เมื่อวันที่ 25 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊กของกู้ภัยกกไทร อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ประกาศงดปฏิบัติหน้าที่ ออกรับผู้ป่วย หรือผู้บาดเจ็บ และงดปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือต่าง ๆ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โดยสืบเนื่องมาจากรับแจ้งเหตุอุบัติเหตุที่บ้านหวาย จึงได้ออกไปให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำส่ง รพ.หล่มสัก ต่อมาได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่า ผู้บาดเจ็บมีผลตรวจติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้ทีมงานอาสากู้ภัยกกไทร อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ที่ไปช่วยเหลือคนเจ็บ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19
ดังนั้นทีมงานอาสากู้ภัยกกไทร อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จึงต้องกักตัวและงดปฏิบัติการออกรับเคส "ผมเองก็หนึ่งในนั้นเหมือนกัน เสี่ยง แจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ขอตัวไปทำตามระเบียบ สบค. แล้วจะกลับมาให้บริการใหม่"
จากการสอบถามทราบว่า อาสากู้ภัยกกไทร อ.หล่มสัก ได้รับแจ้งจาก สถานีตำรวจภูธรหล่มสัก ให้ร่วมตรวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้ได้รับอุบัติเหตุจักรยานยนต์ชนกัน มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย จึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือ โดยไม่ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้ป่วยโควิด-19 และมาทราบอีกครั้งตอนที่เจ้าหน้าที่ รพ.หล่มสัก ติดต่อมาในช่วงดึกของวันเดียวกัน จึงประกาศให้อาสาสมัครที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำการกักตัว เป็นเวลา 14 วัน และหยุดการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
นอกจากนี้ ตำรวจสภ.หล่มสัก ได้แจ้งว่ากรณีดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ 2 ราย จึงได้ให้ดำเนินการกักตัวเพื่อรอดูอาการ 14 วัน พร้อมทั้งดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ทั้งในและรอบ สภ.หล่มสัก และขอให้ประชาชนที่จะไปติดต่อที่ สภ.หล่มสัก ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
นพ.ชัยวัฒน์ ทองไหม สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานทราบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 รายนี้ไม่มีอาการมาก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนไทม์ไลน์ ส่วนผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และพยาบาลที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้ ได้สั่งให้กักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการแล้ว
ในส่วนผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดที่เชื้ออาจจะอยู่ในระยะฟักตัว ก็จะขอตรวจหาเชื้อ รวมทั้งได้สั่งการให้พ่นยาฆ่าเชื้อในกรณีที่ผู้ป่วยรายดังกล่าวและผู้สัมผัสใกล้ชิดไปในสถานที่ต่าง ๆ ด้วย แต่เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานจำนวนผู้ที่เสี่ยงและสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยดังกล่าวว่ามีกี่ราย