จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "แม่ทัพลิง 2/1 Airline" ได้โพสต์ภาพนิ่งและคลิปชายห่มเหลือง ลักษณะคล้ายพระสงฆ์รูปหนึ่ง กลางวันเป็นพระสงฆ์ กลางคืนเป็นร่างทรงพระศิวะ
ลักษณะคล้ายร่างทรงบูชาเทพเจ้า มีพิธีกรรมที่เหล่าลูกศิษย์ เข้ามาร่วมพิธีแล้วของขึ้น องค์ลงร่ายรำ ทำท่าทางแปลกกันหลายคน บางคลิปพระทำท่าร่ายมนต์ขลัง เอามือวนรอบศีรษะก่อนเอานิ้วไปจิ้มหน้าผากสีกา จนหลายคนอยากให้สำนักพุทธศาสนา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ
วันที่ 27 เม.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังเทวสถานธรรมะกาโม ศิวะอิศวรมหาเทพตรีมูรติ ต.คุยม่วง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พบว่า บริเวณรอบเทวสถานมีพระพุทธเจ้าสีขาว มีแท่นบูชาวางรูปปั้นเทวรูป จำนวนมาก ทั้งพระพิษเนศ พระนเรศวร พระศิวะ และฤๅษี ขณะเดียวกันยังมีแท่นวางเศียร์พ่อแก่ เศียรพระพิฆเณศ เศียรยักษ์ และเศียรเทวรูป ตามความเชื่อทางศาสนาฮินดู
มีอาคารลักษณะสำนักเปิดโล่ง เป็นเพิงศาลาปูน 1 ชั้น ภายในมีพระพุททธรูปจำนวนมาก เป็นพระมหาจักรพรรดิ์ ปางหนึ่งของพระพุทธเจ้า มีหลายหลายสีตั้งเรียงเป็นแถว นับ 10 องค์ รวมทั้งพระศิวะสีทองอีก 1 องค์ พระพิฆเณศสีขาว 1 องค์ โดยวันนี้มีเครือญาติมาปฏิบัติธรรม ในเทวสถานมีพระสงฆ์ 2 รูป ก็คือ พระครูสุชาติธรรมะกาโม อีกรูปเป็นพระสงฆ์สหายธรรม โดยพระจะนอนมุ้ง และนอนเต็นท์ ช่วงหัวค่ำจุดธูปสวดมนต์ตามปกติ
พระครูสุชาติธรรมะกาโม ยืนยันว่า ตนเองคือเจ้าของเทวสถาน และพระในคลิปเป็นพื้นที่เทวสถานเป็นที่ดินส่วนตัว เนื้อที่ 6 ไร่ พร้อมชี้แจงว่า จากคลิปที่มีสีกาเข้ามาหา ตนเองไม่ได้เอานิ้วไปจิ้มหน้าผาก หรือเอามือไปสัมผัสโดยตรง แต่เว้นระยะเอาไว้ เป็นมุมกล้องที่ทำให้เห็นแบบนั้น
ส่วนการเจิมหมึกสีแดงที่หน้าผากลูกศิษย์ผู้หญิง ตนเองยืนยันว่า ไม่ได้โดนตัว หรือถูกเนื้อต้องตัวสีกา แต่ใช้เครื่องสำอางค์ผู้หญิง อย่างลิปมันสีแดง ซึ่งมีก้านยาว ๆ ใช้จิ้มไปที่หน้าผากแทนนิ้ว ตนเองไม่ได้ปาราชิกเหมือนอย่างที่หลายคนพูดกัน การถูกเนื้อต้องตัวก็ไม่ถึงกับปาราชิก
พระครูสุชาติธรรมะกาโม ปฏิเสธว่า "ไม่ได้ทรงเจ้า ไม่มีองค์เทพเจ้าประทับร่าง พระไม่ได้เข้าทรงนะจ๊ะ ที่ไปตามงานญาติโยมศรัทธา นิมนต์ไปงาน ส่วนท่าทางที่ตนเองแสดงออกมานั้นเป็นการอธิษฐานจิต เช่นยกมือขึ้นมาบริเวณหัวไหล่ หมายความว่าโชคดี ขอให้สำเร็จ สาธุ" บางครั้งตนเองก็จะอธิฐานพูดว่า "มหาบารมี ทุกบารมี ขอให้เจริญ ขอบารมีทั้งหลาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จะประทานพร ให้เปิดดวง เปิดฌาน เปิดบารมีให้ส่วนไสว สาธุ เปิด" ซึ่งการพูดไปเหมือนแก้ตัว ความจริงคือความจริง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านไม่เคยตอบโต้ ความจริงจะปรากฏเองด้วยบารมี ส่วนการห่มผ้าลายเสือที่เห็นในคลิป ไม่ได้สื่อถึงอะไร ไม่ได้สื่อถึงฤๅษี ที่จริงเป็นผ้าคลุมไหล่เอาไว้กันหนาว เหมือนผ้าคลุมไหล่ทั่วไป แต่เป็นเพียงผ้าลายเสือเท่านั้นเอง
