม่แปลกใจ ล่าสุดศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 1 ปี ข้อหาฉ้อโกง แก่อาจารย์และภรรยาซึ่งอยู่ระหว่างอุทธรณ์
ด้านนายอนัตต์ณังธะโคตร ญาณ์ธนโชติ หรือ อาจารย์ชา อายุ 45 ปี เปิดเผยว่า เรื่องกายแต่งกายของตนเองไม่ได้มีสาระใด ๆ เมื่อก่อนหน้านี้ ตนเองมีความตั้งใจว่าจะบวชตลอดชีวิต แต่มีปัญหากับพระผู้ใหญ่ จึงต้องลาสิกขาออกมา เพราะพระทะเลาะกัน พระพุทธศาสนาจะเสียหาย ตนเองจึงออกมาตั้งศาสนาใหม่ คือ “ธะธรรมชาติ” ซึ่งมีอยู่ในระบบแล้ว คิดค้นเรื่องวิธีการแต่งกายเอง ให้มีลักษณะคล้ายกับการรวมหลายศาสนามาไว้ที่ตนเอง เพราะความตั้งใจคืออยากรวบรวมทุกศาสนาให้เข้าใจซึ่งกันและกัน จึงเกิดเป็นชุดนี้ออกมา
ที่เป็นสีแดง ส่วนสีแดง เพราะส่วนตัวชอบสีแดง ประกอบกับช่วงที่คิดค้นมีการชุมนุมทางการเมือง 2 สี จึงตัดสินใจรวมทั้ง 2 สี มาอยู่ในเครื่องแต่งกายของตนเอง และตนเองมีความตั้งใจว่าจะสวมใส่ชุดนี้ไปจนเสียชีวิต
ส่วนเรื่องการปฏิบัติในความเป็นอยู่นั้น ตนเองก็เป็นอยู่อย่างปกติ ทำธุรกิจหาเงิน ส่วนที่เป็นกำไรก็นำมาเข้ามูลนิธิช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งขณะนี้ตนเองก็ช่วยเหลือชาวบ้านอยู่ทุกอย่าง โดยถือศีลเพียง 2 ข้อ คือ 1.ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน 2.ไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนเท่านี้ ไม่มีอะไรซับซ้อน โดยไม่มีการสวดมนต์ ถ้านับถือตนเองจริงไม่ต้องนำเงินมาทำบุญ ให้ปฏิบัติเท่านั้น ตนเองมีหน้าที่ให้ ไม่มีหน้าที่ขอ ส่วนความเชื่อเรื่องสวดมนต์นั้นไร้สาระ ตนเองไม่มีการปฏิบัติ เพราะมองว่าไม่เกิดประโยชน์
ส่วนกรณีหมอปลา และพระมหาไพรวัลย์ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องตนเองนั้น ถึงไม่มีเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ พฤติกรรมของหมอปลาที่ผ่านมาตนเองมองออกว่าคนไหนมีของจริงหรือไม่จริง และตนเองก็ทราบทั้งเรื่องหลักกรรม เรื่องเหตุผล มองว่าสิ่งที่หมอปลาทำเป็นเพียงแค่การแสดง ไม่ได้มีหลักเกณฑ์ใด ๆ แล้วก็ต้องหาเรื่องขุดคุ้ยเพื่อให้ตัวเองบริสุทธิ์ ตนเองไม่ได้สนใจ เชิญขุดมาได้ แต่ขอว่าให้เป็นเรื่องจริงและถูกต้อง
สำหรับการรู้จัก หลวงปู่พุทธะสุริยะจักรวาลนั้น ตนเองเรียกว่า “หลวงยัน” ซึ่งเมื่อประมาณปี 2554 ขณะที่ตนเองบวชเป็นพระอยู่ที่วัดวังหอม อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายพุทธะสุริยะจักรวาลถูกทำคุณไสยใส่ตัวแม่จึงพามาหาตนเองที่วัด ให้ทำการรักษาโดยการเข้าฌาณ หลังจากเมื่อรักษาหายก็มีความเลื่อมใสศรัทธา จึงบวชอยู่กับตนเอง 3 ปี ตนเองก็ได้สอนธรรมะต่าง ๆ ให้ ซึ่งนายพุทธะเป็นคนสมถะ ไม่ถือเงิน ไม่ใช้โทรศัพท์ ชอบปลีกวิเวกไปนั่งคนเดียว จนกระทั่งมีการมาขอตนเองไปธุดงค์ จนหายไปเป็นระยะเวลานาน จนตนเองลาสิกขา และนายพุทธะก็ลาสิกขา และกลับมาหาตนเอง
บอกว่าจะไปอยู่ที่ภาคอีสาน และเขาก็ไป และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เป็นช่วงประมาณ 5 ปี จนกระทั่งมาได้ข่าวของเขาและมองว่าเรื่องราวแบบนี้ คล้ายของตนเอง จนกระทั่งตอนนี้ตนเองก็ไม่ได้ติดต่อเลย ตนเองอยากจะช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย เรื่องของคดีความ ถ้าหากใครไปใส่ร้ายนายพุทธะ ในเรื่องที่ไม่จริง ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย หากสิ่งใดที่ผิด ตนเองจะไม่ช่วย เช่น เรื่องผู้หญิง ก็ต้องตรวจสอบก่อนว่าจริงเท็จประการใด ตนเองขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าตั้งแต่บวชมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ตนเองไม่เคยมีความผิดไม่เคยอวดอุตริ ไม่เคยไปบอกคนอื่นว่าทำสิ่งใดวิเศษได้
