ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เดินหน้าโครงการ “เป็นโควิดต้องมีที่รักษา” สำเร็จแล้ว 25 เคส ลั่นไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะโครงการประสานกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่ง ชาติ (สปสช.) ให้เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ไม่มีใครต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
- ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผุดโครงการ เป็นโควิดต้องมีที่รักษา ช่วยเหลือผู้ป่วยไร้เตียง
โดย ณวัฒน์ เปิดใจถึงเหตุผลของการจัดตั้งโครงการนี้กับสื่อมวลชนในงานแถลงข่าวเมื่อบ่ายของวันนี้ ( 27 เมษายน ) ว่า หลังเห็นผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากและมีหลายรายที่เสียชีวิตจากการไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อย่างเคสของอาม่าชรา 3 คน ที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่ได้รับการรักษาในสถานพยาบาล ต้องกักตัวอยู่บ้านร่วมกัน เสียชีวิตคาบ้านพักโดยที่ไม่มีคนไปรับศพ
สำหรับคนที่จะเข้าโครงการนี้ อันดับแรกคือต้องมีผลตรวจที่ยืนยันโดยแพทย์ว่าติดเชื้อโควิด-19 และกำลังรอการรักษาอยู่ที่บ้าน ด้วยสาเหตุที่ว่า เตียงเต็ม ยังหาโรงพยาบาลไม่ได้ ก็สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ แอดไลน์ @missgrand
ซึ่ง เจ้าตัวยังขอสัญญาอีกว่า ตนจะประสานหาโรงพยาบาลให้ได้เร็วที่สุด จะไม่ให้เกิน 2 วัน และที่สำคัญคือผู้ป่วยทุกคนที่เข้าร่วมโครงการจะไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะทางองค์กรมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ประสานกับทาง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่ง ชาติ (สปสช.) ให้เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ไม่มีใครต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
พร้อมกับขอยืนยันว่าทุกคนจะมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน โดยผู้ป่วยคนไหนที่มีอาการอยู่ในระยะเฝ้าระวัง ก็จะถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลปิยะเวท เพื่อดูอาการทั้งหมด 10 วัน พร้อมกับการดูแลอย่างดี ส่วนผู้ที่อาการหนัก ก็จะจัดส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเข้ารับการรักษาทันที
ซึ่งปัจจุบันในโครงการนี้ จะมีทีมงานขององค์กรมิสแกรนด์ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลเบื้องหลังหรือแม้แต่นางงาม ที่คอยตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์ สแกนคนไข้ เพื่อทำการประเมินอาการและติดต่อประสานงานกับทางโรงพยาบาล และ hospital ทั่วกรุงเทพ อยู่จำนวน 10 คน
โดยที่ผ่านมาตลอด 4 วันของการดำเนินโครงการ ทางองค์กรได้ประสานให้ผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารับการรักษาสำเร็จไปแล้วทั้งหมด 25 คน (อัปเดต 14.00 น. 27 เมษายน 2564) และช่วงบ่ายของวันนี้ 27 เมษายน 2564 ก็จะดำเนินการอีกประมาณ 20 กว่าคน โดยหลังจากนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ได้วันละ 50 เคส เพราะในแอพพลิเคชันไลน์ @missgrand มีเคสที่ติดต่อมาขอความช่วยเหลือรวมแล้วกว่า 1,000 เคส ซึ่งตนยอมรับว่าการทำโครงการในครั้งนี้ได้ใช้คอนเนคชั่นของตัวเองโดยตรงเท่าที่จะสามารถทำได้ และบอกว่าจะทำไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น