โดยเริ่มแรกบวชให้แม่ 5 พรรษา แต่บวชไปแล้วซึ้งในรสพระธรรม จึงอธิฐานจิตว่าในชีวิตนี้ขอบวชตลอดชีวิต ขอตายบนผ้าเหลือง จะบวชตลอดชีวิต เป็นพุทธบูชาให้โยมแม่ และไปจำพรรษาที่ จ.กำแพงเพชร จนกระทั่งย้ายไปสร้างวัดที่ จ.อุทัยธานี 10 กว่าพรรษา กลับมาที่บ้านเกิดที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมในที่นาเนื้อที่ 6 ไร่ จากมรดกตกทอดของครอบครัว คิดว่าเกิดมาชาติหนึ่งจึงสร้างเทวสถานให้เป็นพุทธบูชา ถวายให้ศาสนา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เอาไว้ให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ให้กับผู้แสวงบุญ ผู้ปฏิบัติธรรม ไม่แบ่งแยกว่านับถือศาสนาใด พราห์ม ฤๅษี ฮินดู หรือนับถืออะไรก็แล้วแต่จิตที่ศรัทธา จิตของมนุษย์เราแบ่งแยกกันไปเอง พระพุทธเจ้าไม่เคยแบ่งแยกชนชั้น ไม่เคยแบ่งแยกวรรณศาสนา ทุกสิ่งอยู่ที่จิต อยู่ที่ความคิดของแต่ละบุคคล
พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียน วัดสร้อยทอง บอกว่า อาตมาได้ดูคลิปของพระดังกล่าวหลายคลิป ปัจจุบันพระหลายรูปหันไปทำพิธีกรรมกันจำนวนมาก พิธีกรรมเหล่านั้นเป็นความเชื่อแบบพราหมณ์ ฮินดู ไม่ใช่ความเชื่อตามพุทธศาสนา โดยอาตมามีความเห็นว่าพระบางรูปอาจจะมีความเชื่อเช่นนี้มาตั้งแต่ก่อนบวช พอบวชแล้วก็ยังคงเชื่อ จึงนำความเชื่อแบบพุทธไปปนกับความเชื่ออื่น แต่พระสงฆ์ไม่สามารถประกอบพิธีกรรมแบบนี้ได้ ถือเป็นการประพฤติตัวนอกรีด มีความผิดตามกฎบังคับของสงฆ์
คนทั่วไปที่ประพฤติตัวเช่นนี้ว่าแย่แล้ว ยิ่งเป็นพระ ยิ่งไม่ควร เนื่องจากพระถือเป็นตัวแทน มีหน้าที่เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งทำให้ศาสนาเลอะเทอะ ถือตรีศูล แล้วตกลงพระรูปนี้จะเป็นอะไร หากชอบทางนี้ก็ขอให้สึกก่อน แล้วค่อยทำตามความเชื่อของตัวเอง "เป็นพระคือลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ลูกศิษย์เทพหรือพ่อแก่" สึกแล้วจะหันไปนับถือฮินดูก็ไม่มีใครว่า อย่าก้ำกึ่งจะเป็นทั้งพระและเข้าทรง ทั้งนี้ อาตมาอยากจะขอให้ต้นสังกัดของพระรูปนี้เข้าไปจัดการดูแล เพราะประชาชนจะเลียนแบบเอาอย่าง
ด้านนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พูดถึงกรณีพระเข้าทรงเช่นกันว่า นี่คือมารศาสนา แค่ร่างทรงทั่วไปทำแบบนี้หลอกลวงเงินจากประชาชนก็ว่าแย่แล้ว แต่เมื่อพระทำแบบนี้ยิ่งแย่กว่า สำนักพุทธศาสนาควรออกมาดูแล อย่าปล่อยให้พระแบบนี้ลอยนวลนำผ้าเหลืองมาหากิน พระที่ทำตัวแบบนี้ ถือว่าตัดขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ถือเป็นเปรตห่มผ้าเหลือง หรือยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เพราะสัตว์เดรัจฉานไม่หลอกลวงคนเท่าเปรตตัวนี้ ขอฝากถึงคนที่ศรัทธา ตนอยากถามว่ายกมือไหว้ลงได้อย่างไร หากสำนักพุทธศาสนาไม่จัดการหรือนิ่งเฉย ตนจะลงพื้นที่ไปพิสูจน์เอง สำนักพุทธจะจับหรือต้องให้ตำรวจจับ