ส่วนเรื่องภาพที่มีการโปรยเงินแล้วอ้างว่าเป็นดอกไม้กลายเป็นเงินนั้น ตนเองยืนยันว่านอนหลับอยู่ ตนเองก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนนำมาโปรย ตื่นมาก็เห็นภาพแบบนี้แล้ว และก็ไม่ทราบว่าใครถ่าย ตนเองจึงแจกเงินดังกล่าวไปหมด
ส่วนเรื่อง เหงื่อ หรือเลือดเป็นพระธาตุนั้น ตนเองยืนยันว่าศีรษะแตกจริง เพราะทำงานและประสบอุบัติเหตุรถที่ลูกศิษย์ขี่มาล้ม ทุกคนก็เห็นว่ามีเลือดจำนวนมาก ขณะนั้นก็มีคนอยู่จำวนมาก รวมถึงแม่ของตนเองด้วย และอากาศช่วงเวลานั้นลมพัดแรง บางทีมันอาจจะแห้ง เมื่อแห้งและก็เป็นเกล็ดก็มีคนมาเก็บไป และที่มีการนำไปตรวจสอบ ตนเองก็ไม่รู้ว่านำเลือดตนเองไปตรวจจริงหรือไม่ ใครให้ไปตรวจ และคนที่ไปตรวจก็ไม่เคยมาคุยกับตนเอง จนกระทั่งออกมาเป็นข่าวแล้ว ตนเองจึงไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ยืนยันว่าความจริง ตนไม่เคยพูดว่าสิ่งดังกล่าวเป็นพระธาตุ รวมถึงตนเองยืนยันว่าช่วงที่บวชไม่เคยใช้เฟซบุ๊ก หรือสื่อต่าง ๆ เพิ่งจะมีการใช้งานช่วงที่มาอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ แล้ว ข่าวที่ออกมาในอดีตตนเองจึงไม่ทราบ และไม่เกี่ยวข้อง
สำหรับการทดลองทางวิทยาศาสตร์ จากข้อมูลของนักวิชาการด้วยการใช้สารเคมีผสมกับสีแดง ทิ้งไว้ให้แห้งและโดนแสงแดดระยะหนึ่ง ได้เป็นวัตถุคล้ายกับผลึก ใกล้เคียงกับที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นพระธาตุ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศิษย์พระกรันอวดบรรลุฌาณฉี่-เลือดเป็นเกล็ด "พุทธ" ท้าโชว์เสกพระธาตุเก๊จากน้ำแดง
ตนยืนยันว่าไม่ได้อ้างคุณวิเศษใด ๆ แต่ตัวเองทำได้ และถ้าหากจะพิสูจน์ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง ตนเองจะเป็นคนสอนให้ และเรื่องของอิิธิฤทธิ์นั้นก็มี 2 ประเภท คืออิทธิฤทธิ์ทางวิทยาศาสตร์ และอิทธิฤทธิ์จากไสยศาสตร์ ทุกอย่างมีเหตุมีผล พร้อมพิสูจน์ความจริงทุกประการ และตนเองเชื่อว่าไม่มีเรื่องใดที่ตนเองไม่รู้
ส่วนเรื่องที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์นั้น ตนเองขอชี้แจงว่าถูกกลั่นแกล้งจากนายทหารระดับสูง และมีการฟ้องร้องไปเรียบร้อยแล้ว และศาลก็วิเคราะห์ออกมาแล้วว่าที่ดินดังกล่าวคือภูบ่อง และยืนยันว่าทุกเรื่องเป็นการใส่ร้ายตนเองทั้งหมด ส่วนนายกุศลศรีอริยเมตไตรยนั้น ตนเองมีการปรึกษาขอความช่วยเหลือเรื่องที่ดินเพียงเท่านั้น
ตนยืนยันตนเองเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา และอยากช่วยเหลือประเทศ อยากช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น และเปิดเผยว่า อีก 10 ปีข้างหน้าจะมีภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ซึ่งต้องรอดูว่าจะมาในรูปแบบใด
สำหรับอาจารย์ชา นอกจากเป็นอาจารย์ของนายพุทธ เทพสุริยะจักรวาลแล้ว ยังเป็นสหายทางธรรมกับนายกุศลศรีอริยะ ที่อ้างตัวเป็นพระศรีอริยเมตไตรย ศาสดาขององค์พุทธเจ้า และเจ้าตัวก็ยังอ้างว่าได้นิมิตถึงพระธรรมกร ที่บั่นคอตัวเองถวายให้กับพระพุทธเจ้า เพื่อได้เป็นปัจเจกบุคคล เป็นมีบุญมากนั้น