เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังราคาตกต่ำ หันมาปลูกองุ่นขาย ได้ราคาสูง ผลผลิตพร้อมเก็บขายปลายเดือนเมษายนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เกษตรกรชาวบ้านบ้านปลื้มใต้ หมู่ 9 ได้หันมาปลูกองุ่น หลังจากที่ปลูกมันสำปะหลังแล้วไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากสภาพดินเสื่อม จากการทำเกษตรแบบใช้สารเคมี จนทำให้ดินเกิดการเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว
นายประกอบ ชูเชิด อายุ 69 ปี ชาวบ้านบ้านปลื้มใต้ หมู่ 9 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เกษตรกรผู้ปลูกองุ่น เล่าให้ฟังว่า ในอดีตตนเองได้ทำการเกษตรปลูกมันสำปะหลังเป็นอาชีพหลัก ต่อมาด้วยสภาพดินที่เสื่อมสภาพลง จากการใช้สารเคมี และปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้หันไปปลูกลำไย แต่ด้วยความที่สวนลำไยต้องใช้พื้นที่กว้าง และต้องใช้แรงงานในการดูแลรวมทั้งเก็บผลผลิตจำนวนมาก นอกจากนี้ผลผลิตยังมีราคาตกต่ำด้วย จึงประสบกับปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เกษตรกรพิมาย ปลูกต้นกล้วยตัดใบขาย รายได้หลักแสนต่อปี
- เกษตรกรพิจิตรปลูกชะอมครั้งเดียว เก็บขายได้นานสิบปี มีเงินเข้าบัญชีทุกวัน
- เกษตรกรยิ้มออก ปลูกพริกเพียง 1 ไร่ ทำรายได้เทียบเท่ากับการทำนาถึง 10 ไร่
ตนเองจึงได้หันมาทดลองปลูกองุ่นแทน เพราะองุ่นไม่ต้องใช้ขนาดพื้นที่มาก โดยทดลองปลูกสายพันธุ์แบล็คโอปอล และไวท์มะละกา ในเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ สวนองุ่นของตน เป็นส่วนแรกของอำเภอปะคำ และเป็นสวนแบบเปิดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนที่อื่นจะปลูกแบบในโรงปลูกแบบปิด จากการทดลองปลูกองุ่น ซึ่งเริ่มลองผิดลองถูกมาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยซื้อต้นพันธุ์องุ่นมาปลูกเอง และก็เริ่มมีการขยายพันธุ์เองด้วยการติดตาองุ่น นำสายพันธุ์จากแปลงเก่าที่ปลูกไว้ หลังจากมีการตัดแต่งกิ่ง นำมาต่อขยายกับต้นตอองุ่นป่า โดยองุ่นปีนี้ได้ผลผลิตดี ทางสวนกำลังเริ่มขยายแปลงปลูกออกไปอีก 1 ไร่
การปลูกและดูแลองุ่นนั้นคุณประกอบได้ใช้น้ำหมัก ฮอร์โมนไข่ ในการฉีดพ่นต้นองุ่นเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ออกผลดก โดยบอกว่าการใช้น้ำหมักฮอร์โมนไข่นั้น ได้คุณภาพดีกว่าการใช้สารเคมีในการฉีดกระตุ้นให้องุ่นออกผลดก โดยรอบนี้องุ่นออกผลเป็นรอบที่ 3 แล้ว ซึ่งในแต่ละปีนั้นสามารถเก็บได้อยู่ 3 รอบราคาขายอยู่กิโลกรัมละ 80-100 บาท ซึ่งในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ผลผลิตก็พร้อมที่จะได้เก็บเพื่อนำไปขายแล้ว ซึ่งตนก็มีแผนที่จะให้ผู้สนใจนั้นได้เข้ามาชมสวน และก็เลือกตัดองุ่นชิมกันแบบสดๆ ในสวน ได้เองอีกด้วย